© 2017 Copyright - Haijai.com
สารพัดวิธีมาส์กหน้า สวยใส จริงหรือ? Face Mask Improves Overall skin appearance
ปัจจุบันผู้หญิงจำนวนมากสรรหาวิธีในการดูแลผิวหน้า ผิวกายชนิดแบบแปลกๆ มากมาย เพื่อแลกกับความสวยที่จะอยู่กับตัวเราตลอดไป และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปความเร่งรีบเข้ามาแทนที่ การบำรุงผิวหน้าให้สวยทันใจจึงเป็นเรื่องที่ยาก และที่สำคัญอาจจะทำให้ต้องเสียเวลาไปหลายวัน เพราะฉะนั้นการบำรุงผิวหน้าที่ดีและรวดเร็วที่สุดในตอนนี้และกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก คงจะหนีไม่พ้นการ “มาส์ก” หน้าอย่างแน่นอน
มาส์ก (Mask) คือ การเคลือบผิวด้วยสารบำรุงผิวเข้มข้น เพื่อดูดซับทำความสะอาด และกระตุ้นการไหลเวียน เพิ่มการบำรุงให้ผิวหน้าเนียนละเอียดขึ้นเปล่งปลั่งขาวสว่างขึ้น โดยมาส์กส่วนใหญ่จะเป็นทาลงบนผิวหน้า เพื่อความสะอาดและสบาย ทิ้งไว้บนผิวระยะเวลาหนึ่งตามความเหมาะสมของสิ่งที่ทาลงไปบนผิว เพื่อให้สารที่อยู่ในมาส์กออกฤทธิ์ เสร็จแล้วก็จะล้างออกหรือเช็ดออก ผลที่ได้คือ จะเกิดการกักเก็บหรือเพิ่มความชุ่มชื่น เพราะเวลาที่มาส์กครอบคลุมผิวอยู่นั้น จะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เราจะสังเกตว่าไม่ว่าจะมาส์กไหนก็จะสามารถให้ความชุ่มชื่นเปล่งปลั่ง นุ่มนวลและสะอาด โดยมาส์กจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ Homemade Mask, Cosmetic Mask, Treatment Mask
Homemade Mask
มาส์กธรรมชาติในสมัยนี้เริ่มเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับธรรมชาติ หรือสิ่งของที่มาจากธรรมชาติ เพราะจริงๆ แล้ว การทำมาส์กหรือการมาส์กหน้าไม่จำเป็นต้องออกไปซื้อข้างนอกก็ได้ เพียงแค่หาจากสิ่งที่เรามีอยู่ภายในบ้านของเรา โดยเราสามารถทำมาส์กแบบนี้ได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งเรายังสามารถรู้ว่าตัวเองนั้นเหมาะกับสิ่งไหน เพราะก่อนที่จะเป็นมาส์กที่ทุกคนใช้ในปัจจุบัน หรือเครื่องสำอาง ก็จะสกัดมาจากสิ่งธรรมชาติทั้งสิ้น
โดยสูตรการมาส์กหน้า Homemade Mask ที่เราเห็นส่วนใหญ่จะมีหลายสูตรมากมาย โดยสามารถหาซื้อง่ายและทำได้ง่ายๆ มีดังนี้
สูตรกากกาแฟกระชับหน้า สำหรับคนที่รู้สึกว่าตื่นมาแล้วหน้ารู้สึกบวม หรือเป็นคนหน้าบวมน้ำใจตอนเช้า สามารถนำกากกาแฟสด หรือผงชาที่ใช้แล้ว นำมาผสมกับโยเกิร์ตหรือนม และน้ำผึ้ง มาผสมกัน แล้วพอกที่หน้าตอนเช้าก่อนล้างหน้าสัก 20 นาที ก็จะสามารถทำให้ผิวหน้ากระชับและลดบวมได้ อีกทั้งยังสามารถนำกากกาแฟที่ผสมโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง มาขัดผิวเพื่อลดการเกิด Cellulite ได้ เพราะกาแฟนั้นจะอยู่ในกลุ่มของ Anti Cellulite ซึ่งส่งผลให้ผิวเรากระชับ ในส่วนของชาก็จะเป็น Anti Oxidant ลดถุงใต้ตา หรือผิวหน้ากระชับอีกด้วย
สูตรมะละกอ สำหรับคนที่ต้องการความกระจ่างใสบนใบหน้า นำมะละกอสุกหง่อม มาผสมกับ โยเกิร์ตและน้ำผึ้ง นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ก็จะทำให้รู้สึกว่าหน้าเราขาวใส โดยเราสามารถทำได้ทุกวันตามที่เราต้องการ
สูตรสำหรับคนผิวแห้ง หรือผิวไหม้ สามารถนำมายองเนสมาทาที่ใบหน้า เพราะในมายองเนสมีไข่ ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่าไข่ขาวสามารถช่วยกระชับผิว ลอกสิวเสี้ยน ส่วนไข่แดงมีอมิโนสูง Essential มากมาย มีกรดอ่อนๆ ที่เป็น AHA ไวตามิน มีแอนตี้ออกซิแดนซ์ หรือมายองเนสบางชนิดจะใช้มะนาวแท้ ซึ่งมะนาวแท้ก็ช่วยในเรื่องของไวเทนนิ่งด้วย ยังมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ ซึ่งน้ำมันนั้นจะช่วยให้หน้าชุ่มชื่น ลดการแห้งตึงได้ เพราะเวลาที่เราออกไปพบกับแสงแดดที่จัดๆ ข้างนอกมา ผิวเกิดอาการไหม้ ก็สามารถนำมาพอกทิ้งเอาไว้ได้ทันที เพื่อลดการไหม้ของผิวหน้าได้ โดยส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่างๆ นั้นมีประประโยชน์แตกต่างกันไป โยเกิร์ต นั้น จะช่วยให้จุลินทรีย์ที่อยู่ในร่างกายปรับสภาพให้หน้าดีขึ้น แล้วจะมีภาวะเป็นกรดอ่อนๆ เมื่อล้างออก ผิวจะเกลี้ยงเกลากระจ่างใส น้ำผึ้ง จะมีประโยชน์มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ในน้ำผึ้งจะเป็นฟรุกโทสกับกลูโคส และจะมีวิตามินและแร่ธาตุผสมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี เป็นต้น สำหรับสารประกอบอื่นๆ ที่มีอยู่ในปริมาณเพียงน้อยนิดนั้น จะเป็นสารที่ทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหลัก
และตอนนี้มีอีกสิ่งหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นนั่นก็คือการพอกหน้าด้วย มาส์กเต้าหู้ เพราะเต้าหู้นั้นจะมีส่วนผสมของถั่วเหลืองเป็นหลัก ซึ่งในถั่วเหลืองจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน จะมีประโยชน์ในเรื่องความงามมากมาย เพราะฉะนั้นแล้ว ในเรื่องของการมาส์กหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ จึงเป็นสิ่งที่ง่าย สะดวก และไม่แพง อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ทำกันมาตั้งแต่ในยุคสมัยก่อน จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย ทั้งนี้เราควรจะรู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไร และสูตรไหนด้วยเพื่อผิวหน้าที่สวยงาม
Cosmetic Mask
Cosmetic Mask จะเป็นการมาส์กหน้าที่เหมาะกับยุคสมัยในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องจากหาซื้อง่าย ใช้สะดวก ที่สำคัญสามารถเก็บเอาไว้ได้นานอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถพกพาสะดวก ถ้าหากรู้สึกหน้าตาไม่ค่อยสดชื่น ก็สามารถใช้ได้ทันที โดยมาส์กในกลุ่มนี้จะมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
ครีมมาส์ก เป็นมาส์กชนิดแรก สะดวกในการพกพา และประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ามาส์กแผ่น แนะนำให้ใช้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือบางคนที่มีผิวผสม สามารถใช้ 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีครีมมาส์กสำหรับรอบดวงตา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ลดความหมองคล้ำ
มาส์กปูน จะเป็นที่มาส์กที่หลังทาทิ้งไว้ทั่วใบหน้า จะมีลักษณะแข็งเป็นบล็อกรูปหน้า ซึ่งเป็นปูนพลาสเตอร์อย่างหนึ่ง ระหว่างทำจะรู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ ทำให้เลือดไหลเวียนดี เป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และดูดซับสิ่งสกปรก ซึ่งเป็นการทำความสะอาดผิวได้ดีอย่างหนึ่ง
มาส์กแผ่น เป็นแผ่นเซลลูโลสตัดเป็นรูปใบหน้า มีดวงตา มีจมูก มีปาก ชุบเอสเซ้นส์เข้มข้น จึงมีราคาสูง เปรียบเสมือนการทาเอสเซ้นส์ในปริมาณที่มาก ส่วนระยะเวลาแล้วแต่สูตรของแต่ละยี่ห้อง บ้างก็ทิ้งไว้ 15-20 นาที บ้างก็ให้ทิ้งไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในปัจจุบันวงการเครื่องสำอาง มีการพัฒนามาส์กให้สามารถทาได้ทั้งคืน หรือ Sleeping Mask ซึ่งมาส์กชนิดนี้จะสามารถทาแล้วนอนได้เลยทันที อีกทั้งยังให้ประสิทธิภาพที่มากกว่าครีมบำรุงปกติโดยทั่วไปอีกด้วย ซึ่ง Sleeping Mask เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทาครีมเป็นอย่างมาก
Treatment Mask
ในส่วนของ Treatment Mast ในตอนนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเป็นการมาส์กหน้าที่ใช้สารพัดวิธีแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นมาส์กทองคำ มาส์กพิษผึ้ง มาส์กพิษงู มาส์กหอยทาก และล่าสุดคือมาส์กมูลนก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ต้องทำในสปาเพียงเท่านั้น เพราะไม่ได้เตรียมกันง่ายๆ จะต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยและความสะอาด โดยมาส์กแปลกๆ เหล่านี้ สามารถนำมาสกัดเป็นเครื่องสำอางค์ได้ด้วย จึงต้องดูการผลิตเป็นพิเศษ ซึ่งจริงๆ แล้ว มาส์กแปลกๆ เหล่านี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยก่อน ซึ่งจะเป็นสูตรลับที่ไม่ได้บอกว่าทำมาจากอะไร แต่ในยุคปัจจุบันโลกเปิดกว้างมากขึ้น จึงทำให้มาส์กเหล่านี้สามารถทำได้ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการที่จะสกัดทำเป็นเครื่องสำอางค์ต่อไปด้วย
มาส์กทองคำ ในตัวทองคำสามารถต้านอนุมูลอิสสระของผิวหนังและต้านอาการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากรังสียูวีได้ จึงมีการนำทองคำมาประยุกต์ใช้ผสมในเครื่องสำอางที่มีราคาแพงในรูปแบบต่างๆ หรือทำเป็นมาส์กเพื่อความรวดเร็วเพื่อประโยชน์ในการยืดอายุผิวพรรณและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และการทำมาส์กทองคำก็จะมีราคาค่อนข้างสูงอีกด้วย
มาส์กหอยทาก ในน้ำลายของหอยทากจะมีไกโคลิกแอซิด หรือ ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่ากรดผลไม้ และมีเอนไซม์ตามธรรมชาติ เมื่อได้น้ำลายของหอยทาก ผิวก็จะละเอียดเพิ่มมากขึ้น เพราะในเมือกของหอยทากจะสามารถรักษาอาการของตัวเองได้ จึงทำให้เมื่อนำมาพอกหน้า จะทำให้ผิวเกิดการซ่อมแซม และการฟื้นฟู แต่ว่าจริงๆ แล้ว จะไม่นำหอยทากมาเดินที่บนใบหน้าจริงตามที่เป็นข่าว เนื่องจากอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพราะไม่รู้ว่าหอยทากที่นำมาเดินนั้นผ่านอะไรมาบ้าง เพียงแต่ทำให้เกิดกระแสเพื่อต่อยอดในการผลิตเครื่องสำอางค์นั่นเอง
มาส์กพิษผึ้ง คนโบราณกล่าวว่าอะไรที่เป็นพิษใช้เพียงนิดก็จะเป็นยา อย่างเช่นพิษผึ้ง เพราะเมื่อเวลาเราโดนผึ้งต่อยจะทำให้เกิดอาการบวมของแผลและจะทำให้ร่างกายจะหลั่งสารซ่อมแซมมามาก เกิดการสร้างคอลลาเจน จึงทำให้พิษผึ้งสามารถต้านความอักเสบได้สูงมาก เมื่อทาลงไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีพิษผึ้งเข้าไปเป็นส่วนผสม จะทำให้หน้าเรารู้สึกตึง และจะทำให้หน้ากระชับขึ้น และริ้วรอยที่เคยลึกก็ตื้นขึ้นจะคล้ายๆ กับการโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ และผลจะไม่อยู่นานเท่าโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์นั่นเอง
มาส์กพิษงู ในส่วนของพิษงูจะออกฤทธิ์สูงกว่าพิษผึ้ง พิษจะออกฤทธิ์นิ่งในบริเวณที่มีความเคลื่อนไหวมาก เช่น ร่องแก้ม ตีนกา เมื่อทางไปจะทำให้ผิวหน้าที่หดเกร็งเป็นริ้วรอยจะหายไป และจะกระตุ้นการซ่อมแซมเพื่อให้ผิวสวยอีกด้วย
มาส์กมูลนก โดยจะนำมาจากมูลนกไนติงเกล ซึ่งจะอยู่ในสูตรความงามของเกอิชา แต่ในปัจจุบันไม่ได้เหมือนกับสมัยก่อน เพราะสมัยนี้โรคที่มากับนกมีมากมาย จึงไม่แนะนำให้ทำเอง แต่ในส่วนถ้าหากอยากทำจะมีอยู่ตามร้านสปา ซึ่งจะมีราคาที่สูงมากพอสมควร
และอย่างสุดท้ายที่ฮือฮากันอยู่พักหนึ่งนั้น ก็คือ การมาส์กหน้าด้วยสเปิร์ม สเปิร์มนั้นอุดมไปด้วยโปรตีน โมเลกุลละเอียด ดูดซึม และแร่ธาตุอาหารผิวที่สดใหม่มากมาย โดยจะต้องใช้พลังงานอันมากมายของมนุษย์กว่าที่จะได้สิ่งมีชีวิตเป็นเซลล์เล็กๆ หรือสเปิร์มออกมา แต่จะไม่นิยมทำสักเท่าไรนัก เพราะจะมีกระแสคัดค้านเนื่องจากผิดศีลธรรม โดยการนำเซลล์ต้นกำเนิดมาใช้นั่นเอง
“ในการมาส์กหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำสูตรมาส์กหน้าขึ้นมาเอง โดยใช้สิ่งสิ่งของจากธรรมชาติ หรือจะมาส์กหน้าแบบที่ทำสำเร็จมาให้แล้วนั้น ควรจะเลือกให้เข้ากับตัวเองทั้งสิ้น หรือถ้าหากต้องการที่จะลองมาส์กผิวหน้าด้วยสูตรแปลกๆ ก็สามารถทำได้แต่ราคาจะค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นถ้าหากอยากที่จะลองก็ควรที่จะซื้อมาในรูปแบบของเครื่องสำอางค์หรือมาส์กแผนที่หาซื้อได้ง่ายทั่วไป เพราะฉะนั้นเวลาคิดจะทำอะไรควรศึกษาให้ดีเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวเองค่ะ”
พญ.ลักษณ์สุภา ประภารัต
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
(Some images used under license from Shutterstock.com.)