Haijai.com


การผ่าตัดศัลยกรรมกระชับต้นแขน ท้องแขนห้อยย้อย


 
เปิดอ่าน 9229

ศัลยกรรมท้องแขนห้อยย้อย Flabby arm surgery

 

 

สำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ที่มีขนาดต้นแขน ท้องแขนที่ใหญ่และหย่อนคล้อย อันเนื่องมาจากการสะสมของไขมันที่ต้นแขนเป็นจำนวนมาก บางรายต่อให้ออกกำลังกาย ทำสารพัดท่าที่ว่าจะช่วยลดขนาดต้นแขนได้ ก็ไม่สามารถขจัดปัญหาท้องแขนย้วยหย่อนคล้อยลงไปได้ แล้วยิ่งในรายที่น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ อ้วนสลับผอม หรือรายที่น้ำหนักเปลี่ยนแปลงลดลงจากเดิมจำนวนมากๆ คงเลี่ยงปัญหานี้ไปไม่ได้ ทั้งนี้หากเราพอใจ ไม่กังวลอะไร เราก็ใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างปกติ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความกังวล ความเครียดที่ต้องการขจัดปัญหานี้ไป วิธีการที่สามารถกระชับต้นแขนให้เล็กลงได้ คือ การทำศัลยกรรม Arm lift surgery หรือ Brachioplasty นั่นเอง

 

 

จะว่าไปแล้วในทุกวันนี้ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือเพศชายล้วนต้องการให้รูปร่างของตนมีขนาดที่ผอมเพรียว สมส่วนประกอบกับวิทยาการทางการแพทย์ที่สามารถเนรมิตสร้างรูปร่าง หรือสัดส่วนตามที่คนไข้ต้องการได้ เมื่อพูดถึงการทำศัลยกรรมผ่าตัดลดต้นแขนสำหรับประเทศไทยนับเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน้อย เนื่องจากากรทำศัลยกรรมกระชับต้นแขนในลักษณะนี้ สิ่งที่อยู่กับคนไข้คือแขนที่กระชับเล็กลง และรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดนั่นเอง แต่สำหรับในประเทศอังกฤษหรืออเมริกา ตัวเลขในการทำศัลยกรรมประเภทนี้นับว่ามีจำนวนมากและได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เนื่องจากคนไม่ค่อยใส่ใจหรือกังวลกับรอยแผลเป็นที่จะเกิดมากนัก

 

 

การทำศัลยกรรมกระชับต้นแขนนั้น ถือเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถตัดปัญหาเจ้าไขมันส่วนเกิน ผิวหนังหย่อน ย้วย ยาน ให้หายออกไป แต่สำหรับคุณสาวๆ ที่ต้องการใช้วิธีนี้ต้องใจแข็ง ยอมรับกับรอยแผลเป็นอย่างที่กล่าวมาข้างต้นให้ได้ด้วย เนื่องจากวิธีการนี้ต้องผ่าตัดกรีดแขน แล้วดึงไขมันส่วนเกิน รวมถึงผิวหนังที่ย้วยยานออกไป แล้วจึงเย็บกลับดึงผิวหนังให้ได้ขนาดแขนที่ทำการตกลงกันไว้ ซึ่งความกว้างของแผลจากการผ่าตัดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนไขมันและผิวหนังที่หย่อนย้วยมากเพียงใดนั่นเอง

 

 

จุดประสงค์ของการศัลยกรรมผ่าตัดกระชับต้นแขนนั้น ก็เพื่อลดผิวหนังส่วนเกินและไขมันระหว่างใต้วงแขนและข้อศอก เพื่อให้ผิวบริเวณนั้นเรียบ กระชับ และได้รูปทรงมากขึ้น ทำให้ขนาดแขนเล็กลงตามไปด้วย การที่ต้นแขนของเรามีการหย่อนย้วยนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้เกิดจากไขมันส่วนเกินเพียงอย่างเดียว บางคนจะคิดว่าเพราะเราเคยอ้วนแล้วกลับมาผอมในเวลาอันรวดเร็ว หนังกับกล้ามเนื้อจึงหย่อนลงมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องประกอบกับสภาพของผิวหนังที่มีอายุการใช้งานมานานแล้วด้วย พูดง่ายๆ คือ ยิ่งเราอายุมากผิวหนังก็เสื่อมถอยตามปกติ แต่หากปัญหาเหล่านี้เกิดกับเด็กวัยรุ่น ซึ่งทุกวันนี้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเกิดจากการขาดการเอาใจใส่ร่างกาย ทั้งขาดการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกาย

 

 

ทั้งนี้ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว และตัดสินใจแน่แล้วว่าจะผ่าตัดเพื่อยกกระชับต้นแขน ในส่วนของขั้นตอนการผ่าตัดที่ต้องเอาทั้งผิวหนังและไขมันออก แพทย์จะต้องลงมีดกรีดท้องแขนตั้งแต่ใต้รักแร้ลงไปจนถึงบริเวณข้อศอก ตัดเลาะเอาผิวหนังเหี่ยวๆ หย่อนๆ ออกก่อน ส่งผลให้ลักษณะแผลผ่าตัดจะมีแนวยาว เนื่องจากต้องเลาะและยกผิวหนังขึ้น ดึงให้ตึง หลังจากนั้นก็จะเย็บปิด ซึ่งสิ่งที่สำคัญของการผ่าตัดกระชับต้นแขนนี้ มีวิธีการผ่าตัดใน 2 ลักษณะด้วยกัน คือ ผ่าลงตามแนวยาวของต้นแขน จากบริเวณรักแร้ไปถึงศอก และอีกลักษณะคือ ผ่าลงตามขวางบริเวณรักแร้ แต่วิธีการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมคือ จะเป็นลักษณะแรก คือ ลงตามแนวยาวของต้นแขน ซึ่งแพทย์เองจะทำการผ่าตัดและซ่อนรอยแผลให้ได้มากที่สุด ชนิดที่เรียกว่าเมื่อปล่อยแขนข้างลำตัวก็จะไม่เห็นรอยแผล ยกเว้นเสียแต่ว่า เมื่อทำการยกแขนขึ้นก็จะเห็นรอยแผลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างที่กล่าวมาว่า วิธีการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมคือตามแนวยาวของต้นแขนและเกิดรอยแผลเป็นอย่างแน่นอน

 

 

เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้คนไข้เกิดความกังวลใจตามมาคือ รอยแผลเป็นนั้นจะสวยหรือไม่ ดังนั้น สิ่งที่สามารถตอบโจทย์ข้อกังวลนี้ได้ คือ เทคนิคการเย็บแผล ประการแรกคือต้องมั่นใจในตัวแพทย์ที่เลือก ว่าจะต้องมีฝีมือในการเย็บแผลที่ดี มีประสบการณ์และความชำนาญในการผ่าตัดค่อนข้างมาก ซึ่งการเย็บแผลให้สวยงามนั้น ต้องเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งของแนวแผลที่ดี การลงมีดที่ดี การได้ขอบแผลที่สม่ำเสมอ และระหว่างการผ่าตัดก็ต้องไม่ทำให้ขอบแผลช้ำ ที่สำคัญในการเย็บแผลบริเวณใกล้รักแร้ แพทย์จะมีการเย็บแบบสามเหลี่ยมขึ้นลง เพื่อไม่ให้เนื้อบริเวณนั้นตึงจนไม่สามารถขยับได้ รวมถึงในการผ่าตัดจะมีการดูดไขมัน Lipoplasty ร่วมด้วย และในการเย็บปิดบาดแผลของผิวหนังชั้นใน แพทย์จะใช้ไหมละลาย ซึ่งจะมีอายุการใช้งานอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ในการทำหน้าที่คอยดึงเนื้อไว้ให้ขอบแผลชิดกัน และทำการเย็บปิดผิวชั้นนอกโดยให้ขอบแผลแนบชิดสนิทกันมากที่สุด และอยู่ในระดับเดียวกัน โดยส่วนของไหมที่เย็บด้านนอกต้องรอให้ผิวหนังสมานตัวเองดีก่อน โดยประมาณ 4-7 วัน ถ้าแผลติดเรียบร้อยดีก็สามารถตัดไหมออกได้ ทั้งนี้ หลังผ่าตัดสิ่งที่หลายคนกลัวคือความเจ็บปวด ต้องบอกว่าคนไข้แต่ละคนจะเจ็บปวดไม่เท่ากัน หากมีอาการปวดให้ทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง และระหว่างนี้ตัวคนไข้ต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่ ห้ามยกแขนหรือออกแรงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนั่นหมายถึงแผลอาจจะฉีกแยก และอีกเกือบ 3 เดือนกว่า ที่จะกลับไปทำกิจกรรมได้อย่างปกติ

 

 

ในส่วนของรอยแผลเป็นที่หลายคนกังวลว่าจะเกิดเป็นคลอยด์หรือไม่แท้จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่อาจคาดเดาได้ เนื่องจากบางรายดูแลเป็นอย่างดี ก็เกิดคีลอยด์ได้เช่นกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดจากปัจจัยหลายประการ ทั้งเรื่องเทคนิคการเย็บของแพทย์ที่ต้องอาศัยความประณีต ลักษณะของผิวหนังของคนไข้ การดูแลรักษาหลังการผ่าตัด ซึ่งการออกแรงหรือขยับแขนจะส่งผลให้เกิดแผลเป็นที่ไม่สวยเท่าที่ควร ดังนั้น คนไข้จึงจำเป็นต้องระมัดระวังในการขยับอวัยวะบริเวณที่มีแผลผ่าตัดเป็นพิเศษ เพื่อให้เนื้อติดกันดี จนแข็งแรงเสียก่อน ทั้งนี้โดยทั่วไปแพทย์จะนิยมใช้เทปบางชนิดที่มีความเหนียวมาปิดทับที่รอยแผลไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังบริเวณนั้นขยับเขยื้อนมากนัก และยังเป็นการสร้างแรงกดทับลงที่แผล เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นนูนขึ้นมา โดยคนไข้ต้องใช้ความอดทนในการดูแลแผลเป็นพิเศษอย่างน้อย 2 เดือน

 

 

ทั้งนี้ ตามธรรมชาติของผิวหนังมนุษย์ เมื่อเกิดการบาดเจ็บจนเป็นแผล ประมาณ 2-3 เดือนแรก แผลเป็นจะมีลักษณะแข็ง หนา นูน ขรุขระ มีสีเข้ม แต่หลังจาก 3 เดือนไปแล้ว แผลเป็นจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง บริเวณที่แข็งก็จะนุ่มลง เรียบขึ้น สีจางลง โดยที่ไม่ต้องทายาใดๆ เป็นการพัฒนาแผลเป็นให้ดีขึ้นด้วยตัวเอง เรียกว่า Scar Maturation ซึ่งเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่ทุกๆ คนมีอยู่แล้ว แต่คุณภาพของแผลเป็นในที่สุดจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การอักเสบเดิมมีมากหรือไม่ แผลแยกกว้างหรือน้อย ขนาดของแผล ลักษณะผิวหนังของแต่ละบุคคล แต่ทุกคนจะมีกระบวนการที่ทำให้แผลเป็นดีขึ้นได้เองตามธรรมชาติอยู่แล้ว

 

 

นอกเหนือจากรอยแผลเป็นที่กังวลแล้ว ผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้นั้น สามารถมีได้เช่นกัน เช่น หากในการผ่าตัดไม่ระมัดระวัง อาจตัดโดนเส้นเลือดหรือเส้นประสาทบริเวณแขน หรือตัดผิวหนังออกไม่เท่ากัน แขนข้างหนึ่งตัดออกเยอะแต่อีกข้างตัดออกน้อย ทำให้แขนดูไม่เท่ากัน ตัดมากไปทำให้แขนคอดไม่ได้สัดส่วน เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนไม่ได้ แขนส่วนปลายบวม แผลเป็นไม่สวย ตำแหน่งแผลเป็นไม่ดี สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา แต่ทั้งหมดแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย หากก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมมีการปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งด้านนี้โดยตรง ซึ่งวิธีการผ่าตัดศัลยกรรมกระชับต้นแขนนี้ จะมีการฉีดยาชาและการวางยาสลบร่วมในการผ่าตัดไขมัน โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งการวางยาสลบจะมีวิสัญญีแพทย์คอยดูแลตลอดการผ่าตัด ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นต่อการผ่าตัดคือการมีสุขภาพที่พร้อม ที่สำคัญคือควรเลือกผ่าตัดในสถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน เนื่องจากการผ่าตัดทุกชนิด อาจมีผลแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์ อายุคนไข้ และโรคประจำตัวของคนไข้ ซึ่งหากเกิดปัญหาขึ้นสถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานจะมีแพทย์และเครื่องมือที่ให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที

 

 

เรียกได้ว่าแม้การศัลยกรรมประเภทนี้จะดูยุ่งยาก และใช้เวลาพักฟื้นนานพอสมควร แต่แทบทุกคนที่ผ่านการศัลยกรรมนี้มา ต่างก็พึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ เพราะเห็นว่าแขนเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รูปร่างโดยรวมดูอ่อนเยาว์ลง กล้าที่จะใส่เสื้อแขนกุดหรือโชว์ต้นแขนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนได้ แต่พร้อมกันนี้ รอยแผลเป็นแนวยาวจากการผ่าตัดก็ยังคงปรากฏอยู่จางๆ ที่บริเวณใต้ท้องแขน หากแผลไม่นูนหรือเป็นคีลอยด์ การทาครีมเพื่อปกปิดก็ถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลวร้ายนัก บางครั้งการลดขนาดต้นแขนลงด้วยการดูดไขมันสลายไขมันเพียงอย่างเดียว ก็สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว

 

 

ดังนั้น ใครก็ตามที่สนใจจะทำให้แขนที่ห้อยย้อยหายไป การทำศัลยกรรมลดต้นแขนสามารถตอบโจทย์ได้ตรงใจ เพราะการออกกำลังกายส่วนนี้ที่หย่อนยานไปแล้ว ให้กลับมากระชับอีกครั้งเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่ก็นับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ มีความเสี่ยง จึงจำต้องหาข้อมูลอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อนตัดสินใจ

 

 

“ผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรม ควรปรึกษาแพทย์หลายๆ ท่าน เพื่อดูความแตกต่างของความคิดเห็น เนื่องจากแพทย์แต่ละท่านย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ทั้งที่การผ่าตัดนั้นอาจไม่สมควรทำให้ผู้ป่วยรายนั้นก็ได้ ดังนั้น การปรึกษาแพทย์ให้แน่นอนเกี่ยวกับผลแทรกซ้อนของการผ่าตัดที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งสามารถยอมรับผลแทรกซ้อนหรือผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด แม้ผลแทรกซ้อนหรือผลเสียเหล่านั้น จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยก็ตาม โดยเฉพาะคนไข้ที่ต้องการยกกระชับท้องแขนด้วยการผ่าตัด ต้องยอมรับแผลเป็นที่จะเกิดขึ้นภายหลังการผ่าตัดได้ นอกจากนี้ ในการผ่าตัดอาจจะต้องทำหลายอย่างร่วมกัน เช่น ในกรณีของการศัลยกรรมผ่าตัดกระชับต้นแขน คนไข้อาจจะต้องตัดผิวหนัง ดูดไขมัน เมื่อแผลหายดีก็จะต้องออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อแขนยกกระชับขึ้นด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คนไข้ควรทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งก่อนตัดสินใจผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดใดก็ตาม

 

 

นพ.กรีชาติ พรสินศิริรักษ์

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยกรรมตกแต่ง

(Some images used under license from Shutterstock.com.)