Haijai.com


ศัลยกรรมเอวคอด ศัลยกรรมให้หุ่นสวยสมบูรณ์แบบ


 
เปิดอ่าน 36018

ศัลยกรรมเอวคอด ศัลยกรรมให้หุ่นสวยสมบูรณ์แบบ

 

 

ผู้หญิงที่มีร่างกายสมส่วน มีเรือนร่างได้รูปมีส่วนโค้งเว้าเย้ายวนแลดูสวยงามเป็นธรรมชาติ ทั้งหน้าอก เอว และสะโพกนั้นหาได้ค่อนข้างยาก ถ้าคุณโชคดีมีสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วก็อย่าลืมรักษาไว้ให้ดีด้วย เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตและกาลเวลาจะพรากความสวยงามอ่อนเยาว์จากเราไป เราจะมาพูดกันถึงเรื่อง “การทำศัลยกรรมเอวคอด” ได้รับเกียรติจากศัลยแพทย์อันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่ฝีมือทางการแพทย์เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในด้านของการออกแบบและผ่าตัดศัลยกรรมที่ได้สัดส่วนสวยงามและมีความเป็นธรรมชาติ มาให้ข้อมูลความรู้กับผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรมเอวคอด

 

 

พล.ต.ท. นพ.อรรถพินธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์ เพื่อการเสริมสวยแห่งประเทศไทย, สมาชิกราชวิทยาลัย ศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าแห่งประเทศไทย เพราะเรื่องของสุขภาพและความงามเป็นสิ่งที่ผู้หญิงอย่างเราให้ความสำคัญ การมีรูปร่างดี มีเอวคอดนั้น ทำให้ผู้หญิงมีความมั่นใจ สวมใส่เสื้อผ้าอะไรก็สวย และยังเป็นเสน่ห์ดึงดูดเพศชายอีกด้วย

 

 

เมื่อยังอ่อนเยาว์รูปร่างของเรายังกระชับได้รูปและเต่งตึง ทำให้สาวแรกรุ่นมีเอวที่คอดได้ไม่ยากหากบวกเข้ากับการดูแลรักษารูปร่างของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าใครที่เอ็นจอยอีทติ้ง สนุกสนานกับการกิน ตามใจปากซะจนหยุดไม่ไหว แถมยังไม่ค่อยได้ออกกำลังกายให้รูปร่างเข้าที่ คราวนี้เอวที่ยังคอดเล็กหรือยังพอมีส่วนเว้าส่วนค้างบ้างนั้น ก็จะค่อยๆ อันตรธานหายไปแบบไม่รู้ตัว มาก้มมองอีกทีพุ่งก็ยื่นจนแทบมองไม่เห็นเท้าตัวเองเสียแล้ว แต่กรณีที่จะทำให้รูปร่างกลับมาเข้าที่เหมือนอย่างตอนสาวๆ ได้ยากที่สุด เห็นจะเป็นคุณแม่หลังคลอด เพราะการตั้งครรภ์จะทำให้ผิวหนังบริเวณหน้าท้องยืดออก เพื่อให้มีพื้นที่และรองรับน้ำหนักลูกตัวน้อย การที่จะทำให้รูปร่างสมส่วนอ้อนแอ้นเหมือนสมัยเมื่อยังเป็นสาวๆ นั้น อาจจะต้องพึ่งการทำศัลยกรรมเอวคอดที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ เพื่อให้คุณแม่หลังคลอดของสาวๆ ที่มีรอบเอวหนาเตอะได้รู้สึกถึงความอ่อนเยาว์และสวยงามของหญิงสาววัยแรกรุ่นกันอีกครั้ง

 

 

รูปร่างแบบไหนที่ผู้หญิง (และผู้ชาย) ใฝ่หา

 

โดยปกติแล้วผู้หญิงแต่ละคนจะมีลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าหากต้องการจำแนะลักษณะรูปร่างอย่างคร่าวๆ แล้ว ก็จะสามารถแบ่งรูปร่างของผู้หญิงได้จากสรีระภายนอก ซึ่งก็คือการเปรียบเทียบรูปทรงของร่างกายกับสิ่งต่างๆ ได้แก่

 

 

 รูปร่างแบบแอปเปิ้ล (Apple shape) เป็นลักษณะของร่างกายที่จะมีความแตกต่างระหว่างสะโพกและเอวน้อย จนร่างกายมีทรงกลมเนื่องจากไขมันส่วนมากจะมาสะสมอยู่ที่ช่วงท้องหรือกลางลำตัว และสะโพกมีขนาดเล็ก โดยที่หน้าอกอาจจะมีขนาดใหญ่หรือเล็กก็ได้

 

 

 รูปร่างแบบลูกแพร์ (Pear shape) เป็นลักษณะของร่างกายที่สะโพกและช่วงล่างมีขนาดใหญ่กว่าหน้าอก เนื่องจากไขมันสะสมอยู่ที่บริเวณสะโพกและต้นขามากกว่าบริเวณอื่น รูปร่างแบบนี้เป็นลักษณะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วไป

 

 

 รูปร่างแบบสามเหลี่ยมกลับด้าน (Invert triangle shape) เป็นลักษณะร่างกายที่พบมากในนักกีฬา ซึ่งช่วงไหล่จะค่อนข้างกว้างเมื่อเทียบกับขนาดของหน้าอกและสะโพก ในบางคร้งอาจจะดูคล้ายรูปร่างของผู้ชาย

 

 

 รูปร่างแบบนาฬิกาทราบ (Hourglass shape) เป็นลักษณะของร่างกายที่หน้าอกและสะโพกมีขนาดใหญ่และเอวเล็กหรือคอด โดยที่หน้าอกและสะโพกควรมีอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกันคล้ายกับนาฬิกาทราบ และแม้เอวจะคอดแต่ก็ไม่ได้มีอัตราส่วนที่ต่างกันจนเกินไป

 

 

 รูปร่างแบบผืนผ้าหรือกล้วยหอม (Banana or Rectangle shape) เป็นลักษณะรูปร่างของนางแบบ ซึ่งจะมีขนาดของหน้าอกและสะโพกเล็ก ช่วงไหล่แคบ หน้าท้องแบนราบและรูปร่างเพรียวบาง

 

 

โดยผู้หญิงกลุ่มที่มีรูปร่างแบบแอปเปิ้ลจะมีปัญหาเรื่องการสะสมของไขมันที่เอวมากกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากเป็นลักษณะทางกายภาพที่ร่างกายจะสะสมไขมันในบางจุดมาเป็นพิเศษ แต่ในขณะเดียวกันผู้หญิงกลุ่มอื่นที่ไม่ออกกำลังกายหรือไม่ได้บริหารร่างกายช่วงล่าง ก็อาจมีการสะสมของไขมันในบริเวณเอวได้ เช่น คนที่ไม่ออกำลังกาย คนที่ต้องนั่งทำงานโดยไม่ค่อยได้เปลี่ยนอิริยาบถ กลุ่มคนที่มักจะนั่งเฉยๆ และหลีกเลี่ยงการเดิน เป็นต้น  อีกทั้งการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ คือ มีแต่แป้งหรือน้ำตาลหรือไขมันสูง ก็สามารถทำให้มีไขมันสะสมที่ช่วงกลางลำตัวจนเอวใหญ่หรือเอวหนาได้ ผู้หญิงที่ผ่านการตั้งครรภ์ก็เป็นกลุ่มที่อาจจะมีช่วงกลางลำตัวใหญ่หรือหนาเช่นกัน เนื่องจากการตั้งครรภ์ทำให้ประสิทธิภาพของความแข็งแรงของกล้ามเนื้อผนังหน้าท้องลดลง ส่งผลผ่านไปไขมัน จึงมาสะสมที่ช่วงกลางลำตัวได้ง่าย ส่วนรูปร่างที่ถือได้ว่าเป็นรูปร่างที่ผู้หญิงส่วนมากต้องการจะมีคือ รูปร่างแบบนาฬิกาทราย ด้วยอัตราส่วนที่เหมาะสมของไหล่ หน้าอก และสะโพก ทำให้รูปร่างแบบนาฬิกาทรายนั้น มีความสมดุลกว่ารูปร่างแบบอื่น ไม่ว่าจะพิจารณาจากช่วงบน และช่วงล่างหรือในแนวราบ อีกทั้งขนาดของหน้าอกที่ใหญ่และสะโพกที่ผายออกยังแสดงออก ถึงคามเป็นสตรีเพศอย่างชัดเจนอีกด้วย

 

 

ตัดกระดูกซี่โครงเพื่อเอวคอดยังมีอยู่หรือ ?

 

กระดูกซี่โครงของมนุษย์มีทั้งหมด 12 คู่ หรือ 24 ซี่ ทำหน้าที่ปกป้องอวัยวะภายในไม่ให้ถูกกระทบกระเทือนจากแรงกระแทกภายนอก ในปัจจุบันการผ่าตัดกระดูกซี่โครงซี่ที่ 11 และ 12 ซึ่งถือว่าเป็นซี่โครงลอย (Floating ribs) ออกไปเพื่อทำให้เอวเล็กนั้น ไม่นิยมทำกันแล้ว เนื่องด้วยกระดูกซี่โครงซี่ที่ 11 และ 12 มีประโยชน์ในการป้องกันอันตรายจากการกระแทกบริเวณด้านหลังและด้านข้างลำตัว เพื่อไม่ให้อวัยวะตับ ไต และม้าม แตกได้ง่าย การตัดกระดูกซี่โครงซี่ที่ 11 และ 12 จะทำให้เกิดแผลที่ด้านหลังของร่างกาย เป็นแผลยาวและไม่สวยงาม รอยแผลเป็นอาจกลายเป็นแผลเป็นนูนได้ คนไข้จะมีอาการเจ็บมากบริเวณด้านหลังและด้านข้างของลำตัว

 

 

การตัดกระดูกซี่โครงอาจทำให้ขนาดของเอวส่วนบนเล็กลงได้บ้าง แต่ขนาดของเอวโดยรวมทั้งหมดไม่ได้มีขนาดเล็กลง ถ้าผนังหน้าท้องมีไขมันมากจนเอวหนา และมีผิวหนังหน้าท้องหย่อนยานร่วมด้วย สำหรับการรัดเอวจนมีขนาดเล็กเกินไป ไม่ถือว่าเป็นรูปร่างที่สวยงาม เนื่องจากอัตราส่วนของช่วงเอวไม่สมดุลกับหน้าอกและสะโพก ที่สำคัญคือการรัดเอวจนเล็กคอดมาเกินไป จะทำให้การเรียงตัวของอวัยวะภายในผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ บางอวัยวะ เช่น ตับ กระเพาะอาหาร และลำไส้ อาจกดทับกันจนเกิดแรงดันในช่องท้อง และอวัยวะทำงานได้ไม่ปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตในอนาคตได้

 

 

แต่ก็มีผู้หญิงบางกลุ่มที่นิยมมีเอวคอดเล็กมากกว่า ด้วยความชอบส่วนตัวที่อาจได้รับแรงบันดาลใจจากบุคคลที่ชื่นชอบ ความนิยม หรือวัฒนธรรมจากยุคก่อน ที่ผู้หญิงนิยมสวมชุดคอร์เซ็ท (Corset) เพื่อให้เอวคอดกิ่ว สะโพกผาย หน้าอกใหญ่ ดูสมกับเป็นเพศหญิง อย่างเช่น

 

 

“loana Spangenberg” นางแบบชาวโรมาเนีย วัย 30 ปี ที่มีเอว 20 นิ้ว เนื่องด้วยความผิดปกติของร่งกาย คือ เธอมีกระเพาะอาหารที่เล็กเกินไป จึงทำให้เธอรับประทานอาหารได้ในปริมาณจำกัด และด้วยโครงสร้างทางร่างกายที่เรียกได้ว่าค่อนข้างผอมสูง จึงทำให้เอวของเธอเล็กกว่าชาวบ้านทั่วไป

 

 

“Michele Kobke” เป็นหญิงสาวชาวเยอรมันอีกคนหนึ่งที่มีเอวเล็ก เธอมีรอบเอว 16 นิ้ว ซึ่งเคล็ดลับในการได้รอบเอวนี้มา คือการสวมคอร์เซ็ททุกวันเป็นเวลา 3 ปี เพราะการใส่คอร์เซ็ทจะทำให้แรงรัดมากคอร์เซ็ทบีบซี่โครงทั้งสองฝั่งเข้าหากัน และเมื่อสวมใส่เป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้เอวคอดเล็กลง และปัจจุบันเธอยังสวมชุดรัดทรงนี้อยู่ เพราะมีความตั้งใจว่าอยากจะให้เอวคอดเล็กลงเหลือ 14 นิ้ว สุขภาพร่างกายของเธอก็ยังคงแข็งแรงดี

 

 

สำหรับคุณยายชาวอเมริกัน วัย 74 ปี “Cathie Jung” เธอถูกบันทึกใน The Guinness World Record ว่าเป็นผู้หญิงที่มีเอวเล็กที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยรอบเอวเพียง 15 นิ้ว ซึ่งเธอได้มาด้วยการสวมชุดคอร์เซ็ททุกวัน เป็นเวลา 12 ปี และตอนนี้เธอก็ยังต้องสวมชุดคอร์เซ็ทไว้เกือบตลอดเวลา เพื่อช่วยพยุงร่างกายเอาไว้ และยังเป็นไอดอลให้กับ Michele Kobke อีกด้วย แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาก็ยังไม่มีใครทำลายสถิติผู้หญิงที่มีเอวเล็กที่สุดในโลกตลอดกาลอย่าง “Ether Granger” ได้ เพราะเธอมีรอบเอวเพียง 13 นิ้วเท่านั้น สำหรับผู้หญิงกลุ่มนี้ออกจะมีเอวที่คอดเล็กแบบผิดสัดส่วนไปหนื่อย แต่ถ้าจะให้พูดถึงผู้หญิงที่มีทรวดทรงองค์เอวคอดเล็กได้สัดส่วนสวยงามดูแล้วเป็นธรรมชาติ เห็นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก “Betty Brosmer” สาวหุ่นนาฬิกาหทรายสุดคลาสิค (Classic Hourglass Women) นางแบบภาพพินอัพ (Pinup Models) ในทศวรรษ 1950 สัดส่วนของเธอคือ 38-18-36 นิ้ว (Pinup Models หมายถึง นางแบบหรือดารานักแสดงที่สวยเซ็กซี่หนุ่มๆ นิยมตัดรูปจากในแมกกาซีน หรือภาพเดี่ยวแล้วนำไปติดฝาผนังไว้ดู)

 

 

อยากเป็นสาวเอวคอดทำอย่างไร

 

การทำให้เอวคอดโดยศัลยแพทย์ สามารถทำได้ 2 วิธี

 

 

1.การดูดไขมันผนังหน้าท้องและบริเวณเอว

 

 

2.การผ่าตัดเอาผนังหน้าท้องออกพร้อมบริเวณเอว ซึ่งจะต้องมีการเย็บชั้นกล้ามเนื้อของผนังหน้าท้องให้กระชับด้วย โดยขั้นตอนการผ่าตัดศัลยแพทย์ต้องประเมินสภาพของผนังหน้าท้องของคนไข้ ว่าเป็นผนังหน้าท้องที่มีขนาดใหญ่มากน้อยเพียงใด มีผิวหนังหน้าท้องที่เหี่ยวย่น ห้อยย้อยและหย่อนยานจากการคลอดบุตร หรือจากการลดน้ำหนักมาก่อนหรือไม่ และสภาพความเหี่ยวย่น ห้อยย้อยและหย่อนยาน มีมากน้อยเพียงใด น้ำหนักตัวคนไข้อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือน้ำหนักเกินปกติ และสุขภาพของคนไข้แข็งแรงเป็นปกติหรือไม่ ตรวจร่างกายคนไข้ว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่และคนไข้รับประทานยารักษาโรคประจำตัวหรือไม่ เพราะว่าบางโรคนั้นเสี่ยงอันตรายต่อการผ่าตัด เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคทางสมอง เป็นต้น

 

 

ศัลยแพทย์จะต้องอธิบายให้คนไข้ได้รับทราบถึงผลลัพธ์ของการผ่าตัดด้วยวิธีการดมยาสลบ และโรคแทรกซ้อนต่างๆ หรือผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ภายหลังการดมยาสลบและการผ่าตัด ซึ่งเป็นความเสี่ยงของการผ่าตัดใหญ่ ตลอดจนผลลัพธ์ของการผ่าตัดอาจจะไม่สนองต่อความคาดหวังของคนไข้ทุกประการ จากนั้นจึงเตรียมคนไข้เข้ารับการผ่าตัดด้วยวิธีการดมยาสลบ โดยจะต้องเตรียมผิวหนังหน้าท้องให้สะอาด ให้ยาปฏิชีวนะแก่คนไข้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในช่วงเวลาก่อนผ่าตัด ขณะผ่าตัด (ผ่านสายน้ำเกลือ) และภายหลังการผ่าตัด เทคนิคการผ่าตัด คือ เปิดแผลผ่าตัดเหนือหัวหน่าวในแนวนอน เพื่อซ่อนแผลเป็นตามแนวชุดชั้นใน ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ว่าต้องการจะซ่อนแนวแผลไว้สูงต่ำอย่างไร จากนั้นจึงออกแบบการตัดผนังหน้าท้องส่วนที่เกินออกไปอย่างละเอียด เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ภายหลังการผ่าตัด ได้ผนังหน้าท้องที่เรียบ ความเหี่ยวย่น ความห้อยย้อยและความหย่อนยานของผนังหน้าท้องลดลงอย่างชัดเจน ได้เอวคอดหรือขนาดเอวเล็กลง และแผลเป้นที่เกิดขึ้นมีความสวยงาม

 

 

ในการผ่าตัดอาจจะต้องมีการย้ายตำแหน่งสะดือร่วมด้วย เมื่อมีการตัดหนังส่วนของบริเวณสะดือออกไป และตำแหน่งของสะดือใหม่จะต้องอยู่ตรงกลาง โดยจะต้องระวังอย่าให้ตำแหน่งสะดือใหม่เบี้ยวได้ ตัดผนังหน้าท้องออกตามที่ออกแบบไว้ และเย็บผนังหน้าท้องส่วนบนกับส่วนล่างเข้าหากัน โดยต้องระวังไม่ให้เกิดการตึงของแผลมากเกินไป ซึ่งจะช่วยให้รอยแผลเป็นหลังผ่าตัดเรียบและไม่เป็นแผลเป็นนูน ภายหลังผ่าตัดหน้าท้อง คนไข้อาจจะต้องเดินงอตัวในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ภายหลังการ่าตัด ในกรณีที่มีการตัดผนังหน้าท้องออกเป็นจำนวนมากจนแผลเย็บมีความตึงมาก การตัดไหมและถอดท่อระบายน้ำเหลืองจะอยู่ในช่วงระยะเวลา 7-10 วัน

 

 

หลังการผ่าตัดประมาณ 45 วัน ผลลัพธ์ของการผ่าตัดในเรื่องเอวคอด จึงจะเห็นชัดเจน คือ เอวมีขนาดเล็กลงจากเดิมราว 4 นิ้ว  ทั้งนี้คนไข้จะต้องร่วมมือในการลดน้ำหนักภายหลังการผ่าตัดด้วย โดยวิธีการควบคุมเรื่องการรับประทานอาหาร เพื่อลดความตึงและการบวมของผนังหน้าท้องและของแผลผ่าตัด การดูแลแผลผ่าตัดด้วยการทาครีมบำรุงและติดแผ่นซิลิโคนที่แนวแผล จะช่วยให้แผลเป็นดูเรียบเนียนขึ้น วิธีการผ่าตัดเอาผนังหน้าท้องออกพร้อมบริเวณเอว ซึ่งจะต้องมีการเย็บชั้นกล้ามเนื้อของผนังหน้าท้องให้กระชับด้วยนั้น ศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญสูง สามารถทำการผ่าตัดเสริมเต้านมไปพร้อมๆ กัน โดยไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดเสริมเต้านมตามปกติ คือ แผลที่รักแร้ หรือแผลที่ลานหัวนม หรือแผลที่ฐานเต้านม ในกรณีที่เต้านมเดิมของคนไข้มีขนาดเล็ก เต้านมคล้อย และหรือเต้านมหย่อนยานและต้องการเสริมเต้านมในการผ่าตัดคราวเดียวกัน

 

 

โรคแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ภายหลังการผ่าตัด

 

ภายหลังการผ่าตัดคนไข้อาจมีอาการที่มีน้ำเหลืองหรือเลือดคั่งใต้แผลผ่าตัด ซึ่งจะทำให้มีอาการปวด บวม แดง ร้อน ที่แผลผ่าตัด และอาจจะมีไข้ร่วมด้วย การแก้ไขคือใช้เข็มเจาะเพื่อเอาน้ำเหลืองหรือเลือดที่คั่งออก หรือกรเปิดแผลผ่าตัดเป็นช่องเล็กๆ เพื่อระบายน้ำเหลืองหรือเลือดที่คั่งออกจนแห้ง และให้ยาปฏิชีวนะแก่คนไข้ร่วมด้วย อาการผนังหน้าท้องอักเสบ ซึ่งอาจจะมีอาการไม่รุนแรงจนถึงรุนแรงมากผนังหน้าท้องบางส่วนเน่าตายเป็นสีดำคล้ำ ซึ่งถือว่าเป็นโรคแทรกซ้อนที่ค่อนข้างรุนแรง อาจจะมีการติดเชื้อแทรกซ้อนร่วมด้วย การแก้ไขค่อนข้างยากและซับซ้อน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของผนังหน้าท้องที่เน่าตาย ว่ามีบริเวณกว้างมากน้อยเพียงใด ศัลยแพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดเอาผนังหน้าท้องที่เน่าตายออก แล้วหาผิวหนังมาปลูกถ่ายแทนส่วนที่หายไปใหม่ และให้ยาปฏิชีวนะแก่คนไข้ร่วมด้วย อาการของโรคหลอดเลือดดำอุดตันจากลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในผนังหลอดเลือดดำ ซึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนที่ค่อนข้างอันตราย และการรักษาก็มีความซับซ้อน เช่น การให้ยาสลายลิ่มเลือด ซึ่งเป็นยาที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และอาการของโรคก้อนไขมันเล็กๆ หลุดเข้าไปในเส้นเลือด แล้วทำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด เป็นโรคแทรกซ้อนที่อันตราย แต่มักจะเกิดกับคนไข้ที่ศัลยแพทย์เลือกใช้วิธีการดูดไขมันหน้าท้องเพื่อลดขนาดเอว มากกว่าวิธีการผ่าตัดเอาผนังหน้าท้องออก อาการของโรคนี้หากเกิดขึ้นแล้วจะรักษายากมาก และถ้าหากเป็นก้อนไขมันเล็กๆ ไปอุดตันหลอดเลือดหัวใจ อาจจะมีโอกาสเสียชีวติได้สูงมาก

 

 

ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการทำศัลยกรรมเอวคอดนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของผนังหน้าท้อง ขนาดของเอวและน้ำหนักตัว และขึ้นอยู่กับศัลยแพทย์แต่ละท่าน ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์มายาวนาน มีผลงานที่ดี ค่าใช้จ่ายก็จะสูง และถ้าขนาดของผนังหน้าท้องใหม่ ขนาดของเอวใหญ่ และน้ำหนักตัวมากเกินน้ำหนักเกณฑ์ปกติมาก ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น จึงไม่สามารถประมาณราคาค่าผ่าตัดได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วอยู่ที่ประมาณ 250,2000 บาทขึ้นไป เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องวางยาสลบ และใช้ระยะเวลาผ่าตัดนานหลายชั่วโมง ผู้ป่วยต้องรับการตรวจร่างกาย เจาะเลือด เอ็กซเรย์ปอด คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และอื่นๆ และจะต้องนอนรักษาตัวภายในโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 2 วัน รวมทั้งศัลยแพทย์ต้องดิมตามผลของการรักษาผ่าตัดนานไม่น้อยกว่า 2 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์ภายหลังการผ่าตัดปรับรูปร่างให้สวยงามนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ว่าจะต้องการปรับปรุงส่วนใดเมเติม เช่น บริเวณท้องแขน หน้าขา หรือก้นที่เหี่ยวย่น ห้อยย้อยและหย่อนยาน เป็นต้น

 

 

สำหรับสาวๆ คนไหนที่อยากเอวคอดด้วยวิธีธรรมชาติ การควบคุมอาหารนับว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการสะสมของไขมันบริเวณเอว ดังนั้น ควรรับประทานอาหารที่มีปริมาณไขมันน้อย ลดการรับประทานขนมและอาหารจำพวกแป้งที่แปรรูป เช่น มันฝรั่งทอด และขนมหวาน เพราะนอกจากจะทำให้เกิดไขมันสะสมแล้ว ยังมีปริมาณเกลือสูงทำให้ตัวบวม ท้องอืด และผิวพรรณไม่สวยอีกด้วย แน่นอนว่าต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายทุกประเภทเป็นเรื่องดีต่อร่างกาย แต่สำหรับผู้หญิงแล้วการออกกำลังกายที่ต้องขยับร่างกายอย่างต่อเนื่องจะทำให้รูปร่างได้รูปมากกว่าการเน้นเฉพาะส่วน เช่น การเล่นโยคะ เต้นแอโรบิก เป็นต้น การบริหารช่วงเอวเป็นพิเศษ เช่น การซิทอัพ ฮูลา ฮูป หมุนจานทวิสต์ ก็จะช่วยลดขนาดหน้าท้องได้ดี และยังทำให้ผนังหน้าท้องแข็งแรงอีกด้วย แต่สุดท้ายแล้วการที่จะมีรูปร่างอย่างไร ก็เป็นลักษณะทางกายภาพเฉพาะบุคคล การออกกำลังกายแบบเดียวกันอาจจะไม่ได้ทำให้เกิดเอวคอดได้ทุกคน ดังนั้น ควรเน้นออกกำลังกายและดูแลตัวเองตามความเหมาะสมของร่งกายจะเป็นการดีที่สุด

 

 

“การผ่าตัดศัลยกรรมผนังหน้าท้องเพื่อให้เอวคอดนั้น เป็นการผ่าตัดใหญ่และผู้ป่วยจำเป็นต้องวางยาสลบและนอนพักรักษาตัวภายในโรงพยาบาล สิ่งที่สำคัญคือศัลยแพทย์จะต้องซักประวัติและตรวจร่งกายผู้ป่วยอย่างละเอียด เพราะว่าผู้ป่วยอาจจะมีโณคประจำตัวที่อาจจะมีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดใหญ่ ถ้าพบว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวจะต้องให้ผู้ป่วยรักษาโรคประจำตัวให้หายดีเรียบร้อยก่อน ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ปกติก็เป็นความเสี่ยงต่อการผ่าตัดใหญ่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ศัลยแพทย์ควรจะเลือกผ่าตัดผู้ป่วยที่เหมาะสมไม่มีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดใหญ่ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ป่วยเอง สำหรับการออกแบบการตัดผนังหน้าท้องและเอวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีเอวคอด และผนังหน้าท้องเรียบกระชับเหมือนผนังหน้าท้องของคนที่ยังเป็นสาววัยรุ่นนั้น ถือเป็นศิลปะชั้นสูงมาก ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีความประสงค์จะมารับการผ่าตัดผนังหน้าท้องเพื่อให้เอวคอดนั้น ตัวผู้ป่วยเองควรจะต้องศึกษาข้อมูลของศัลยแพทย์ และจะต้องเห็นงานของศัลยแพทย์จริงๆ โดยเฉพาะจากผู้ป่วยจริงของศัลยแพทย์ท่านนั้น ว่ามีผลลัพธ์ภายหลังการผ่าตัดแล้วมีเอวคอดและผนังหน้าท้องเรียบกระชับจริง จึงจะตัดสินใจให้ศัลยแพทย์นั้นทำผ่าตัดให้ มิฉะนั้น อาจเกิดปัญหาภายหลังการผ่าตัดได้ ซึ่งตัวผู้ป่วยก็จะเกิดความผิดหวัง และการผ่าตัดแก้ไขผนังหน้าท้องที่เคยทำการผ่าตัดมาแล้ว แต่ยังไม่ถูกใจนั้น เป็นงานศัลยกรรมที่ยากมากๆ ไม่เหมือนงานแก้ไขศัลยกรรมจมูกเสริมหรือเปลือกตาบน ที่อาจจะแก้ไขได้ง่ายกว่าครับ”

 

 

พล.ต.ท. นพ. อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์

นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย

(Some images used under license from Shutterstock.com.)