Haijai.com


แอสไพริน ยาเพื่อหัวใจ ?


 
เปิดอ่าน 3234

แอสไพริน ยาเพื่อหัวใจ ?

 

 

ท่านผู้อ่านหลายท่านที่ไปหาหมอ อาจจะสงสัยว่าทำไมหมอต้องจ่ายยาแอสไพรินในขนาดต่ำๆ (เช่น aspirin 81 มก.) มาพร้อมกับยาอื่นๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเป็นไข้หรือมีอาการปวด และขนาดยาแอสไพรินที่ใช้สำหรับแก้ปวดในผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 325 ถึง 650 มก. ทุกสี่ชั่วโมง ที่สำคัญ สมัยนี้การใช้แอสไพรินเพื่อแก้ปวดก็น้อยลง เนื่องจากมีตัวเลือกใหม่ๆ ที่ออกฤทธิ์นานขึ้น หรือไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารมากเท่ากับแอสไพริน การที่ผู้อ่านได้รับแอสไพรินในขนาดต่ำนั้น เป็นเพราะแพทย์สั่งจ่ายเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ บทความนี้ผู้อ่านรู้จักกับแอสไพริน ทั้งในแง่เส้นทางประวัติศาสตร์จากยาแก้ปวดสู่ยาหัวใจ การออกฤทธิ์ และผลการวิจัย ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจยาเม็ดจิ๋วตัวนี้เพิ่มขึ้น

 

 

เส้นทางประวัติศาสตร์

 

มนุษย์รู้จักใช้ต้นหลิว (willow) เป็นยาแก้ปวดตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งเมื่อประมาณสองร้อยปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งเมื่อประมาณสองร้อยปีก่อน นักวิทยาศาสตร์พบว่ากรดซาลิไซลิคเป็นสารออกฤทธิ์ของต้นหลิว และได้มีการปรับโครงสร้างสารดังกล่าวจนได้เป็นสารใหม่ที่ชื่อว่า acetylsalicylic acid ซึ่งวางจำหน่ายเป็นยาแก้ปวดในชื่อการค้าว่า aspirin จุดเริ่มต้นของการใช้แอสไพรินในระบบหลอดเลือดหัวใจเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517 จากงานวิจัยการใช้แอสไพรินในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือด (myocardial infarction) โดยเอลวูด และคณะถึงแม้ว่างานวิจัยนี้จะไม่พบการลดลงของอัตราการเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ งานวิจัยอื่นๆ เกี่ยวกับประสิทธิภาพของแอสไพรินในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจก็มีมาเรื่อยๆ จนแอสไพรินเป็นยาชนิดหนึ่งที่แพทย์สั่งจ่ายเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติในระบบหลอดเลือดหัวใจ

 

 

แอสไพรินไปทำอะไรกับระบบหลอดเลือดหัวใจ

 

ก่อนที่จะเข้าเรื่องการออกฤทธิ์ของแอสไพริน ต้องทราบถึงเรื่องการแข็งตัวของเลือด และการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือดในคนปกติและผู้ป่วยโรคระบบหลอดเลือดหัวในเสียก่อน โดยทั่วไปเกล็ดเลือดจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับผนังหลอดเลือด อย่างไรก็ตามในผู้ที่มีการฉีกขาดของแผ่นคราบหลอดเลือดแดงแข็ง หรือมีการบาดเจ็บของหลอดเลือด เกล็กเลือดจะถูกกระตุ้นและรวมตัวเป็นชั้นเดียวบริเวณผนังหลอดเลือดดังภาพ และเกิดกระบวนการสร้างสารกระตุ้นให้เกล็ดเลือดมาเกาะกลุ่มกันมากขึ้นจนเป็นลิ่มเลือด กระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัว และเกิดการตีบแข็งมากขึ้น จนเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ แอสไพรินจะไปยับยั้งการสร้างสารดังกล่าวอย่างถาวร ทำให้กระบวนการดังกล่าวถูกยับยั้งลงไปในที่สุด

 

 

“การใช้แอสไพรินเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ที่ไม่ได้ป่วย เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ มีผลดีน้อยกว่าการใช้ในผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยพบว่าการใช้แอสไพรินในผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ สามารถลดการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย เหตุขาดเลือดที่ไม่เป็นอันตรายถึงตาย (nonfatal mycocardial ความผิดปกติในหลอดเลือดหรือจากสาเหตุอื่นๆ”

 

 

แอสไพรินกับการป้องกันความผิดปกติในระบบหลอดเลือดหัวใจ

 

ผลจากงานวิจัยต่างๆ พบว่าการใช้แอสไพรินในผู้ที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือเคยมีอาการ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ตลอดจนการตายด้วยความผิดปกติในหลอดเลือด การใช้แอสไพรินในกรณีดังกล่าวจึงถือว่าสมเหตุสมผล ในขณะที่การใช้แอสไพรินเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ มีผลดีน้อยกว่าการใช้ในผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยพบว่าการใช้แอสไพรินในผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ สามารถลดการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือดที่ไม่เป็นอันตรายถึงตาย (nonfatal mycocardial infarction) แต่ไม่สามารถวิจัยโดย Okada และคณะ ซึ่งได้ศึกษาผลของการใช้แอสไพรินในขนาด 81 หรือ 100 มิลลิกรัมในผู้ป่วยเบาหวานชาวญี่ปุ่นที่ไม่ได้ป่วยโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติในระบบหลอดเลือดหัวใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วเปรียบเทียบอุบัติการณ์ของความผิดปกติดังกล่าวกับผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ใช้แอสไพริน พบว่าแอสไพรินไม่สามารถลดอุบัติการณ์ของความผิดปกติในระบบหลอดเลือดหัวใจได้ ดังนั้น หลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน จึงไม่สนับสนุนการใช้แอสไพริน เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ที่ยังไม่เป็นโรคดังกล่าว ปัจจุบันสมาคมหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (The American Heart Association) แนะนำให้ผู้ที่ไม่เคยป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจใช้แอสไพริน เพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเฉพาะในกรณีที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในอีก 10 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ 10% ขึ้นไปเท่านั้น

 

 

ปัจจัยที่ทำให้การใช้แอสไพรินล้มเหลว

 

บางครั้งการใช้แอสไพรินไม่สามารถให้ผลดีอย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่

 

 ไม่รับประทานแอสไพรินตามที่แพทย์สั่ง

 

 

 ขนาดยาไม่เพียงพอ

 

 

 การใช้ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์บางชนิด (เช่น ibuprofen และ indomethacin) คู่กับการใช้แอสไพริน

 

 

 การสูบบุหรี่

 

 

 กลไกการกระตุ้นเกล็ดเลือดอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ COX-1

 

 

จะเห็นได้ว่าปัจจัยบางประการก็สามารถถูกหลีกเลี่ยงได้ โดยการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ ซึ่งลดการออกฤทธิ์ของแอสไพริน หรือการใช้ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) บางชนิด เช่น ibuprofen และ indomethacine ซึ่งจะไปแย่งจับกับพื้นที่ออกฤทธิ์ของแอสไพริน ทำให้แอสไพรินออกฤทธิ์ได้น้อยลง

 

 

แอสไพรินนับเป็นยาสำหรับโรคระบบหลอดเลือดหัวใจที่มีการใช้มานาน ต้นทุนไม่สูง อย่างไรก็ตามเนื่องจากยาสามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียง โดยเฉพาะการเกิดภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร ก่อนใช้ยานี้ ผู้ป่วยจึงควรพบแพทย์ เพื่อจะได้รับการตรวจร่างกาย และพิจารณาถึงความเหมาะสมโดยแพทย์ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจลดผลการรักษา หรือกระตุ้นอาการข้างเคียงจากการใช้ยาดังกล่าว

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





ลดไขมันหน้าท้อง นวดสลายไขมัน ผลไม้ลดความอ้วน ลดน้ำหนักเร่งด่วน อาหารคลีน กินคลีนลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน กินคีโต วิธีลดความอ้วนเร็วที่สุด อาหารลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วิธีลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดความอ้วนเร่งด่วน ผลไม้ลดน้ำหนัก อาหารเสริมลดความอ้วน วิธีลดความอ้วน เมนูลดความอ้วน วิธีการสลายไขมัน ลดความอ้วน สลายไขมัน ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก Exilis Elite Thermage Body ออฟฟิศซินโดรม Inbody Vaginal Lift Morpheus Pro Oligio Body IV Drip Emsella เลเซอร์นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting romrawin รมย์รวินท์ ร้อยไหมหน้าเรียว ไหมหน้าเรียว ร้อยไหมเหนียง ไหมเหนียง ร้อยไหมยกหางตา ไหมยกหางตา Foxy Eyes ร้อยไหมปีกจมูก ไหมปีกจมูก ร้อยไหมกรอบหน้า ไหมกรอบหน้า ร้อยไหมร่องแก้ม ไหมร่องแก้ม ร้อยไหมก้างปลา ไหมก้างปลา ร้อยไหมคอลลาเจน ไหมคอลลาเจน ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม ฟิลเลอร์คอ ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์มือ ฟิลเลอร์หน้าใส หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม ฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา ฟิลเลอร์ยกหน้า ฟิลเลอร์หลุมสิว หลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฟิลเลอร์ปาก 1 CC ฟิลเลอร์จมูกราคา ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฟิลเลอร์น้องสาวกี่ CC ฟิลเลอร์ราคา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime อัลเทอร่า Ulthera Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Oligio เลเซอร์รักแร้ขาว เลเซอร์ขน กำจัดขน เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์เครา เลเซอร์รักแร้ เลเซอร์ขนรักแร้ กำจัดขนถาวร เลเซอร์ขนถาวร เลเซอร์ขน กำจัดขน เลเซอร์รอยสิว Pico Laser Pico Majesty Pico Majesty Laser Pico Pico NCTF 135 HA Rejuran Belotero Revive Glassy Skin Juvederm Volite Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Skinvive Sculptra Sculptra Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse UltraClear Aviclear Laser AviClear Laser Aviclear Aviclear AviClear Accure Laser Accure สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Fit Firm Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Elite NAD+ therapy NAD+ ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP ดริปวิตามิน Vaginal Lift Apex