© 2017 Copyright - Haijai.com
Facts and Beliefs
มีความรู้มากมายในการเลี้ยงลูก ที่เหมาะกับยุคสมัยในปัจจุบัน ทำให้วิธีการเลี้ยงลูกบางอย่างที่สืบทอดกันมาในอดีตเลือนหายไปบ้าง แต่บางอย่างก็ยังคงอยู่ ซึ่งความเชื่อเรื่องการเลี้ยงลูกที่ว่านั้น บางอย่างเป็นเรื่องจริงที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อธิบายได้ แต่บางอย่างก็ยังเป็นเพียงคำบอกเล่าที่กล่าวขานต่อๆ กันมา
Facts and Beliefs
"น่าเกลียด" แปลว่า "น่ารัก"
Fact
ความน่ารักของเด็กมีอยู่ในตัวทุกคน ด้วยความไร้เดียงสา ทำอะไรก็ตามด้วยความเป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้ง จึงสร้างความประทับใจน่าชื่นชมให้กับผู้พบเห็น
Belief
ในเรื่องนี้โบราณเขาเชื่อกันว่า เด็กที่ยังเป็นทารกอยู่นั้นห้ามชมว่าน่ารักเป็นอันขาดค่ะ เพราะเชื่อว่าจะถูกผีมาลักขโมยไป เขาให้แก้เคล็ดด้วยการเปลี่ยนคำพูดเป็นว่า “ น่าเกลียดน่าชัง” ผีจะได้ไม่มารบกวนให้เด็กไม่สบายหรือแย่งเอาชีวิตไป ความเชื่อเรื่องนี้แม้ทุกคนจะรู้กันอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่หลายคนก็ยังคงถือปฏิบัติกันอยู่ สังเกตจากเรามักจะไม่ค่อยได้ยินผู้ใหญ่ชมเด็กว่าน่ารักแต่จะได้ยินเขาชมว่า“ ช่างน่าเกลียดน่าชังจัง” บ่อยค่ะ
เล่นกับแม่ซื้อ
Fact
ในช่วงแรกเกิดของเจ้าตัวเล็กส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการนอน จะร้องไห้และตื่นเป็นครั้งคราวเมื่อหิวหรือขับถ่าย ในช่วงเวลาที่ลูกนอนหลับนี้เองค่ะ จะมีอาการต่างๆ เกิดขึ้นเองเป็นธรรมชาติ ทั้งการสะดุ้งผวา นั่นก็เป็นเพราะว่าลูกยังปรับตัวให้คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวไม่ได้ ตกใจกับเสียงดังและบางทีมีนอนยิ้มจนคุณแม่บางคนตกใจ ไม่ต้องกลัวค่ะ เพราะอาการแบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ
Belief
ตามความเชื่อของคนโบราณอาการดังกล่าวหเขาเชื่อกันว่าเด็กกำลังเล่นกับแม่ซื้อ แม่ซื้อก็เปรียบเสมือนนางฟ้าประจำตัวลูกนั่นเองค่ะ เพราะตามความเชื่อบอกว่า เธอจะคอยคุ้มครองปกปักรักษาไม่ให้เจ้าตัวเล็กเป็นอันตราย ซึ่งเมื่อประกอบกับบางครั้งที่เด็กกลิ้งตกเตียง หรือนอนผิดท่าก็มักจะไม่ค่อยได้รับอันตรายมากเพราะมีแม่ซื้อคอยรองรับอยู่ ทุกวันนี้ ก็ยังคงมีความเชื่อในเรื่องนี้อยู่ค่ะ
ปานและรอยตำหนิ
Fact
ทารกน้อยที่เกิดมาพร้อมรอยตำหนิ มีกระ มีปาน ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งตามปกติแล้วทารกสามารถที่จะเกิดรอย ต่างๆ ดังกล่าวขึ้นมาได้ ตามกรรมพันธุ์ และการเกิดปานไม่ว่าจะมีสีใดก็ตาม เป็นเพราะเซลล์ผิวหนังผิดปกตินั่นเองค่ะ เป็นเรื่องของผิวหนังของเด็กแต่ละคน
Belief
เรื่องปานหรือรอยตำหนิโบราณถือว่า เด็กที่เกิดมานั้นได้เคยเกิดมาแล้วชาติหนึ่ง แล้วถูกป้ายด้วยของ ทำเป็นตำหนิเอาไว้ ปานแดง ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยปูนแดง และปานดำ จะถูกป้ายด้วยถ่าน เพื่อที่ว่าเวลาเกิดใหม่ญาติพี่น้องในชาติที่แล้วจะจำได้จากตำหนิ
เรียกขวัญ
Fact
เมื่อใดที่เด็กตกใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม จะส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น จนผู้ใหญ่ตกอกตกใจไปตามๆ กัน ปลอบเท่าใดก็ไม่เงียบเสียที ในความเป็นจริงแล้วทารกยังไม่สามารถสื่อสารผ่านเป็นคำพูดได้ ทำได้แค่เพียงร้องไห้ เพื่อบอกให้ผู้อยู่ใกล้ๆ เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร หิว ง่วง หรือขับถ่าย หรือต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษ เมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการแล้วเจ้าตัวเล็กจะหยุดเอง ถือเป็นพัฒนาการด้านการเรียนรู้ค่ะ
Belief
เวลาที่เด็กร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุด ตามความเชื่อเขาให้เรียกขวัญง่ายๆ ด้วยการโอบกอดเด็กไว้กับอกตบหลังเบาๆ พร้อมกับพูดว่า “ ขวัญเอ๋ยขวัญมา” เป็นการเรียกขวัญให้กลับเข้ามา จะได้หยุดร้องไห้ ความเชื่อนี้ก็ยังคงยึดปฏิบัติกันอยู่ โดยไม่ต้องมีการสอน ทำจนเป็นความเคยชินกันไปแล้วค่ะ
ค่านิยมและความเชื่อมีผลต่อบุคลิกภาพของเด็ก
ดร. ริชาร์ด ซี วูล์ฟสัน นักจิตวิทยาเด็กชาวอังกฤษ กล่าวถึงเรื่องความเชื่อและค่านิยมเอาไว้ว่า ความเชื่อในเรื่องการเลี้ยงลูกของพ่อแม่นั้นไม่ได้มาจากวัฒนธรรมและสังคมเท่านั้น แต่ยังเป็นผลมาจากภูมิหลังของเชื้อชาติอีกด้วย คนแต่ละชนชาติ แต่ละพื้นที่และเผ่าพันธุ์ก็มีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งความเชื่อและค่านิยมทั้งหมดนี้ มีผลต่อพฤติกรรมของเด็กที่จะโตบโตในครอบครัวและชุมชนนั้นด้วย
(Some images used under license from Shutterstock.com.)