
© 2017 Copyright - Haijai.com
ภาษารัก Love Speech
ภาษารัก เป็นภาษาที่ทุกคนอยากได้ยินและอยากรู้สึกดีๆ กับคนที่รัก ภาษารักมีอานุภาพทำให้จิตใจคนเราอ่อนโยนลง เปิดใจรับอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ชิด เรียนรู้จักและยอมรับซึ่งกันและกัน ทุกคนอยากจะรักและอยากถูกรัก ภาษารักจึงสร้างพลังทางบวก สร้างคุณค่าให้กับคนที่ถูกรัก เรามักจะเชื่อมั่นในคนที่เรารักว่า เขามีสิ่งที่ดี ภาษารักมิได้มีเฉพาะความรักระหว่างบุคคล ภาษารักเป็นภาษาสากลที่ถูกใช้ในครอบครัว ในชุมชน หรือแม้แต่ในสังคม
Love Speech
ภาษาที่อยู่ตรงข้ามกับภาษารักน่าจะเป็นภาษาที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง ถ้าภาษารักทำให้จิตใจคนเราอ่อนโยนลง ภาษาที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังคงทำให้จิตใจรุ่มร้อน ปิดใจรับอีกฝ่าย มีแต่ความไม่พอใจ ความโกรธหรืออาจจะคับแค้นใจ ไม่มีใครอยากถูกเกลียด และถ้าไม่จำเป็นก็คงไม่อยากเกลียดใคร แต่ไม่ว่าจำเป็นมากขนาดไหน ความไม่สามารถลดทอนอารมณ์เกลียดชังเป็นพลังทางลบ ทำให้เราอยากเห็นคนที่เราคิดว่าเกลียดย่อยยับลง ถ้าเป็นครอบครัว ชุมชน หรือสังคม ที่สร้างอารมณ์เกลียดชังให้เกิดขึ้น ก็คงมีแต่ความรุนแรงทั้งทางใจ ทางวาจาและทางกาย
ภาษารักเป็นภาษาที่เด็กทุกคนควรจะได้รับจากคนสำคัญ บ่มเพาะภูมิคุ้มกันให้สามารถแสดงความรักด้วยจิตใจ ที่ปรารถนาดีต่อผู้อื่นได้อย่างจริงใจ ไม่เพียงแค่สามารถแสดงความรักกับคนที่รัก คนที่ใกล้ชิดแต่สามารถรับรู้ถึงผู้คนที่อยู่ร่วมกับตนเองในสังคม ไม่ว่าจะต่างด้วยชนชั้น สถานะ รูปลักษณ์ ก็สามารถยอมรับและเข้าใจความแตกต่าง สามารถแสดงภาษารักที่ยอมรับคนที่อยู่ร่วมในสังคมกับตนเองได้
ทำไมต้องสอนให้เด็กรู้จักภาษารัก
เพราะสังคมที่เดินหน้าด้วยเรื่องตนเองเป็นใหญ่ กำลังผลักให้ลูกของเราสนใจเฉพาะเรื่องของตนเอง การเรียนรู้จัก Love Speech จะทำให้เขาเรียนรู้การให้อภัย สามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกับคนอื่นในสังคม บนความเป็นจริงว่า เรามีความแตกต่างกัน และบางครั้งในสังคมก็มีประวัติศาสตร์ที่สร้างความแตกต่าง ระหว่างคนในสังคมมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ความรู้สึกไม่ชอบคนที่เรารู้สึกว่าเขาต่างไปจากเราไม่ได้เกิดเพราะเขาทำอะไรให้เรา แต่เป็นแค่ความรู้สึกที่เกิดอย่างอัตโนมัติว่าเขาไม่เหมือนเรา
เวลาที่มีความสุขเป็นเวลาที่เราพร้อมที่จะพูดภาษารัก อย่างน้อยก็เป็นบทเรียนแรกๆ ที่ไม่ยากสำหรับเด็กที่จะแสดงความรัก เมื่อเขาเริ่มจากการถูกรัก แสดงความรักตอบกลับมาให้กับพ่อแม่ ด้วยการโอบกอดเวลาที่เขารู้สึกว่าได้รับการดูแลที่ทำให้เขาอบอุ่นใจ ปลอดภัย และสบายใจ และเริ่มส่งภาษาบอกรักพ่อแม่ไม่ว่าจะด้วยคำพูดตัวหนังสือ ภาพวาด สิ่งของที่ตั้งใจทำขึ้นมา เพื่อส่งภาษารัก บทเรียนถัดไปเขาเรียนรู้ที่จะรัก พี่น้องที่มีความแตกต่างจากเขา มีทั้งช่วงเวลาที่สนุกด้วยกัน และบางเวลาก็เจ็บปวดที่ต้องแบ่งปันกับคนที่ตัวเล็กกว่า แล้วในที่สุด ก็ถึงเวลาที่จะเรียนรู้ที่จะรักคนที่อยู่นอกครอบครัว มิตรภาพและความเป็นเพื่อนที่ทำให้รู้ว่า อย่าเสียเวลาที่จะเข้าใจผิดกัน มีหลายวิธีที่จะคืนดีกับเพื่อนกลับมาคบกับเพื่อน เป็นบทเรียนการสร้างภาษารักกับคนแปลกหน้าที่อยู่ใกล้กัน ถ้าไม่มีภาษารัก คงไม่มีเพื่อนรักที่เป็นกำลังใจให้กันและกัน
เวลาที่ไม่มีความสุข รู้สึกไม่ชอบสิ่งที่คนอื่นกระทำต่อเรา คงเป็นเวลาที่ยากที่จะสื่อสารด้วยภาษารัก เวลารู้สึกอย่างนั้นจะเริ่มต้นอย่างไรดี ให้ภาษารักและการให้อภัยกลับมาอีกครั้ง เพราะนั่นเท่ากับการดึงความสงบสุขของสังคมกลับมาอีกครั้ง เวลาที่รู้สึกไม่ชอบคนอื่น เป็นเวลาที่ดีที่จะหันกลับมาดูตัวเราเอง ลองดูวิธีที่เด็กเริ่มเรียนรู้จากในครอบครัวกับพี่น้อง เวลาที่เขารู้สึกว่าไม่ชอบน้องส่วนหนึ่ง เป็นเพราะน้องทำให้เขาหงุดหงิด แต่เมื่อเขาตอบโต้ด้วยวิธีรุนแรงทั้งคำพูดและการลงมือตีน้อง สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การรอจังหวะเอาคืน และบ้านจะกลายเป็นสมรภูมิ ไม่มีใครสักคนได้ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ
พี่และน้องต่างต้องกลับมาที่ตนเอง มองว่าอะไรคือสิ่งที่เขาจะเปลี่ยนสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เริ่มจากเข้าใจความแตกต่างระหว่างพี่กับน้อง ความแตกต่างที่เขามีโดยธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะอยากจะทำให้อีกฝ่ายไม่ชอบ เขาจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับความแตกต่างด้วยจุดรวมที่ร่วมกันได้ และการเลี้ยงส่วนที่เห็นต่างกัน ภาษารักของพี่น้องจึงมีอานุภาพ เพราะเราเป็นพี่น้องกัน เป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้เราจะเพศต่างกัน วัยต่างกัน นิสัยต่างกัน
เมื่อเด็กโตขึ้น เขาเรียนการเปลี่ยนภาษาของความไม่ชอบใจมาเป็นความรู้สึกที่ดี ด้วยการยอมรับเพื่อนคนที่บังเอิญได้เจอ แม้จะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ แต่อย่างน้อย ก็ไม่รู้สึกกดดันหรือวุ่นวายใจกับคนที่ไม่เป็นในแบบที่เราอยากให้เป็น แต่ไม่ได้แปลว่าเขายอมรับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เขายังคงแยกแยะระหว่างการกระทำที่ควรทำและไม่ควรทำได้ แต่ดูที่ใจของเขาว่ารุ่มร้อนขนาดไหน ถ้าใจร้อนก็ย่อมตอบโต้ทันที บางทีไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเรียนรู้ในสิ่งที่เขากระทำ เพียงแต่รู้สึกว่ามีอารมณ์ต่อกัน ลองด้วยวิธีเดิมทุกครั้งที่มีใครทำให้เราอยากตอบโต้ด้วยความรุนแรง มองกลับมาที่ตัวเราเองก่อน ใช้เวลาชั่วขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เราอาจรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม หรืออย่างน้อยก็ไม่วุ่นวายใจมาก คนเรามักมีวิธีที่ดีกว่าการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงเสมอ และเป็นการปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกเกลียดชังที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาจนไม่เหลือที่ว่างให้กับความรัก
ความรักความลึกซึ้ง สร้างสรรค์ให้เกิดสิ่งที่ดีงามเป็นพลังให้กับทั้งบุคคล ครอบครัว ชุมชน หรือแม้แต่สังคม ที่จะเดินไปข้างหน้า ความรักจะช่วยดึงบุคคลออกจากระบบที่เลวร้ายในสังคม วันนี้เราเตรียมให้ลูกเติบโตด้วยจิตใจที่ยิ่งใหญ่ พอที่จะเปิดรับความแตกต่างหลากหลายของคนในสังคม มากพอที่จะร่วมกันให้ความรักกับคนรอบตัว รอบข้าง รอบประเทศ และรอบโลก เริ่มจากการส่งภาษารักให้กันแม้กับคนที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด หยุดทบทวนที่ตัวเราเองก่อนตอบโต้ เราจะร่วมกันหยุดระบบที่เลวร้าย แต่เราจะไม่ส่งต่อและตอบโต้กันด้วยความเกลียดชังผู้คน
(Some images used under license from Shutterstock.com.)