ระวังภัยจากคนแปลกหน้า

ระวังภัยจากคนแปลกหน้า

ในแต่ละวันช่วงเวลาต่างๆ ของคุณพ่อคุณแม่มักจะหมดไปกับการทำงาน และกิจกรรมต่างๆ ค่อนข้างมาก เหตุผลคงหนีไม่พ้นเวลาที่ต้องทำงานเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว ทำให้มีหลายโอกาสที่ลูกต้องดูแลตัวเอง หรือบางเวลาที่ลูกอาจหลุดลอดสายตาคุณพ่อคุณแม่ ยิ่งในสังคมปัจจุบันตามที่มีข่าวภัยร้ายจากคนแปลกหน้าที่เข้ามาหาลูก ความสามารถในการระวังภัย และดูแลตัวเองของเด็กจะต้องถูกฝึกฝนมากขึ้น

ความสามารถในการระมัดระวังภัยจากคนแปลกหน้า และรู้จักการพิจารณา สำหรับบางเวลาที่ลูกอาจต้องอยู่คนเดียวเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะเกิดขึ้นได้จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน และการลองปฏิบัติจริงจากคุณพ่อคุณแม่ และคนในครอบครัว ถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะมั่นใจว่า ลูกจะไม่มีวันหลุดพ้นสายตา คุณพ่อคุณคุณแม่ไปได้ แต่ขึ้นชื่อว่า “ภัยร้าย” สิ่งเหล่านี้ย่อมมาในรูปแบบใหม่ๆ ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่คาดคิดไปไม่ถึงเสมอ ในแบบที่เรียกว่า ภัยร้ายมายืนรอจ่ออยู่หน้าประตูบ้านกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น หนทางที่จะช่วยลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับลูกได้ไม่ใช่เพียงการเฝ้าระวัง และจับตาดูของคนพ่อคุณแม่ หรือการคิดเข้าข้างตัวเองว่าเหตุการณ์แบบนี้ คงไม่เกิดกับครอบครัวของเราหรอก...??? แต่ถ้า...เหตุการณ์ร้ายๆ มันเกิดขึ้นล่ะ และในวันนั้นบังเอิญคุณพ่อคุณแม่เดินออกไปซื้อของหน้าปากซอยพอดี...!!! ลูกอยู่บ้านคนเดียวจะทำอย่างไร...!!! ในเมื่อภัยร้ายที่แฝงมากับคนแปลกหน้ากำลังเดินสวนไปมาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่กำลังเดินออกจากประตูบ้านไป คำตอบคือ คุณพ่อคุณแม่ควรฝึก และให้ลูกลองปฏิบัติจริง หากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ลูกจะสามารถมีสติหยุดคิด และช่วยเหลือตัวเองก่อน ในระหว่างที่รอให้คุณพ่อคุณแม่กลับมา

1.สอนลูกในเรื่องไม่ให้ลูกพูดกับคนแปลกหน้า หรือคนที่ลูกไม่รู้จัก ไม่ว่าจะพูดคุยทางโทรศัพท์ ในขณะที่ลูกเดินเล่นอยู่สนามเด็กเล่นข้างบ้าน หรือการเปิดประตูบ้านรับคนแปลกหน้าที่มาหาหน้าบ้าน ห้ามอย่างเด็ดขาด...!!!

2.ชวนลูกฝึกซ้อมการพูดในสถานการณ์ต่างๆ เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่บ้าน หรือบางเวลาที่ลูกต้องอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว ลูกสามารถพูดความจริงได้กับใครบ้าง เช่น เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่บ้าน หากมีคนแปลกหน้ามียืนอยู่หน้าบ้านและสอบถามว่าลูกอยู่กับใคร อยู่คนเดียวหรือไม่ ก็ห้ามไม่ให้เปิดประตูรับ อาจจะเลี่ยงวิ่งเข้าบ้าน และไม่คุยด้วย หรือบอกไปว่าคุณพ่อคุณแม่อยู่ข้างในบ้าน โดยพูดไปทำนองที่ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังคนเดียว เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้ากล้าเข้ามาในบริเวณบ้าน

3.คุณพ่อคุณแม่ควรพูดถึงความเสี่ยง และอันตรายที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากลูกยอมนั่งรถไปไหนก็ตามกับคนแปลกหน้า หรือยอมรับขนม ของเล่น เชื่อคำชักชวนว่าจะพาไปเที่ยวของคนแปลกหน้า เป็นต้น

4.สอนให้ลูกรู้จักพกเงินสำรองติดตัวไว้ และหมายเลขโทรศัพท์ที่บ้าน หลายเลขโทรศัพท์มือถือของคุณพ่อคุณแม่ เพื่อใช้โทรศัพท์ติดต่อคุณพ่อคุณแม่ในยามฉุกเฉิน และขอความช่วยเหลือ รวมถึงวิธีเก็บเงินที่พกติดตัวให้มิดชิด มีความสะดวก และปลอดภัยในการหยิบใช้ เพื่อป้องกันภัยจากคนล้วงกระเป๋า เป็นต้น

ภัยร้ายหลากหลายรูปแบบอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะภัยร้ายไม่ได้บอกล่วงหน้าก่อนเวลาที่จะเกิดขึ้น โดยภัยร้ายอาจจะมาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ระวังตัวอยู่แล้ว หรืออาจจะมาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ทันระวังตัว แต่หนทางหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันลูกจากภัยร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ การฝึกฝนให้ลูกมี สติ รู้จักพิจารณา ระมัดระวัง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น และที่สำคัญ ทั้งคุณพ่อคุณแม่ และลูก ต้องไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตในทุกๆ วันค่ะ