
© 2017 Copyright - Haijai.com
ลดเอว ลดสะโพก เพื่อหุ่นสวย
สะโพกถือเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับผู้หญิง คนที่มีสะโพกสวยงามย่อมเป็นที่น่ามอง เรียกได้ว่าสะโพกสามารถช่วยเสริมให้ผู้หญิงดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และแน่นอนสาวๆ ต่างปรารถนา ให้ตัวเองมีรูปร่างดี สะโพกที่สวย แต่การที่เราจะมีสะโพกที่สวยงามได้สัดส่วนนั้น เราต้องมาวัดกันก่อนว่าที่เรียกว่าสมส่วนหรือ “ค่าเฉลี่ยทองคำ” นั้นเป็นอย่างไร “ค่าเฉลี่ยสะโพกทองคำ” เริ่มต้นค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.7 คือ วัดรอบเอวโดยใช้สายวัดวัดส่วนที่คอดที่สุดของเอวไว้ จากนั้นวัดส่วนที่กว้างที่สุดของสะโพก เมื่อเราได้ค่าของเอวและสะโพกมาแล้ว ให้นำค่าเอวมาหารค่าสะโพก เช่น ถ้าวัดเอวได้ 21 หารกับ สะโพก 30 ได้ 0.7 พอดีซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยทองคำ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีเกิดมาพร้อมรูปร่างที่น่าพอใจ ประกอบกับพฤติกรรมที่ปฏิบัติมาตลอดนับ 10-20 ปี ดังนั้น การที่อยากจะมีรูปร่างที่พอเหมาะพอดีจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งความต้องการอยากมีเอวที่คอด สะโพกที่เล็กลง ต้นขา หน้าท้องที่เรียบเพรียวสวย และถึงแม้ว่าสะโพกจะไม่มีไขมันสะสมอยู่มากเท่าต้นขา แต่ไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ที่สะโพกนี้จะเป็นปัญหาต่อมาภายหลัง เพราะถ้าไม่ออกกำลังกายลดน้ำหนัก แถมกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกนี้จะหย่อนยานและห้อยลงได้ง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องนั่งทำงานนานๆ นั้นต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะน้ำหนักของร่างกายจะลงมากองกันอยู่ทีสะโพกเสียหมด
แต่ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ปัจจุบันก็มีวิธีการรักษาทางการแพทย์ชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังที่สะสมอยู่เป็นแรมปี ให้พ้นออกไปจากร่างกายของเราได้ โดยเฉพาะอย่างบริเวณหน้าท้อง สะโพก ก้น ต้นขา ต้นแขน หรือคอ เป็นต้น
ในที่นี้เราจะพูดถึงเฉพาะในส่วนของสะโพก หลายคนมีความต้องการให้รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ซึ่งปัญหาบริเวณสะโพกนับว่าเป็นปัญหาที่กวนใจสาวๆ อยู่พอสมควร การที่เป็นคนสะโพกใหญ่ เวลาหาซื้อเสื้อผ้าใส่ก็แสนลำบาก หากางเกงสวยๆ มาใส่ทั้งทีก็ติดนั้นติดนี้ ดึงขึ้นไม่ถึงเอวเสียที แถมแฟชั่นยอดฮิตของบ้านเมืองเราก็มักจะเอาใจแต่คนตัวเล็ก เอวนิด สะโพกหน่อยทั้งนั้น งานนี้สาวสะโพกใหญ่ก็ต้องช้ำใจไปตามๆ กัน แต่อย่างที่บอกว่าวิทยาการทางแพทย์พัฒนามาโดยตลอด เราจึงมีวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไม่ยากเย็นเกินไปนัก
วิธีนี้การที่เราอยากจะนำเสนอในครั้งนี้ คือ เรื่องของการดูดไขมัน ซึ่งในที่นี้เราไม่ได้หมายถึงว่าจะดูดไปเพื่อลดความอ้วนทั้งตัวแต่อย่างใด แต่เป็นการดูดเฉพาะจุด เพื่อเป็นทางลัดให้คุณมีกำลังใจในการดูแลรูปร่างได้มากขึ้น เพราะไม่ว่าจะก้าวขาพบแพทย์กี่ครั้งกี่หน โดยที่คุณยังคงปฏิบัติตัวเฉกเช่นเดิม ชนิดที่ว่า กินไม่ยั้ง แถมยังจะขี้เกียจออกกำลังกาย ไขมันส่วนเกินและความอ้วนก็จะไม่มีวันลาจากคุณไปได้
สำหรับการดูดไขมัน (Liposuction) นั้น ถือเป็นการรักษาทางการแพทย์ชนิดหนึ่ง ที่สามารถช่วยให้หนทางการดูแลรูปร่างของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิม หากคุณสนใจวิธีการนี้สิ่งที่ต้องปฏิบัติคือ การก้าวขาออกไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการพูดคุยถึงโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การตรวจสภาพร่างกายตรวจหา ความยืดหยุ่นของสภาพผิวหนังในบริเวณสะโพกและเอว สองจุดนี้มักต้องทำการรักษาดูแลควบคู่กัน ดูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและตำแหน่งของเจ้าไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ นอกจากนี้จำเป็นต้องดูการเจ็บป่วยทั้งเรื่องของโรคประจำตัว หรือประวัติการใช้ยาร่วมด้วย ซึ่งผู้ที่จะสามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการนี้ต้องมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดี มีไขมันสะสมอยู่เป็นบริเวณที่ชัดเจน มีน้ำหนักร่างกายอู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
สำหรับขั้นตอนการรักษา ในขั้นแรก แพทย์จะดูบริเวณที่จะดูดไขมัน ซึ่งระหว่างนี้แพทย์จะให้น้ำเกลือแก่ผู้ป่วยเพื่อรักษาความสมดุลของน้ำในร่างกาย ทั้งนี้หากบริเวณที่ทำการดูดไขมันมีบริเวณที่กว้างก็จะต้องวางยาสลบร่วมด้วย ตามหลักแล้วแพทย์จะกรีดแผลเล็กๆ ในบริเวณกางเกงชั้นใน แล้วจะสอดท่อขนาดเล็กซึ่งต่อกับเครื่องดูด เครื่องจะดูดไขมันออกมาตามที่ต้องการ โดยไม่ทำลายเส้นเลือด หรือเส้นประสาท นอกจากนั้นแพทย์อาจจะใช้น้ำเกลือผสมยาชาฉีดเข้าไปก่อน ซึ่งจะทำให้เลือดออกน้อย ดูดไขมันได้ง่ายขึ้น และลดอาการบวม
หากจะพูดถึงวิธีการลดสะโพกหรือเอว ทุกวันนี้ทางการแพทย์ได้นำเทคโนโลยีในการสลายไขมันเข้ามาช่วยอย่างการใช้ Ultrasound Assisted Liposuction (Ual), Tumescent Technique ซึ่งคือการฉีดน้ำเกลือเข้าไปบริเวณที่จะดูดก่อน ส่วนวิธีดั้งเดิมอย่าง Dry Liposuction ปัจจุบันได้รับการนิยมลดลงเนื่องจากต้องใช้ยาสลบ การดูดแต่ละครั้งจะใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง นอกจากนี้ก็มีในส่วนของเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ RFAL (Radio Frequency Assisted Liposuction) กับการดูดไขมันไว้ด้วยกัน คลื่นความถี่วิทยุจะถูกส่งเข้าไปทำลายเฉพาะเซลล์ไขมันที่ต้องการ ซึ่งจับตัวเป็นก้อนแข็งให้เหลว โดยไม่ทำลายเซลล์ประสาทหรือเนื้อเยื่อข้างเคียง จึงสามารถดูดออกได้อย่างง่ายดายผ่านท่อปลายเข็มทู่ขนาดจิ๋ว ที่สามารถปรับระดับความลึกได้ การรักษาจึงสามารถทำได้ทุกบริเวณ
สุดท้ายคือวิธีที่เรียกว่า VASER (Vibration Amplification of Sound Energy at Resonance) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่สามารถสลายไขมันได้มากเท่าการดูดไขมัน แต่นุ่มนวลและผลข้างเคียงน้อยกว่าการดูดไขมันมาก เป็นเทคโนโลยี Ultrasound ขั้นสูง สามารถเลือกทำลายเป้าหมาย คือ ไขมัน อย่างจำเพาะเจาะจง (LipoSeclection) โดยไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น เส้นประสาท เส้นเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆ นอกจากนั้น VASER ยังช่วยให้ผิวกระชับและฟื้นตัวเร็ว ทำให้สลายไขมันได้ดีมากขึ้น ในขณะที่มีผลข้างเคียงน้อยลงและไม่มีปัญหาเรื่องผิวขรุขระหรือเป็นโพรง
การสลายไขมันในบริเวณสะโพกและเอว ด้วยวิธีการใช้ VASER LipoSelection จะสามารถกำจัดไขมันได้ทั้งบริเวณหน้าท้อง แขน หลัง สะโพก หัวเข่า เอวด้านหลัง ใต้คาง และต้นขา สามารถปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนในบริเวณที่การออกกำลังกายและการควบคุมอาหารไม่สามารถแก้ไขได้นั่นเอง
ทั้งนี้ VASER LipoSelection สามารถช่วยให้มีรูปร่างที่ได้สัดส่วนหลังการรักษาเพียงครั้งเดียว มีรอยช้ำน้อย ฟื้นตัวเร็วไม่ต้องนอนโรงพยาบาลและกลับไปทำงานได้ใน 1-2 วัน
โดยที่หลังจากากรดูด 2-3 วัน คนไข้ไม่ควรทำงานหนักหรือออกกำลังกายอย่างหนักในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังจากากรดูดไขมันและต้องสวมที่รัดจนกระทั่งแพทย์ให้นำออกได้ สำหรับผลลัพธ์หลังการรักษาหลังจากการดูดไขมันจะเริ่มพบกับการเปลี่ยนแปลงประมาณ 3 สัปดาห์ แต่จะเห็นผลเต็มที่เมื่อเวลา 6-12 เดือน แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การออกกำลังกายจะทำให้ผิวหนังและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นดีขึ้น รูปร่างของคุณจะดูดีขึ้น ไขมันบริเวณนั้นจะไม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากได้ดูดเซลล์ไขมันในบริเวณดังกล่าวออกไปหมดแล้ว หากน้ำหนักของคุณกลับเพิ่มขึ้นมาอีก ก็เป็นจากไขมันบริเวณอื่น สำหรับคนสูงอายุจะมีผิวหนังที่หย่อนยาน ดังนั้น ผลการรักษาจึงไม่ดีเหมือนคนหนุ่มสาว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คนไข้ต้องทำความเข้าใจ ซึ่งกันและกันก่อนลงมือรักษาและเมื่อเข้าใจตรงกันในส่วนของการเตรียมตัวก่อนการดูดไขมัน สิ่งที่แพทย์ย้ำเสมอคือเรื่องของการ งดอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพราะระหว่างดูดไขมัน บางรายมีการวางยาสลบ หากร่างกายเกิดปฏิกิริยาคนไข้สำลักอาหารที่คนไข้รับประทานเข้าไป ก็จะเป็นอันตรายต่อตัวคนไข้เอง นอกจากนี้ก็ต้องงดรับประทานยาที่อาจทำให้เกิดผลแทรกซ้อน เช่น ยาที่ทำให้เลือดหยุดได้ช้าลง แจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนมาพบแพทย์ และควรหลีกเลี่ยงช่วงที่มีประจำเดือน
สาวๆ หลายคนที่กำลังมองหาแนวทางในการปรับรูปร่างด้วยการดูดไขมัน มักมีข้อสงสัยว่า วิธีการนี้อันตราย หรือมีผลข้างเคียงหรือเสี่ยงด้านใดบ้างนั้น การดูดไขมันนั้น จัดเป็นเทคนิคในการช่วยลดไขมันที่มีสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยการใช้ท่อที่มีขนาดเล็กสอดเข้าไปในชั้นผิวหนังและทำการดูดไขมันส่วนเกินในบริเวณนั้นออกมา
ปัจจุบันก็สามารถทำได้โดยใช้เพียงแค่รอยเจาะเล็กๆ นำมาซ่อนในตำแหน่งที่เหมาะสม และใช้เครื่องมือสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังในระดับชั้นไขมัน เพื่อดูดสิ่งที่ต้องการให้ออกมา ก็สามารถที่จะลดปริมาณของไขมันได้ตามที่ต้องการได้
ในส่วนของภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดูดไขมัน เช่น ผิวหนังเป็นคลื่นไม่เรียบ สภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในการดูดไขมันในชั้นที่ตื้นเกินไป หรือดูดไขมันในบริเวณที่มีปริมาณของไขมันอยู่ไม่มาก ส่วนการที่มีผิวหนังห้อยย้อยนั้น จะเกิดจากการดูดไขมันในผู้เข้ารับบริการที่มีอายุมาก ความยืดหยุ่นของผิวหนังจึงไม่ดี ถ้าเป็นแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การเสียเลือดในปริมาณที่มาก การที่มีเซลล์ไขมันหลุดลอกออกไปตามกระแสโลหิต การได้รับปริมาณของยาชาหรือยาสลบที่มากจนเกินขนาด ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจจะพบได้น้อยมาก ซึ่งมักจะพบในคนไข้ที่ต้องการจะดูดไขมันปริมาณมากจนเกินไป ซึ่งแพทย์จะไม่พิจารณาทำการรักษาให้ เนื่องจากจะเกิดอันตรายต่อตัวคนไข้เอง ทั้งนี้ทั้งนั้นในการเข้ารับการรักษาควรเลือกรักษาในสถานบริการที่เชื่อถือได้ และมีอุปกรณ์การช่วยเหลือที่ครบครัน
“คนที่สามารถลดสัดด้วยวิธีการดูดไขมัน สามารถทำได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนอ้วนคนผอม คนผอมอาจจะมีไขมันเฉพาะจุดตามบริเวณนั้นๆ ไม่มาก แต่ต้องการให้ดีขึ้นก็ทำได้ ในส่วนของคนอ้วนจะมีสัดส่วนไขมันที่มากกว่า เพราะฉะนั้นในสิ่งที่แตกต่างของคนผอม คือ จะดูดเพื่อให้ได้รูปร่างที่ดีขึ้นมันก็สามารถทำได้ค่อนข้างง่าย แต่ในคนที่ตัวใหญ่กว่าอ้วนกว่า เมื่อดูดแล้วไขมันจะออกมามากกว่าเหมือนกัน จึงทำให้ลดน้ำหนักได้เยอะขึ้น แต่สิ่งที่ต้องแลกมาคือการพักฟื้นที่นานกว่า ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นสำหรับการรักษาคือการคุยกันก่อนว่าผลที่ได้คือการดูดไขมันเฉพาะจุด อีกประการคือเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร ถ้าคนไข้ไม่สามารถควบคุมเรื่องของการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร เพราะถ้ากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม คือ รับประทานอาหารปริมาณมาก ออกกำลังน้อยมาก โอกาสที่จะมีไขมันสะสมในตำแหน่งเดิมก็จะมากขึ้น จุดประสงค์หลักคือการยอมรับของคนไข้ กับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ถ้าคนไข้ไม่สามารถยอมรับได้ ถึงผลการรักษาไม่เข้าใจว่าการรักษามีเรื่องของการดูแลที่ต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นผลการรักษาที่ได้จะน้อยมาก”
นพ.ธีระ ยั่งยืน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยกรรมตกแต่ง
สมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย
(Some images used under license from Shutterstock.com.)