© 2017 Copyright - Haijai.com
อันตรายภายในบ้านที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม
บ้านเปรียบเหมือนป้อมปราการอันปลอดภัยที่สุดของทุกคนภายในบ้าน ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะคิดว่า บ้านของเรานี่ล่ะปลอดภัยจากอันตรายที่สุดแล้วด้วยความมั่นใจข้อนี้เอง จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่มองข้ามอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ภายในบ้าน เพราะความเคยชินที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานาน ซึ่งต่างกับเจ้าตัวเล็กที่เพิ่งออกมาลืมตาดูโลกใบใหญ่นี้ได้ไม่นาน สำหรับลูกแล้วบ้านก็เหมือนสวนสนุกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยของเล่นมากมายที่ชวนให้เจ้าตัวเล็กอยากที่จะหยิบจับ อยากที่จะปืนป่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าอีกด้านหนึ่งของระเบียงบ้านนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ซึ่งกว่าที่คุณพ่อคุณแม่จะรู้ตัวก็อาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ค่ะ ดังนั้น เราจึงมีวิธีป้องกันอุบัติเหตุใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ภายในบ้าน มาเป็นข้อคิดติดหัวใจให้คุณพ่อคุณแม่ได้ระมัดระวังกันค่ะ
ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยเจ้าตัวน้อยอยู่ตามลำพัง และคิดไว้เป็นข้อเตือนใจเสมอว่าลูกไม่สามารถอยู่ตามลำพังได้ต่อให้คุณพ่อคุณแม่อยู่ใกล้แค่ไหน หรือใช้เวลาทำกิจกรรมไม่นานก็ควรให้ลูกอยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่ตลอดเวลาค่ะ เพราะการที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่าตัวเล็กๆ ขาแขนสั้นๆ ป้อมๆ อย่างนี้คงเดินไปไหนไม่ได้ไกลหรอก และอีกอย่างคุณแม่ก็ไม่ได้ไปที่ไหนไกลอยู่ห้องครัวข้าง ๆ นี่เองปล่อยลูกไว้คนเดียวสักสองสามนาทีคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่การปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวคุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าลูกนอนอยู่ในเปลนิ่งๆ จริงหรือไม่ เขาอาจกำลังพยายามปีนออกมานอกเปล เพื่อจะออกมาหาคุณแม่อยู่ก็ได้นะคะ ซึ่งจุดอันตรายภายในบ้านก็มีอยู่หลายจุดด้วยกันค่ะ
1.เตียงเด็ก หรือเปล คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเปลเด็กที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และจัดวางเบาะที่นอนให้เหมาะสมไม่ให้มีช่องว่างระหว่างที่นอนกับผนังเปล เพราะเปลที่มีซี่ความห่างของเปลที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ลูกโผล่ศีรษะออกมานอกเปลจนศีรษะติดซี่เปลและเกิดอันตรายขึ้นได้ การวางเบาะที่นอนไม่ชิดผนังเปลอาจทำให้ศีรษะของลูกเข้าไปติดค้างระหว่างเบาะในขณะนอนได้ค่ะ
2.หน้าต่าง และระเบียงบ้าน คุณพ่อคุณแม่ควรปิดหน้าต่างหรือมุ้งลวดให้สนิท และที่สำคัญไม่ควรติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ไว้ชิดหน้าต่างหรือระเบียงบ้าน เพราะลูกวัยกำลังหัดเดินอาจปีนป่ายเก้าอี้ที่อยู่ริมระเบียงบ้านจนพลัดตกลงไปข้างล่างตึก ซึ่งทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ค่ะ
3.ห้องน้ำ และภาชนะต่างๆ ที่ใส่น้ำอยู่ คุณพ่อคุณแม่ควรเทน้ำทิ้งจากกระมังทุกครั้งที่ซักผ้าเสร็จ และควรปิดฝาถังน้ำในห้องน้ำไว้ทุกครั้งหลังใช้เสร็จแล้ว เพราะเด็กเล็กสามารถจมน้ำได้จากระดับน้ำสูงเพียง 5 เซนติเมตรซึ่งอาจจะเกิดจากลูกคลานเข้าไปเล่นน้ำในห้องน้ำในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ทันสังเกต ซึ่งทางที่ดีและปลอดภัยที่สุดหลังทำธุระเสร็จควรปิดประตูห้องน้ำให้สนิทดีกว่านะคะ
4.ปลั๊กไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ควรติดตั้งพลาสติกสำหรับปิดเต้าเสียบปลั๊กไฟ และต่อสายดินกับอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกจอมซนใช้นิ้วมือแหย่เข้าไปในปลั๊กไฟแล้วเกิดไฟดูด ซึ่งการต่อสายดินจะช่วยป้องกันเราให้พ้นจากอันตรายที่เกิดจากไฟชอร์ตหรือไฟรั่ว
5.น้ำยาทำความสะอาด ควรเก็บน้ำยาทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ที่มีอันตราย ยาเวชภัณฑ์ต่างๆ ควรเก็บไว้ในตู้ที่มิดชิด และตู้ควรสูงห่างจากพื้นมากพอที่ลูกจะเอื้อมมือไม่ถึงเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสามารถหยิบจับขวดสารเคมีอันตราย และรับประทานสารเคมีที่มีอันตรายเข้าไป
6.ห้องครัว ควรปิดมุ้งลวด หรือประตูห้องครัวให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเข้าไปหยิบจับของมีคมมาเล่นจนเกิดอันตราย และควรวางกระติกต้มน้ำร้อนไฟฟ้าให้พ้นจากมือลูกเอื้อมถึง เพราะลูกอาจปัดหรือดึงสายกระติกน้ำร้อนจนล้ม และน้ำร้อนลวกส่วนต่างๆ ของร่างกายได้
7.เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ควรติดวัสดุที่ป้องกันการกระแทกเหลี่ยมมุมที่แหลมคม เพื่อป้องกันร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของลูกกระแทกถูกมุมโต๊ะจนเกิดอันตราย เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ต้องมีการยึดติดกับพนังอย่างมั่นคง เพื่อป้องกันเวลาเจ้าตัวเล็กหัดเดินเกาะขอบโต๊ะ ถ้าวัสดุที่ยึดติดโต๊ะไม่แน่อาจทำให้โต๊ะล้มทับได้ค่ะ
8.บันได คุณพ่อคุณแม่ควรปิดช่องว่างระหว่างซี่ราวบันได เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกวัยกำลังหัดยืนลอดตัวออกมาจนพลัดตกบันไดได้ค่ะ
9.ประตูห้อง ถือว่าเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และบ่อยที่สุดสำหรับเด็กวัยหัดคลาน เพราะอาจถูกประตูหนับมือได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่ควรปิดประตูให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเปิดประตูเล่นได้ค่ะ และที่สำคัญเวลาคุณพ่อคุณแม่เปิดปิดประตูระวังหนีบมือเจ้าตัวเล็กจนร้องไห้จ้านะคะ
นอกจากใช้วิธีป้องกันอันตรายภายในบ้านจากที่กล่าวมาแล้ว หัวใจสำคัญในการระมัดระวังไม่ให้เกิดอันตรายที่คาดไม่ถึงกับลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ต้องมีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา และไม่ประมาทเลินเล่อ โดยลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ และใช้มุมมองของเด็กเล็กๆ ว่า การที่คุณพ่อคุณแม่ปล่อยเขาไว้เพียงลำพังภายในห้องถึงแม้จะนั่งอยู่ในห้องที่ว่างเปล่าไม่มีวัสดุอุปกรณ์สักชิ้นเดียว ลูกในวัยกำลังหัดเดิน หัดยืน หรือแม้กระทั่งจะนั่งลงด้วยตัวเองยังต้องมีคุณพ่อคุณแม่คอยประคบประคอง ถ้าให้เขานั่งอยู่คนเดียวภายในห้องที่ว่างเปล่าลูกอาจเดินหกล้มหัวกระแทกพื้นจนเกิดอันตรายก็เป็นได้ค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าเปิดโอกาสให้ความประมาณแม้เสียววินาที มาทำลายความสุขชั่วชีวิตที่เกิดจากอุบัติเหตุภายในบ้าน ที่เราคาดคิดไปไม่ถึงเลยค่ะ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)