
© 2017 Copyright - Haijai.com
Q : น้ำมันปลาและน้ำมันตับปลาแตกต่างกันอย่างไร และให้ประโยชน์เหมือนกันหรือเปล่า
A : คนทั่วไปมักมีความสับสนอยู่เสมอระหว่างน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลา สิ่งที่แตกต่างกันของน้ำมันทั้ง 2 ชนิดคือ
• ชนิด และส่วนของปลาที่นำมาใช้ – น้ำมันปลา (Fish oil) สกัดมาจากส่วนหัว เนื้อ และหนังของปลาทะเลที่มีปริมาณไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล เป็นต้น ส่วนน้ำมันตับปลา (Cod liver oil) จะสกัดจากตับของปลาคอด
• ส่วนประกอบของน้ำมัน – เนื่องจากเป็นน้ำมันที่สกัดได้จากปลาทะเล น้ำมันทั้ง 2 ชนิดจึงมีไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณสูง ประกอบด้วย กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 (ส่วนใหญ่เป็น ALA, DHA และ EPA) และกรดไขมันอื่นๆอีกหลายชนิด สิ่งที่แตกต่างคือสัดส่วนของกรดไขมันที่ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดและส่วนของปลาที่นำมาใช้ โดยในน้ำมันปลาจะมีปริมาณกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 มากกว่าน้ำมันตับปลา นอกจากนี้ในน้ำมันตับปลายังมีวิตามิน A และวิตามิน D ในปริมาณสูงอีกด้วย
ประโยชน์ของน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลา
การบริโภคน้ำมันปลาโดยมากหวังผลจากการที่น้ำมันปลามี DHA และ EPA ในปริมาณสูง โดย EPA จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการลดการอักเสบ ช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด ส่วน DHA จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการพัฒนาของจอตาและสมอง
ส่วนน้ำมันตับปลามักให้ในเด็ก เพื่อเสริมวิตามิน A และวิตามิน D ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมเยื่อบุผิวให้เป็นปกติ เสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูก และพัฒนาการของสมอง รวมถึงผู้ที่ขาดวิตามิน D โดยเฉพาะในประเทศเขตหนาวที่ไม่ค่อยมีแสงแดด อย่างไรก็ตามน้ำมันตับปลามีวิตามิน A และวิตามิน D ในปริมาณสูง ควรใช้ในขนาดที่แนะนำ เนื่องจากอาจเกิดพิษจากวิตามินที่สะสมได้
เนื่องจากปริมาณของ EPA, DHA ที่แตกต่างกันในน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลา จะให้ผลของการเสริมอาหารที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นการเลือกน้ำมันปลาหรือน้ำมันตับปลาจึงควรพิจารณาถึงปริมาณ และคำแนะนำของการบริโภคต่อวัน ที่ระบุในฉลากของอาหารเสริมนั้นๆด้วยค่ะ
ทีมเภสัชกรโรงพยาบาล BNH
(Some images used under license from Shutterstock.com.)