
© 2017 Copyright - Haijai.com
อย่าคิดว่า มีดหมอ (ศัลยกรรม) คือทางออกของปัญหา
“ทำบุญชาตินี้ หวังหล่อสวยชาติหน้า แต่ศัลยกรรมวันนี้ หล่อสวยอาทิตย์หน้า” เชื่อว่าหลายๆ คนที่จดๆ จ้องๆ อยากเดินเข้าสถานเสริมความงาม มักมีความคิดแบบนี้ เพราะด้วยยุคสมัยที่เรามองกันแต่รูปลักษณ์ภายนอก ต้องสวย ต้องหล่อ ถึงเป็นใบเบิกทางชั้นดี ในหน้าที่การงานหรือการเข้าสังคม ประจวบกับสภาพสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น ไม่ต้องมานั่งปิดบังว่าที่ฉํนสวยอยู่นี้ เพราะพ่อแม่ให้มาตั้งแต่เกิดน่ะจ๊ะ ไม่ได้ผ่านมีดหมอมาแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน การยอมรับการทำศัลยกรรมก็เปลี่ยนตาม ผู้คนแห่ไปทำศัลยกรรมมากขึ้น แก้ไขข้อบกพร่องเพื่อเรียกความมั่นใจในตัวเอง ส่งผลให้มีสถานเสริมความงามผุดขึ้นมากด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันเรื่องของความสวยความงามกับการศัลยกรรมดูจะกลายเป็นสิ่งที่อยู่เคียงคู่กันไปเสียแล้ว หลายคนพอใจกับรูปลักษณ์หลังจากผ่านการทำศัลยกรรม แก้ไขบกพร้องและจุดด้อยต่างๆ ที่รบกวนจิตใจ ทั้งจากการถูกล้อเลียนสมัยเด็ก หรือจากการถูกละเลยไม่เป็นที่สนใจจากเพศตรงข้าม ทั้งนี้เมื่อข้อบกพร่องทุกอย่างถูกแก้ไขไปแล้วจนน่าพอใจ ส่งผลให้หลายคนรู้สึกถึงความมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ มีผู้คนห้อมล้อมมากขึ้น จึงทำให้มีความสุขเพิ่มขึ้นมานั้นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าการทำศัลยกรรมจะสามารถแก้ไข ซ่อมแซมความรู้สึกทางจิตใจ ให้เกิดความมั่นใจในตัวเองมากกว่าเมื่อครั้งก่อนทำศัลยกรรมได้ในทุกคน ซึ่งวิถีทางการใช้ชิวิตในปัจจุบัน ความมั่นใจในตนเอง (self-confident) และภาคภูมิใจในตัวเอง (self-esteem) ยังถือเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตอยู่ในสังคม ในหลายๆ ประเทศ ที่เรื่องการทำศัลยกรรมได้รับความสนใจ ต่างมีการทำวิจัยสำรวจเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหลังการทำศัลยกรรม ตัวอย่างเช่น ผลงานวิจัยของ นายแพทย์ ทิลมันน์ วอน ซอท จากสถาบันจิตวิทยา ในกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ที่ระบุว่า ผู้ที่ผ่านการเข้ารับการทำศัลยกรรมนั้น มีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความรู้สึก ความพึงพอใจในรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนแปลงไป หลังการทำศัลยกรรมครั้งแรกและบางรายยังบอกว่าต้องการทำศัลยกรรมเพิ่มอีกด้วย แต่เมื่อลองไปสำรวจดูที่ผลการเปลี่ยนแปลงด้านความรู้สึกภาคภูมิในตัวเอง หรือความเปลี่ยนแปลงในด้านอาการซึเศร้า กลับไม่ปรากฏว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนใดๆ
ผู้ที่เข้ารับการศัลยกรรมและมีสภาพจิตใจที่สมบูรณ์ที่แข็งแรงดีออกมาบอกถึงเรื่องนี้ว่า การทำศัลยกรรมทำให้พวกเขามีความสุขขึ้นก็จริงอยู่ โดยความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นชัดเจนมากในช่วงแรกหลังการศัลยกรรม แต่หากมองความรู้สึกในแง่ความมั่นใจในตัวเอง หรือกับความรู้สึภาคภูมิในตัวเองนั้น กลับไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่อาจมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นบ้างเล็กน้อยหลังการศัลยกรรม ทุคนบอกตรงกันว่าหลังศัลยกรรมมาไม่มีผลใดๆ กับภาวะทางจิตใจตนเองเลยในระยะยาว
ส่วนในรายที่หลังจากผ่านการทำศัลยกรรมแล้ว แต่กลับไม่พึงพอใจกับผลที่ได้หลังการศัลยกรรมนั้น พบว่า ส่วนใหญ่มักเป็นผู้บกพร่องด้านความรู้สึกพึงพอใจต่อตัวเอง ยิ่งมองก็ยิ่งพบข้อบกพร่องในร่างกายที่ตนเอง ไม่ชอบใจมาโดยตลอด และต้องการแก้ไขให้ได้ จึงต้องการทำศัลยกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะคิดว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังการศัลยกรรมจะทำให้พวกเขามีความสุข หรือเรียกความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นตามมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่การศัลยกรรมไม่สามารถตอบสนองได้อย่างตรงจุด ดังนั้น ในการเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม ตัวศัลยแพทย์เองจึงมีความจำเป็นที่จะต้องคัดกรองผู้เข้ารับการรักษาที่มีความเครียด อาการซึมเศร้า หมกมุ่น เกี่ยวกับร่างกายของตัวเองมากจนเกินไป และเกิดความไม่พึงพอใจในตนเอง เช่น รู้สึกว่า หน้าบานไป จมูกแบนไป รูปร่างไม่สมส่วน หน้าอกเล็กไป ขาใหญ่ ฯลฯ จนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้วยการศัลยกรรม ซึ่งในจำนวนผู้ที่เข้ารับการศัลยกรรม มีจำนวนไม่น้อยที่มีอากรเช่นนี้ โดยในทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า “โรคคิดว่าตนเองมีรูปร่างหรืออวัยวะผิดปกติ” หรือ ดิสมอร์เฟีย (Body dysmorphic disorder) นั่นเอง
แม้ว่าการทำศัลยกรรมจะทำให้มีความสุขขึ้นได้จริง แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น และในที่สุดแล้วคุณก็จะพบเองว่ามันไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อชีวิตในระยะยาวเลย ฉะนั้น ใครที่กำลังตัดสินใจจะเข้ารับการศัลยกรรมเพราะคิดว่าจะช่วยซ่อมแซมความมั่นใจ และเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเองได้ก็ขอให้ลองไตร่ตรองดูให้ดี ถามตัวเองให้แน่ชัดว่าทำศัลยกรรมก็มีส่วนช่วยให้สาวๆ ที่ไม่ค่อยมั่นใจในตนเองมีความมั่นใจขึ้น การทำศัลยกรรมนั้น นอกจากจะทำให้ตนเองดูดีแล้วยังช่วยให้สามารถประกอบอาชีพได้ดี โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องการความสวยความหล่อเป็นหลัก ถ้าหันมาทำศัลยกรรมเพื่อสิ่งเหล่านี้ ก็สามารถตอบโจทย์ตัวคุณได้ว่าทำไปแล้วเกิดผลดีต่อคุณภาพชีวิตคุณอย่างไร ทั้งนี้ความมั่นใจในตนเอง (self-confident) และความภาคภูมิใจเห็นค่าในตัวเอง (self-esteem) คือการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความมั่นใจ กล้าแสดงออกสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเอง พึ่งพาตนเองและสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ เพื่อให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิต ลำพังความคิดอย่างเดียวไม่สามารถสร้างความมั่นใจในตัวเองได้ ความมั่นใจควรจะเริ่มสร้างตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเราตาย ความมั่นใจกระทบต่อการตัดสินใจ ดังนั้น ทุกคนควรสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ตัวอย่างของความมั่นใจ เช่น หากคนจะเปลี่ยนอาชีพ เขาจะต้องมั่นใจในตัวเอง หรือมีคนอื่นเห็นถึงความสามารถของเขาที่จะทำให้สำเร็จ เมื่อมีความผิดหวังหรือความเครียด ความมั่นใจหรือเชื่อมั่นในตัวเองจะช่วยให้แก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านไปได้ด้วยดี
คำถามคือเรามาเสริมสร้าง ความมั่นใจในตนเอง และภาคภูมิใจในตัวเอง อยู่ในสังคมอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร คำตอบคือ การเริ่มต้นที่ตัวคุณเอง โดยอย่าดูถูกตัวเองหรือย่ามองว่าตัวเองไม่มีความสามารถ หากเรามัวแต่คอยตอกย้ำถึงจุดด้อยของตัวเองเราก็ไม่มีทางประสบผลสำเร็จได้ นอกจากนี้ ควรเพิ่มทักษะหรือคุณภาพชีวิตจากการทำงาน จากการอ่านหนังสือหรือจากสื่ออื่นๆ และให้จดสิ่งที่ดีเกี่ยวกับตัวคุณ เช่น ความซื่อสัตว์ ความคิดริเริ่ม ความมุ่งมั่น ความเอื้ออาทร เอาไว้กับตัว หรือหาคนที่จะเป็นต้นแบบ เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต อย่ามองว่าก็เพราะฉันไม่สวย ไม่หล่อถึงไม่ก้าวหน้าเสียที ความก้าวหน้าในชีวิต ความรักจากคนรอบข้างหาได้ด้วยตัวเราเอง การมองโลกในแง่ดี รู้จักการให้อภัย รู้จักการให้ คุณก็จะมีคุณค่าให้สายตาคนอื่นได้เช่นกัน
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจมีคำถามว่า แล้วเมื่อไหร่เราถึงต้องพึ่งศัลยกรรมหล่ะ!! จริงๆ แล้วการทำศัลยกรรมมีอยู่ด้วยกัน 3 ลักษณะคือ
1.ทำตามแฟชั่น ทำตามเพื่อน ทำเพื่อหน้าที่การงาน
2.ทำเพราะรู้สึกต้องแก้ไขบ้างกรณีนี้ถือว่าเริ่มเป็นปัญหา
3.เริ่มหมกมุ่น เพราะทำมาแล้วไม่พอใจ อาจเป็นเพราะภาวะที่เรียกว่าหลงผิดเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง แม้จะทำศัลยกรรมซ้ำหลายๆ ครั้ง ก็ยังไม่พอใจจนเกิดภาวะซัมเศร้า กรณีนี้คงต้องเข้ารับการรักษาทางจิต เพราะร่างกายคุณไม่ได้ป่วยเลย แต่ที่ป่วยคือจิตใจของคุณนั้นเอง
ทั้งนี้หากคุณคิดทบทวนมาอย่างดีแล้ว ว่าจะหันหน้าเข้าหาการทำศัลยกรรม ก็อยากศึกษาข้อมูลให้ถ่องแท้เสียก่อน ดูว่าผลที่ออกมาจะถูกใจหรือไม่ เรียนรู้ทำความเข้าใจ ดูผลข้างเคียง ที่อาจจะเกิดว่าจะยอมรับได้หรือไม่ เพราะถ้าทำไปแล้วจะทำให้รูปหน้าเปลี่ยน ลงมีดกรีดหน้าแล้วการแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ รวมไปถึงคนรอบข้างรับว่ามีอิทธิพลมาก ตัวอย่างเช่น หากมีเพื่อนไปทำศัลยกรรมแล้ว แต่กลับออกมาดูไม่สวย แม้จะดูแย่แค่ไหนก็ตาม อย่าไปวิจารณ์ตรงๆ ควรแสดงความคิดเห็นแบบกลางๆ หรือพูดให้กำลังใจเขา เพราะคนที่ทำศัลยกรรมมาย่อมมีความคาดหวังที่สูง ถึงแม้จะเป็นเพียงคำพูดเล็กๆ แต่สำหรับคนที่เจ็บปวดทางกายมาอยู่แล้ว จะยิ่งปวดใจมากจนบางครั้งกลายเป็นความเครียดแบบไม่รู้ตัวเลยก็มี
(Some images used under license from Shutterstock.com.)