© 2017 Copyright - Haijai.com
ทุกคนต่างก็รู้ว่า ตัวหนูก็มีดีไม่แพ้ใคร
“แม่จ๋า หนูไม่กล้าเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนค่ะ”
คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงเคยได้ยินเจ้าตัวน้อยกลับมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่โรงเรียน หลังจากกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น และอาจจะนึกแปลกใจว่า ตอนที่เจ้าจอมซนอยู่ที่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ เล่นซนอย่างกับลิง พูดจาเป็นต่อยหอยไม่ยอมหยุด แต่เอ๊ะ !ทำไม ? เวลาลูกไปโรงเรียนถึงไม่กล้าที่จะพูดคุย หรือเล่นกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเลย แล้วแบบนี้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนจะรู้จักลูกของคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างไร ทำอย่างไรให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนของลูกรู้ว่าตัวเขาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเหมือนที่คุณพ่อคุณแม่รู้จัก และสัมผัสได้
ก่อนอื่นต้องบอกคุณพ่อคุณแม่ก่อนว่า การที่จะให้เพื่อนๆ ในห้องเรียนของลูกเข้ามาเล่น หรือทำความรู้จักกับน้องก่อนโดยที่ยังไม่สนิทหรือคุ้นเคยกันมาก่อนนั้นเป็นเรื่องยาก ฉะนั้น อันดับแรกต้องเริ่มต้นที่ตัวของน้องเองก่อน น้องจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะที่จะเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน ซึ่งเจ้าทักษะการเข้าสังคมที่ว่านี้ ต้องเริ่มจากตัวของเด็กเอง เด็กต้องรู้สึกมีความเชื่อมั่นในตัวเอง มีความกล้าที่จะแสดงออก จนในที่สุดกล้าที่จะเข้าไปเล่นกับเพื่อนๆ ด้วยความมั่นใจ กล้าที่จะตัดสินใจ และเลือกในสิ่งต่างๆ ที่เขาต้องการที่จะทำ ซึ่งก่อนที่เด็กจะก้าวไปถึง ณ จุดนั้น กุญแจสำคัญที่เป็นตัวช่วยให้เด็กมีความเชื่อมั่นในตัวเอง คือ คุณพ่อคุณแม่นั่นแหละค่ะ ที่จะต้องช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านทักษะการเข้าสังคมให้กับลูก
โดยเริ่มแรกก่อนที่ลูกจะไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกให้เขารู้จักกับตัวเองก่อน เมื่อเขารู้จักตัวเองดีแล้ว นั่นยังไม่พอค่ะ คุณพ่อคุณแม่ยังต้องฝึกให้เขารู้จักภูมิใจในตนเองอีกด้วย เมื่อเด็กมีความภูมิใจในตนเอง สิ่งที่จะตามมานั่น คือ ความมั่นใจ และความรักที่มีต่อตัวเขาเอง ทีนี้เมื่อถึงเวลาที่ลูกจะต้องเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ลูกก็จะไม่ลังเล หรืออายที่จะเข้าไปทำความรู้จัก และเล่นกับเพื่อนใหม่ๆ เลย แต่เลือกที่จะกล้าแสดงออก และฉายแววแห่งความสดใสร่าเริง แนะนำความพิเศษในตัวของเขาเอง ให้เพื่อนๆ ที่ไม่เคยรู้จัก ได้รู้จักกับตัวของเขามากขึ้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เริ่มที่จะฝึกให้ลูกรู้จักตัวเขาเองได้ดีขึ้นด้วยกิจกรรมง่าย ๆ ค่ะ โดยให้ลูกเริ่มที่จะเข้าสังคมของครอบครัวตัวเองก่อนค่ะ ซึ่งการเริ่มต้นที่จะเข้าสังคมของครอบครัว เริ่มจากที่คุณพ่อคุณแม่ และตัวเด็กต้องหันมาทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถนำรูปถ่ายของลูกตอนที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ มาให้เขาได้เห็นว่า ตอนแรกเกิดตัวเขาเป็นอย่างไร ตัวเล็กแค่ไหน มีหน้าตาเป็นอย่างไร พร้อมกับนำรูปภาพตอนปัจจุบันว่า ตัวเขาโตขึ้นแค่ไหน เพื่อให้ลูกได้รู้จักว่า ตอนแรกเกิดเขาเกิดมาตัวเล็กนิดเดียว พอเวลาผ่านไปโตขึ้นแค่ไหน เปิดโอกาสให้ลูกได้ทำความรู้จักกับตัวของเขาเองก่อน หลังจากนั้นให้ลูกเลือกรูปภาพตอนโตที่เป็นปัจจุบัน ที่เขาชอบ นำมาแปะลงกลางกระดาษโปสเตอร์สีสดใสที่ลูกชอบ จากนั้นบริเวณที่ว่างๆ อยู่ของกระดาษข้างซ้าย และข้างขวา ให้นำรูปลูกตอนเด็กๆ ซึ่งเป็นรูปที่เขาเลือกไว้มาติด จากนั้นนำรูปภาพของคุณพ่อ คุณแม่มาติดไว้ใกล้ๆ กับรูปของลูก พร้อมทั้งให้ลูกเขียนคำอธิบายใต้รูปภาพอย่างที่เขาอยากจะเขียน เช่น นี่รูปของน้องต้อยติ่งตอนเกิด ส่วนรูปนี้หนูโตขึ้นมากแล้วนะจำหนูได้มั้ยเอ่ย และรูปที่อยู่ข้างๆ หนูเป็นรูปของแม่อ้วน กับพ่ออวบของหนูเอง นอกจากนั้นอาจจะนำภาพสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวมาติดเพิ่มก็ได้ หลังจากนั้นถ้าลูกอยากจะตกแต่งรอบๆ ภาพ หรือระบายสีเพิ่มเติมก็ปล่อยให้ลูกทำตามจินตนาการที่อยากจะทำ เมื่อทำโปสเตอร์ครอบครัวเสร็จแล้ว ก็นำผลงานชิ้นนี้ไปติดไว้บริเวณที่สมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านสามารถมองเห็นได้ง่าย
จากกิจกรรมนี้จะทำให้ลูกได้รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักสังคมของครอบครัวมากขึ้นว่า ในครอบครัวเปี่ยมไปด้วยสมาชิกที่รักเขา ทำให้ลูกรู้สึกเป็นคนพิเศษของครอบครัว รู้สึกรัก และภูมิใจในตัวเอง จนสร้างทักษะการเรียนรู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง และในที่สุดลูกก็กล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะแนะนำตัวเองให้สังคมที่ใหญ่กว่าสังคมของครอบครัว อย่างสังคมของเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ให้เพื่อนได้รู้จักตัวเขามากขึ้นว่าที่จริงแล้วตัวเขาเองก็เป็นเด็กที่สดใสร่าเริง พร้อมที่จะทำความรู้จัก และเล่นกับเพื่อน ทุกคนได้อย่างมั่นใจ ไม่แพ้เพื่อนคนไหนเลย
(Some images used under license from Shutterstock.com.)