© 2017 Copyright - Haijai.com
ทุกสิ่งเป็นไปได้ แค่หนูพยายาม
โดยธรรมชาติของเด็กๆ ที่เปรียบเหมือนมือใหม่ป้ายแดงสำหรับทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับโลกภายนอกนั้น
จึงทำให้เขาอยากรู้ อยากเก่ง อยากทำทุกอย่างด้วยมือคู่น้อยๆ ของเขาเอง เวลาเด็กๆ เห็นผู้ใหญ่ทำอะไรก็อยากลองทำบ้าง เช่น มาช่วยหยิบ มาช่วยจับ หรือไม่ก็มีคำถามมาถามคุณพ่อคุณแม่ว่า ทำสิ่งๆ นั้นทำไม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จะสังเกตได้เวลาที่คุณแม่เข้าห้องครัวเพื่อทำกับข้าว และเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเตรียมส่วนประกอบในการทำกับข้าวอย่างการล้างผัก หรือผลไม้ต้องมีมือคู่เล็กๆ ของลูกค่อยๆ ยื่นมือเข้ามาอาสาช่วยคุณแม่ล้างผักทุกครั้ง และหลังจากที่ลูกได้ลองเสนอตัวเองช่วยคุณแม่ทำกับข้าว เขามักจะโดนตำหนิว่ายุ่งวุ่นวาย พร้อมๆ กับถูกขอให้ออกไปนอกห้องครัวจะได้ไม่เกะกะเวลาที่คุณแม่ทำกับข้าว และให้ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเพื่อรอทานข้าวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
การที่เด็กถูกตำหนิในกิจกรรมที่เขาอยากจะเรียนรู้ อยากหาคำตอบ อยากสำรวจ หรืออยากลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง ทำให้ลูกท้อแท้จนหมดกำลังใจในการพยายามทุ่มเทที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รอบตัวเขา เพราะความกลัวว่าจะถูกคุณพ่อคุณแม่ตำหนิ จึงทำให้เด็กไม่กล้าคิดลงมือทำอะไร กลัวว่าจะทำผิด หรือกลัวว่าทำออกมาแล้วทำได้ไม่ดีเท่าที่ใครๆ ตั้งความหวังไว้สูง ซึ่งความกลัวว่าจะถูกตำหนิจากคุณพ่อคุณแม่ นับเป็นตัวการสำคัญที่จะพรากความพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว และความอยากรู้อยากเห็นที่ต้องการหาคำตอบในสิ่งที่เขาสงสัยออกไปการที่ลูกต้องการจะช่วยหยิบช่วยจับอะไรเล็กๆ น้อยๆ ในห้องครัวหรืออาสาขอช่วยคุณแม่ล้างผัก นั่นก็เพราะเขามองว่ากิจกรรมที่คุณแม่คิดว่าแสนจะธรรมดานั้น แต่สำหรับลูกกลับมองว่าการล้างผักเป็นเรื่องที่น่าสนุกที่เขาสามารถช่วยคุณแม่ทำได้ แต่คุณแม่กลับตอบสนองความอยากเรียนรู้นั้นด้วยการไม่ให้ลูกช่วยทำกิจกรรมอะไรเลย อย่างเช่นการช่วยทำกับข้าวที่คุณพ่อคุณแม่อาจมองว่าลูกยังตัวเล็ก และเด็กเกินไปที่จะช่วยทำได้ และสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มองว่าลูกสามารถทำได้ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กตัวเล็กๆ ก็คือ การนั่งเงียบๆ ที่โต๊ะอาหาร นั่งเฉยๆ เพื่อรอทานข้าวพร้อมคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น การที่ห้ามไม่ให้ลูกช่วยทำงานบ้านที่เขาอยากจะลงมือทำด้วยตัวเองถือเป็นการปิดประตูแห่งโอกาสที่เขาจะได้เรียนรู้ว่า กว่าจะกลายมาเป็นต้มจืดแสนอร่อยให้เขาได้ทานนั้นต้องผ่านขั้นตอนอะไรมาบ้าง คุณแม่ต้องใช้ความพยายามขนาดไหนในการปลอกเปลือกแครอท หรือการค่อยๆ ล้างเศษดินที่ติดอยู่บนหัวผักกาดขาว เป็นต้น การที่ลูกอยากช่วยหยิบช่วยจับส่วนประกอบของเมนูแสนอร่อยที่คุณแม่ทำอยู่นั้น ถือเป็นโอกาสที่แสนวิเศษที่คุณแม่สามารถสอดแทรกบทเรียนของชีวิตที่ว่า ไม่มีอะไรที่ลูกจะได้มาด้วยวิธีที่ง่ายดาย เราต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถ ใช้ความใส่ใจ และใช้เวลาตั้งใจทำสิ่งๆ นั้นให้สำเร็จ ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกกับคุณแม่ไม่มีความพยายามในการที่จะทำกับข้าวแสนอร่อยให้สำเร็จ แต่กลับท้อถอยเสียกลางทาง ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และตัวลูกเองคงจะอดทานข้าวมื้ออร่อยแน่เลยๆ
การเริ่มสอนเรื่องความพยายามให้กับลูกตั้งแต่เล็ก เปรียบเหมือนการฉีดวัคซีนป้องกันความล้มเหลวในชีวิตของลูก โดยเริ่มจากพยามยามทำในสิ่งที่ง่ายๆ ให้สำเร็จลงก่อน เมื่อเขาเติบโตขึ้นและพบเจอกับอุปสรรคในการดำรงชีวิตที่ยากกว่าการล้างผัก เขาก็จะไม่ย่อท้อเอาง่ายๆ และอดทดพยายามกระทำสิ่งๆ นั้นให้สำเร็จลงได้ ขอเพียงคุณพ่อคุณแม่หยิบยื่นโอกาสแห่งการเรียนรู้ให้ลูก พร้อมๆ กับกำลังใจที่เชื่อว่าถ้าลูกพยายามทำสิ่งๆ นั้นไม่ว่าจะยากแค่ไหน ทุกสิ่งก็เป็นไปได้ ขอแค่หนูพยายามค่ะ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)