© 2017 Copyright - Haijai.com
ล้างพิษ จำเป็นไหม
อาหาร น้ำ และอากาศนั้น ล้วนเป็นแหล่งที่ป้อนสารพิษแก่ร่างกายเราทั้งสิ้น ขึ้นกับว่าสถานที่ที่รับนั้นอยู่ที่ใด เช่น ท่านผู้อ่านสามารถได้รับสารพิษหลายขนานจนไม่น่าเชื่อว่าจะรอดตาย ถ้ายืนที่สี่แยกปทุมวันในวันที่รถติดในกรุงเทพมหานคร แต่ท่านจะรู้สึกเป็นสุขสดชื้นในช่วงเวลาเดียวกันถ้าท่านยืนอยู่กลางพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
สิ่งที่น่าสนใจ คือ สารก่อมะเร็งปริมาณน้อยๆ สามารถทำหน้าที่เป็นสารต้านมะเร็งเอง โดยไปกระตุ้นระบบทำลายสารก่อมะเร็งให้แข็งแรงขึ้น ตัวอย่างเช่น เครื่องเทศที่ใช้ในการปรุงอาหารนั้นได้รับการศึกษาพบว่า ปริมาณที่ใช้ในการปรุงอาหารตามปกติมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง แต่เมื่อทำการศึกษาให้ลึกลงไปกลับพบว่าองค์ประกอบหลายชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง เมื่อให้แก่สัตว์ทดลองในปริมาณสูง
ความถี่ของการได้รับสารพิษก็เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าสารพิษในขนาดที่ไม่ได้ก่อให้เกิดพิษเฉียบพลันเข้าสู่ร่างกายด้วยความถี่ต่ำ ร่างกายมักทำลายสารพิษนั้นทิ้งได้ แต่ถ้าเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำ แม้จะมีขนาดต่ำๆ ก็ก่อพิษต่อร่างกายได้ไม่ช้าก็เร็ว
อวัยวะหลักในการทำลายสารพิษในร่างกายมนุษย์ คือ ตับ ไต ปอด ดังนั้นในคนที่มีอวัยวะเหล่านี้ไม่แข็งแรง การออกฤทธิ์ของสารพิษก็จะเป็นไปได้ง่ายกว่าคนที่มีอวัยวะเหล่านี้แข็งแรง
จากปัจจัยหลายประการที่ยกตัวอย่างให้เห็นนี้ ทำให้ผู้ประกอบการที่มีความสามารถด้านจิตวิทยาสูงกว่าคนทั่วไป นำเอาประเด็นเหล่านี้มาเสนอเพื่อผู้ที่อ่อนไหว ให้กลายเป็นลูกค้ารับบริการล้างพิษ โดยผู้ประกอบการมักโน้มน้าวให้ลูกค้ามโนว่า ตนเองนั้นอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยสารพิษและรับมันเข้าสู่ร่างกายทุกวัน จำเป็นต้องได้รับการล้างพิษ
การโฆษณาขายบริการล้างพิษนั้นมักใช้คำที่เรียกทับศัพท์ของคำว่า ดีท็อกซ์ (Detox) ซึ่งเป็นคนละความหมายของคำว่า Detoxification ของวิชาพิษวิทยา ดีท็อกซ์ของการล้างพิษนั้นส่วนใหญ่คือการรุของเก่าที่คั่งค้างในลำไส้ออกมา ความช่วยเหลือของผักผลไม้ที่กินทางปาก ส่วนการเพิ่มการทำลายสารพิษในตับด้วยกาแฟที่กรอกเข้าทางช่องทวารหนัก โดยอ้างว่าเพื่อให้คาเฟอีนเข้าสู่ตับได้เร็วขึ้น ค่อนข้างไปในทางเดียวกับความรู้ทางพิษวิทยา
ในทางวิชาพิษวิทยาแล้ว คาเฟอีนเป็นสารธรรมชาติที่สามารถกระตุ้นการขับสารพิษบางกลุ่มออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องนำเข้าร่างกายด้วยการสวนทวารหนัก เพราะผู้รับจะไม่รู้สึกอร่อยเท่ากับการดื่มกาแฟทางปาก
การกล่าวอ้างถึงความสามารถของคาเฟอีนในบริการล้างพิษนั้น ถึงเป็นความจริงแต่ก็เป็นความจริงที่แฝงไปกับความเสี่ยงต่อการเกิดบาดแผลของช่องทวารหนัก ซึ่งถ้าเกิดอาการนี้แล้ว การติดเชื้อที่ร้ายแรงและยาวนานอาจตามมา เพราะทวารหนักเป็นบริเวณที่ชุ่มชื้นและมีแบคทีเรียอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ท่านผู้อ่านจึงควรประเมินความเสี่ยงต่อกระบวนการล้างพิษทางทวารหนัก ก่อนว่าคุ้มเสี่ยงหรือไม่ โดยใช้หลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า
การล้างพิษส่วนใหญ่ซึ่งมีการโฆษณาขายกันอยู่นั้น แท้จริงแล้วยังหาข้อยืนยันทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนไม่ได้เลยว่าได้ผลหรือไม่ ยกเว้นเพื่อรุของเก่าในลำไส้ใหญ่ออกมา ซึ่งผู้รับบริการมักบอกว่าสบายจริงๆ เพราะแทบไม่เหลือกากอาหารในลำไส้ใหญ่จึงทำให้ตัวเบา แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว ถ้าผู้รับบริการไม่ปรับปรุงพฤติกรรมการกินอาหาร
นอกจากนี้ท่านผู้อ่านสามารถสังเกตได้ว่า อาการของผู้มีสารพิษในร่างกายที่ระบุไว้ในเว็บไซต์บริการล้างพิษต่างๆ นั้น เป็นอาการปกติที่เกิดกับคนทั่วไปที่กินไม่ดี อยู่ไม่ดี จิตใจไม่สบาย ฯลฯ ทั้งที่เป็นเองหรือถูกผู้ขายบริการกล่อมให้เป็น
ผู้ที่อ้างตนเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการล้างพิษ ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าสารพิษมักสะสมอยู่ที่ตับและ/หรือลำไส้ใหญ่เท่านั้น จึงพยายามโฆษณาขายบริการว่าถ้าล้างพิษในตับหรือลำไส้ให้สะอาดแล้ว ผู้รับบริการน่าจะอยู่ได้ถึง 100 ปี
กรณีลำไส้ใหญ่นั้นเห็นผลได้ไม่ยาก เพราะเป็นแค่การระบายท้อง แต่กรณีตับนั้นค่อนข้างไม่ชัดเจน เพราะเมื่อใดที่พบว่าสารพิษเริ่มสะสมที่ตับ เมื่อนั้นผู้ป่วยก็จะใกล้ตาย เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่ไม่สะสมอะไร โดยไม่จำเป็น แม้กระทั่งไขมันที่ตับได้รับมาจากอาหารก็ต้องเปลี่ยนเป็นสารชีวเคมีที่ร่างกายนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานทั้งหมด เมื่อใดที่พบว่าตับมีไขมันเหลืออยู่ (ซึ่งแสดงให้เห็นได้ในสัตว์ทดลอง) ก็เป็นการบอกว่า ตับเริ่มหมดสมรรถภาพในการทำงานแล้ว
ส่วนการระบุว่าในการล้างพิษนั้นมีการกระตุ้นให้ตับทำงานสูงขึ้นในการทำลายสารพิษนั้น ก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะตับเป็นอวัยวะที่รับทั้งสารอาหารและสารพิษจากลำไส้เล็ก ตับจึงต้องทำหน้าที่เป็นโรงงานเปลี่ยนแปลงสารเหล่านี้ ประเด็นสำคัญคือ เราสามารถกระตุ้นให้ตับทำงานดีขึ้นได้ด้วยการกินอาหารที่มีผักตระกูลกะหล่ำปลี เช่น กะหล่ำหัว ดอกกะหล่ำ ผักคะน้า ฯลฯ หอมต่างๆ และกระเทียมเป็นองค์ประกอบ
มีตัวอย่างการล้างพิษที่ระบุได้ว่าเป็นการหลอกลวงอย่างชัดเจนและมีการเผยแพร่ทางโทรทัศน์ โดยผู้ประกอบการที่คิดว่าคนดูนั้นกินฟางข้าวเป็นอาหาร คือ การล้างพิษออกทางเท้า (detoxification foot pads) ซึ่งหาดูได้ใน Youtube ทั้งนี้เพราะในวิชาพิษวิทยาที่สอนกันในสถานศึกษาที่สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) รับรองนั้น ไม่เคยมีการระบุว่า เท้าเป็นทวารในการขับสารพิษออกจากร่างกาย
กล่าวถึงตรงนี้ก็มักมีคำถามว่า การล้างพิษนั้นมีข้อเสียอะไรหรือไม่ คำตอบนั้นคือ มีแน่ๆ คือ ผู้บริโภคต้องเสียค่าบริการ ซึ่งยังไม่มีการควบคุมว่าควรเป็นเท่าไร เพราะขึ้นกับความพอใจของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ส่วนในประเด็นอื่นๆ นั้น ได้แก่ ขาดโอกาสรับการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะผู้ที่เข้ารับการล้างพิษนั้นมักมีความรู้สึกว่าตนเองป่วย ซึ่งไม่ว่าป่วยจริงหรือไม่จริงก็ควรเข้าหาแพทย์ เนื่องจากแพทย์จะเป็นผู้สามารถตัดสินได้ว่า ผู้ที่คิดว่าตนเองป่วยนั้น ป่วยจริง ต้องรับการรักษา หรือป่วยทางใจต้องเข้าหาจิตแพทย์เพื่อทำจิตบำบัด
รศ.ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ
นักพิษวิทยาทางอาหารและโภชนาการ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)