© 2017 Copyright - Haijai.com
ตกขาว VS มะเร็ง
Q : เคยได้ยินว่าตกขาวสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้จริงหรือเปล่าคะ เคยเป็นเชื้อราบ่อยมาก รักษาหายไปแล้วก็กลับมาเป็นอีกบ่อยครั้ง จะทำให้เป็นมะเร็งไหมคะ
A : ตกขาวเป็นอาการตามธรรมชาติ ที่ผู้หญิงทุกคนต้องมี เป็นสารคัดหลั่งที่ออกมาจากช่องคลอดและปากมดลูก มักเกิดขึ้นในวัยเจริญพันธุ์ และแปรเปลี่ยนไปตามฮอร์โมน เช่น เมื่อเราเป็นประจำเดือนใหม่ๆ ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะมาก ทำให้เกิดสารคัดหลั่งที่เรียกว่าตกขาวออกมาเป็นมูกใส และจะใสมากขึ้นในวันที่ตกไข่ หลังจากตกไข่ไปแล้วสี อาจจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล ช่องคลอดจะเริ่มแห้ง และสิ่งคัดหลั่งจะน้อยลงไม่มีกลิ่นหรืออาการที่ผิดปกติใดๆ
สังเกตตกขาวที่ผิดปกติง่ายๆ
อาจเกิดภาวะติดเชื้อจากเชื้อต่างๆ เป็นพยาธิสภาพ สังเกตได้ดังนี้
• มีตะกอนสีขาวนม หรือปนสีเหลือง มีอาการคัน บวมและแสบบริเวณช่องคลอด เกิดจากเชื้อรา
• มีอาการคันและตกขาวมีสีเหลือง เกิดจากพยาธิในช่องคลอด
• ตกขาวที่มีกลิ่นเหม็นอย่างชัดเจน เช่น กลิ่นเปรี้ยวหรือกลิ่นคาวปลา เป็นกลุ่มเชื้อแบคทีเรียลวาจิโนสิส (Bacterial Vaginosis : BV)
• มีอาการปวดแสบเมื่อปัสสาวะ มีตกขาวและมีกลิ่นเหม็น มีแผล เกิดจากเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เริม
คำกล่าวที่ว่าตกขาวทำให้เกิดมะเร็งนั้น จึงไม่เป็นจริง เนื่องจากตกขาวเป็นเพียงอาการที่ปะปนมากับตกขาวเท่านั้น และตกขาวที่เกิดจากมะเร็งจะเจอได้น้อยมาก ส่วนมากพบในชนบท คือ ตกขาวอาจมีลักษณะเลือดปน ซึ่งอาจเป็นเลือดสีแดงสดหรือสีออกน้ำตาล เพราะอาการจากมะเร็งจะมีเลือดออกเป็นหลัก สำหรับใครที่เป็นเชื้อราบ่อยๆ อาจเกิดจาภูมิต้านทานที่ด้อยลง เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
ตกขาวแบบใดควรมาพบแพทย์
1.คัน
2.เหม็น
3.ปวดแสบปวดร้อน
อาการต่างๆ มีลักษณะของเชื้อที่ไม่เหมือนกัน การรักษาแพทย์จะทำการตรวจดูเชื้อว่าติดเชื้อชนิดใด เนื่องจากอาการคัน นำมาได้ทั้งเชื้อราและพยาธิ การรักษาอาจเป็นยาเม็ดสอดในช่องคลอด ยารับประทานและยาแก้อาการ เช่น ยาทาเมื่อคันหรือปวดแสบปวดร้อน
ศ.นพ.เสวก วีรเกรียติ สูติ-นรีแพทย์
ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช
ศูนย์สุขภาพสตรีกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)