
© 2017 Copyright - Haijai.com
แก้ไขด่วน จมูกเสียโฉมจากสารฉีด
เป็นที่รู้กันว่าการศัลยกรรมใบหน้าที่รู้จักคุ้นเคยกันดีมาแต่ไหนแต่ไร นั่นก็คือ “การเสริมจมูก” ซึ่งเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ บนอวัยวะของใบหน้า เพราะการมีจมูกโด่ง ได้รูปสวยงาม ทำให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องศัลยกรรมส่วนอื่น แค่จมูกก็ทำให้ใบหน้าเปลี่ยนแล้ว และยังช่วยในเรื่องของการเสริมโหงวเอ็งอีกด้วย สาวๆ หนุ่มๆ ไม่ว่ายุคไหนที่มีความต้องการศัลยกรรมใบหน้า จึงนิยมเลือกเสริมจมูกก่อนเป็นอันดับแรก
การเสริมจมูกนั้นสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกันขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการเสริม ได้แก่ การผ่าตัดเสริมจมูกด้วยแท่งซิลิโคนและกระดูกอ่อน การเสริมจมูกด้วยการร้อยไหม และการเสริมจมูกด้วยการฉีดสารต่างๆ เช่น สารเติมเต็ม (Filler) ประเภท Hyaluronic acid หรือ สารไบโอ (Bio) ซึ่งประเด็นสำคัญที่กลุ่มคนทำศัลยกรรมจมูกส่วนหนึ่งกำลังประสบปัญหาหลังจากเสริมจมูกคือการแพ้สารฉีดทำให้จมูกบิดเบี้ยว จมูกโก่ง มีลักษณะงอตรงกลางดั้ง สารฉีดทะลุชั้นผิวหนังออกมา กระทั่งอักเสบรุนแรงจนจมูกเน่า ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักก่อนว่า สารที่นำมาใช้ฉีดนั้นแบ่งออกเป็นกี่ประเภท และมีลักษณะอย่างไรบ้าง
ประเภทของสารที่นำมาใช้ฉีด
สารที่นำมาใช้ฉีดจมูกนั้น สามารถฉีดบริเวณต่างๆ ของร่งกายได้ด้วยเช่นกัน เช่น คาง หน้าผาก ใบหน้าส่วนอื่นๆ สะโพก น่อง ซึ่งสารที่นำมาใช้ฉีดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
1.สารที่ฉีดแล้วอยู่ในร่างกายชั่วคราว
เมื่อฉีดเข้าไปแล้วร่างกายจะมีปฏิกิริยากับสารแปลกปลอมทุกชนิด แต่สารแปลกปลอมบางชนิด มีการสลายด้วยน้ำย่อยในร่างกายมนุษย์เอง เกิดปฏิกิริยาต่อกัน ทำให้สารแปลกปลอมนั้นค่อยๆ สลายตัวช้าๆ ในระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปีครึ่ง ซึ่งพบว่าสารนี้คือสารไฮยาลูรอนิกแอซิดนั่นเอง เป็นสารเคมีร่างกายผลิตได้เอง เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และองค์การอาหารและยา (อย.) เห็นว่าสารไฮยาลูรอนิกแอซิดมีความปลอดภัย จึงอนุญาตให้เป็นสารที่สามารถใช้ได้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถึงแม้ว่าสารไฮยาลูรอนิกแอซิดจะสลายตัวไปได้เองแต่อาจไม่หมดร้อยเปอร์เซ็นต์ และอาจเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารฉีดขึ้น ทำให้เกิดการแพ้ ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนเป็นกังวล
2.สารที่อยู่ในร่างกายถาวร
สารเหล่านี้จะไม่มีการสลาย สารชนิดนี้ที่รู้จักกันมานาน คือ ซิลิโคนเหลว นอกจากนั้นยังมีพาราฟิน น้ำมันพืช และสารไบโอ (Bio) ซึ่งเป็นสารถาวรที่ผู้ไม่ใช่แพทย์หรือหมอกระเป๋านิยมฉีดให้กับประชาชนทั่วไป เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สำหรับคอลลาเจนซึ่งเป็นสารที่ผลิตจากโปรตีนของสัตว์ ได้รับความนิยมเช่นกันเมื่อประมาณ 15-20 ปี ที่แล้ว แต่ต้องระมัดระวังการแพ้ มีวิธีการฉีดที่ยาก ราคาสูง ทำให้ได้รับความนิยมในระยะเวลาอันสั้น โดยปัจจุบันสารที่ได้รับความนิยมใช้กันแพร่หลายคือฟิลเลอร์ ถึงแม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะถือได้ว่าปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึค้นจากการแพ้ได้
สาเหตุการแพ้สารฉีด (ฟิลเลอร์)
ฟิลเลอร์ทุกชนิดเป็นสารสังเคราะห์ ยกเว้นคลอลาเจนที่มาจากสัตว์ ซึ่งปัจจุบันไม่มีการผลิตแล้ว ก่อนฉีดต้องมีการทดสอบการแพ้และจำกัดปริมาณ อาการแพ้ที่เกิดขึ้นจาการฉีดฟิลเลอร์นั้นมีสาเหตุมาจาก
1.สูตรเคมีที่ฉีด หากเป็นไฮยาลูรานิก ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายเราเอง โอกาสที่จะเกิดปฏิกิริยารุนแรงกับร่างกายมีน้อย แต่หากเป็นสารอื่นไม่สามารถบอกได้ว่าร่างกายจะมีปฏิกิริยามากน้อยแค่ไหน ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมขึ้นอยู่กับชนิดของสารเคมี
2.ปริมาณที่ถูกฉีด หากสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายจำนวนมาก ก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยามากขึ้นตามปริมาณ
3.วิธีการฉีด คนไข้ไม่สมารถทราบได้ว่าแพทย์หรือผู้ที่ไม่ใช่แพทย์นั้นฉีดลึกหรือฉีดตื้นแค่ไหน และผิวหนังบริเวณจมูกค่อนข้างบาง เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ใต้ผิวหนังอาจทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ
4.ระยะเวลาที่อยู่ในร่างกาย สิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะมีปฏิกิริยาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ไม่สามารถรับได้ จึงต้องขับไล่สิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น ทำให้เกิดปฏิกิริยาอักเสบต่างๆ ขึ้น
ลักษณะอาการของการแพ้สารฉีด
การแพ้สารฉีด คือ ปฏิกิริยาอักเสบที่ร่างกายส่งสารเคมีเข้ามาเพื่อป้องกันโรค ป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการรุกราน เป็นกระบวนการป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายโดยธรรมชาติของมนุษย์ ทำให้เกิดการบวมแดง มีรอยฟกช้ำ ในบางรายพบว่าเกิดการอักเสบรุนแรง ทำให้จมูกเสียหาย มีรูปร่างผิดไปจากปกติ ผิวหนังจมูกเปลี่ยนสี เป็นสีดำ หรือเรียกว่าจมูกเน่า ผิวหนังบริเวณจมูกเสียหายทั้งหมด ซึ่งการแก้ไขจมูกที่เสียหายจากาการฉีดสาร สามารถทำได้โดยการผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขจมูก
คนไข้ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารแสลง ยาละลายลิ่มเลือด งดทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าด้วยเทคโนโลยีต่างๆ อย่างน้อย 6 เดือน เนื่องจากมีผลต่อการบวม ช้ำเขียว เลือดออกผิดปกติ ทำให้เลือดคั่งบริเวณผ่าตัดเนื้อเยื่อบอกช้ำ ทำให้การผ่าตัดยากขึ้น อาจทำให้ผิวหนัง เกิดความเสียหายมากขึ้นหลังผ่าตัด และทำให้หายช้าเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด
การดูแลตัวเองหลังทำการแก้ไขจมูก
หลังจากคนไข้ทำการผ่าตัด เพื่อนสารฉีดออกจากจมูก รวมถึงหากมีการเสริมจมูกเข้าไปใหม่ โดยแท่งซิลิโคนหรือกระดูกอ่อนแล้ว ควรงดทานอาหารแสลงทุกชนิด เนื่องจากทำให้เนื้อเยื่อมีการซ่อมแซมที่ผิดปกติ เมื่อจมูกยุบและหายบวมแล้วจะทำให้จมูกไม่สวยได้รูปอย่างที่ต้องการ
การเสริมจมูกมีหลากหลายวิธีการให้คนไข้เลือก แต่ในทุกวิธีต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ควรปรึกษาแพทย์ให้ถ่องแท้ถึงข้อดีข้อเสีย สารที่ใช้ฉีดผ่าน อย. หรือไม่ ฉีดแล้วมีโอกาสแพ้สารฉีดไหม หากเป็นไปได้อาจถามถึงตัวอย่างงานของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกใจตัวเองมากที่สุด และด้วยปัญหาจมูกเสียหายจากการฉีดสารต่างๆ คนไข้ที่เกิดความไม่สบายใจจากการรักษา สามารถร้องเรียนไปที่แพทยสภาได้
การนำสารฉีดอกจากจมูกเพื่อแก้ไขจมูกผิดรูป สามารถทำได้โดยการผ่าตัดนะครับ ซึ่งการผ่าตัดแก้ไขและเสริมจมูกมี 3 วิธี คือ การผ่าตัดรูเดียว และการผตัดสองรู และการผ่าตัดที่เรียกว่า Open คือการผ่าเส้นกลางจมูกด้วย แต่เนื่องจากเส้นกลางจมูกมีโอกาสมองเห็นแผลเป็นได้ชัด จึงไม่นิยม
สำหรับผมใช้ วิธีผ่าตัดเปิดสองรู โดยการเปิดแผลในรูจมูก ทำให้มองไม่เห็นแผลหลังผ่าตัด โดยใช้เครื่องมือขนาดเล็ก ร่วมกับเทคนิคของแพทย์ เข้าไปทำการเลาะเพื่อนำสารฉีดออกจากจมูก และบริเวณโดยรอบที่สารฉีดสามารถไหลไปอยู่ตรงบริเวณนั้นได้ จึงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เมื่เลาะสารฉีดออกมาแวจะพบว่ามีรูปทรงเช่นเดียวกับตอนที่ยังอยู่ในจมูก นั่นหมายความว่าแพทย์ได้ทำการนำสารฉีดออกมาไม่น้อยกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ผิวหนังหลังจากผ่าตัดยังมีความเรียบร้อยเช่นเดิม และหากคนไข้ต้องการเสริมจมูกด้วยแท่งซิลิโคน แพทย์จะทำการเสริมให้หลังจากนำสารฉีดออกแล้วทั้งหมด ซึ่งคำว่า “ศัลยกรรม” ภาษาไทยนั้น แปลว่า “ผ่าตัด” แต่การผ่าตัดเสริมจมูก ไม่ได้เป็นการผ่าตัดรักษาโรค แต่เป็นการผ่าตัดใบหน้าให้สวยงาม ความสวยงามเป็นศิลปะ ด้วยเหตุผลที่ว่าศัลปะมีหลายรูปแบบ แต่ละคนมีใบหน้าไม่เหมือนกัน แต่การผ่าตัดมีวิธีการที่เหมือนกันทุกราย ดังนั้นการผ่าตัดเสริมจมูกจึงต้องมีการออกแบบใบหน้าร่วมกับเทคนิค การผ่าตัดทางการแพทย์ที่ถูกต้องเหมาะสมครับ
พล.ต.ท. น.พ.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์
(Some images used under license from Shutterstock.com.)