Haijai.com


หากพรุ่งนี้ไม่มีเขา เราจะเป็นอย่างไร


 
เปิดอ่าน 1563

หากพรุ่งนี้ไม่มีเขา เราจะเป็นอย่างไร

 

 

โลกสมัยใหม่ที่คู่สมรสติดต่อกันได้ด้วยไอที สามารถก่อปัญหาได้อย่างคาดไม่ถึง แต่ก่อนที่เราจะกล่าวโทษไอทีหรือเหตุอื่นใด เรามาสำรวจเรื่องพื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่า “ชีวิตสมรส” กันอีกครั้ง

 

 

ข้อแรก ลองถามตนเองเป็นระยะๆ ว่า คู่สมรสที่อยู่กับคุณและลูกๆ ของคุณนั้นสำคัญอย่างไร

 

ข้อนี้ไม่ยากเลยที่จะหาคำตอบ หาเวลาว่างๆ นั่งลงสงบๆ แล้วจินตนาการถึงโลกวันพรุ่งนี้ ที่คู่สมรสของคุณตายแล้ว บ้านของคุณจะไม่มีเขาอีกตั้งแต่ตีห้า ของวันใหม่ประมาณนั้น นั่งนึกไปทีละฉากๆ อย่าได้ข้ามไปแม้แต่ฉากเดียว เราควรจะเห็นเขาตอนไหนทุกๆ เช้า เขาจะทำอะไรที่ไหน ให้ใคร อย่างไร นึกไปเรื่อยๆ จนถึงยามสายที่คู่สมรสส่วนมาก จะแยกกันไปทำงาน หรืออย่างน้อยหนึ่งคนไปทำงานอีกหนึ่งคนอยู่บ้าน ก่อนหน้านั้นใครเตรียมอาหาร ใครส่งลูกไปโรงเรียน ฯลฯ

 

 

ถ้าพรุ่งนี้เขาตายแล้ว คุณจะทำอะไรกับงานที่ทำอยู่ทุกวัน จะทำอะไรตอนเที่ยงวัน จะเปลี่ยนพฤติกรรมช่วงพักเที่ยงหรือเปล่า ตอนเย็นใครจะไปรับลูก แล้วนึกภาพตอนเย็นหรือตอนค่ำในรถ หรือในบ้านที่ทุกคนเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาเข้านอน เขาควรจะทำอะไรอยู่ที่ตรงไหนของบริเวณบ้านในทุกๆ ค่ำ ลองสละเวลามองไปที่ที่เขาชอบอยู่เป็นประจำ แม่บ้านอาจจะอยู่ในครัว พ่อบ้านอาจจะอยู่หน้าโทรทัศน์หรือหน้าคอมพิวเตอร์ ลองนึกภาพโลกที่บริเวณนั้นว่างเปล่า จะไม่มีเขาอีกต่อไป

 

 

หากเราฝึกทำเช่นนี้เรื่อยๆ จะพบว่าเขามีความสำคัญและน่าทะนุถนอมมาก แต่คงมีบางบ้านตอบว่า ไม่มีเขาโลกก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย หรือไม่มีเขาแล้วโลกน่าอยู่ขึ้นมาก หากคุณตอบอะไรแบบนี้ ผมจะชวนให้คุณพิจารณาตัวเองให้ดีอีกครั้งหนึ่งว่า ได้มองข้ามอะไรไปหรือเปล่า แต่ถ้าคิดแบบนี้กับเจ้านายที่ทำงานก็โอเคเลยครับ เข้าใจว่าส่วนใหญ่จะคิดถูก

 

 

ข้อสอง เมื่อโลกนี้ยังมีเขาอยู่ อย่าได้ทำเสมือนโลกนี้ไม่มีเขาอยู่

 

นี่คือคำศัพท์ ที่เราเรียกกันว่า “แคร์”  จะทำอะไรก็ควรแคร์คู่สมรสไว้เสมอ มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเขียนว่า อาการไม่แคร์ที่คู่สมรสทำผิดกันบ่อยที่สุด กลับเป็นเรื่องง่ายๆ ที่หลายคนมองข้าม นั่นคือไปไหนไม่บอกกล่าว เราสามารถทำอะไรได้สารพัด ที่ทำให้คู่สมรสน้อยใจว่าไม่แคร์กันเลย เช่น ขัดใจ ไม่ให้ซื้อแหวนวงใหม่ หรือเสื้อสวยตัวใหม่ไปจนถึง ลืมไปรับเขากลับบ้าน แต่เรื่องพื้นฐานที่สุดของที่สุด คือ เรื่องไปไหนมาไหนไม่บอกกล่าว

 

 

เวลาพ่อบ้านหายตัวไปไม่บอก แม่บ้านมักเก็บกดความเสียใจไว้ เมื่อทำบ่อยๆ ครั้งเข้า เขาจะกลายเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเอาง่ายๆ เพราะรู้สึกตนเองไม่มีคุณค่าอะไรต่อคู่สมรสอีก แต่ถ้าเป็นแม่บ้านไปไหนมาไหนไม่บอกกล่าว พ่อบ้านมักออกอาการโมโหโกรธา ไปจนถึงด่าทอและตบตี โดยตนเองไม่มีความเสี่ยงของโรคซึมเศร้าแม้แต่น้อย นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ในเชิงสังคมที่ส่งผลกระทบสุขภาพจิตตรงๆ

 

 

สมัยก่อนเราสามารถบอกล่าวคู่สมรสได้ว่า จะไปไหนด้วยการเดินไปบอก ต่อมาเราสามารถใช้โทรศัพท์ได้ เมื่อโทรศัพท์บนโต๊ะแปลงร่างเป็นมือถือ ยิ่งทำให้เราสามารถแจ้งเขาได้เสมอว่าจะไปไหน ถอยหลังนิดหนึ่ง เราสามารถเขียนโน้ตแปะตู้เย็นหรือวางบนโต๊ะอาหาร ก้าวหน้านิดหนึ่งเราสามารถเอสเอ็มเอส แอป ไลน์ เช็คอิน สารพัดว่าเราไปไหนหรืออยู่ที่ไหน เรียกว่าสมาร์ทโฟนแทบจะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือส่งกระแสจิตก็ไม่ปาน ดังนั้น ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ เลยว่าไม่สามารถบอกได้

 

 

อย่างไรก็ตามการบอกกล่าวที่ดีที่สุด ยังคงเป็นการเดินไปบอก เป็นวิธีการแสดงออกว่า “ฉันแคร์เธอ” ที่ดีที่สุด

 

 

ข้อสาม คู่สมรสแปลว่าอะไร

 

คู่สมรส มีความหมายว่า เธอคือหมายเลขหนึ่ง มิใช่หมายเลขสอง ดังนั้น คู่สมรสใดๆ ล้วนมีความลับที่ล่วงรู้กันเพียงสองคนเสมอ ไม่มีบุคคลที่สามรู้ความลับหรือรหัสลับนี้เป็นอันขาด พลันที่โลกปรากฏคนที่สามที่รู้ความลับของคุณสองคน สถานะคุ๋สมรสจะสั่นคลอนทันที

 

 

จูบครั้งแรก เพลงส่วนตัว คำหรือประโยคลับอันเป็นที่รู้กัน จุดอ่อนและปมด้อยของอีกฝ่าย เหล่านี้มักเป็นข้อมูลส่วน (สอง) บุคคล ที่ผู้อื่นไม่น่าจะทราบเว้นแต่ หนึ่งในสองนี้เองที่โพนทะนาออกไป สมัยก่อนก็คงโพนทะนาได้ด้วยปาก หรือด้วยการเขียนจดหมาย แต่เดี๋ยวนี้ มีช่องทางหลุดรอดของความลับมากมายด้วยเครื่องมือไอทีสมัยใหม่ การนินทาคู่สมรสอื่น การนินทาเจ้านาย การนินทาเพื่อนบ้าน เหล่านี้มักหลุดออกไปในเฟซบุ๊คเป็นประจำ ดั้งนั้น ควรระวังให้ดีที่จะไม่หลุดความลับสองต่อสอง ที่เป็นของคนสองคนเท่านั้น

 

 

ข้อสี่ อย่าแคร์เกินสมควร

 

ข้อนี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก อันที่จริงการแสดงออกว่าฉันแคร์เธอ แทบจะไม่มีข้อเสียในตัวของมันเอง หากไม่ล้ำเส้นไปสู่ความหึงหวง และแท้ที่จริงแล้ว “แคร์เธอ” กับ “หึงหวง” นั้นห่างกันไกลมาก จนกระทั้งคนสติดีไม่น่าจะเอามาปนกันได้โดยง่าย ถูกต้องแล้วครับ เป็นที่เข้าใจได้ว่าความหึงหวงเกิดขึ้นได้เสมอ และมักเกิดแก่ฝ่ายชายมากกว่าฝ่ายหญิงด้วยซ้ำไป

 

 

เขียนมาตั้งยาวแต่อยากให้ลองฝึกทำข้อแรกดูเถิดครับ หากพรุ่งนี้ไม่มีเขา เราจะเป็นอย่างไร

(Some images used under license from Shutterstock.com.)