Haijai.com


Good bye Cellulite โบกมือลาเซลลูไลท์


 
เปิดอ่าน 3452

Good bye Cellulite โบกมือลาเซลลูไลท์

 

 

มั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์ว่าสาวๆ ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ใครๆ ก็อยากที่จะมีขาที่เรียวสวย และรูปร่างที่เป๊ะ แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออายุย่างเข้าสู่เลข 30 ก็จะพบกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของร่างกาย เช่น มีรอยตีนกา น้ำหนักขึ้น และที่สำคัญเกิดเซลลูไลท์ ซึ่งสิ่งนี้เองที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคุณสาวๆ เป็นอย่างมาก เพราะเซลลูไลท์ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ต้นขาเท่านั้น เซลลูไลท์ยังจะเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณสะโพก หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน หรือหลัง แต่หากใครยังนึกภาพไม่ออกให้ลองนึกถึงผิวของเปลือกส้ม หากลองบีบบริเวณที่ต้องสงสัยว่ามีเซลลูไลท์หรือไม่แล้ว เกิดเป็นลักษณะของเปลือกส้ม นั้นแสดงว่าเซลลูไลท์มาทักทายแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับเซลลูไลท์ว่าแท้จริงแล้วคืออะไร? ทำไมจึงเกิดได้ เพื่อที่จะรับมือ จัดการต่อไปให้ผิวสวยสมใจ

 

 

เซลลูไลท์คืออะไร ?

 

เซลลูไลท์ เป็นคำที่ถูกสร้างขึ้นมาหลายทศวรรษก่อน ซึ่งเป็นคำอธิบายของรอยบุ๋ม รอยแตกลาย และรอยผิวส้ม เซลลูไลท์เกิดจากเซลล์ก้อนไขมันที่มีขนาดใหญ่ อยู่ใต้ผิวหนังที่อัดกันอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้ผิวหนังมีลักษณะเป็นตะปุ่มตะป่ำเหมือนเปลือกส้ม และยังเกิดจากการไหลเวียนของเลือดลดลง อีกทั้งยังเกิดจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุลอีกด้วย เหตุผลที่ไขมันส่วนนี้ดูเป็นก้อนบุ๋มๆ ตรงบริเวณผิวหนัง เพราะไขมันใต้ผิวหนังบางครั้งเกิดมีจำนวนมากจนกลายเป็นก้อนไขมัน ซึ่งในแต่ละก้อนของไขมันจะมีลักษณะเป็นเปลือกเหนียวๆ หุ้มอยู่ทำให้ภายนอกหรือตรงบริเวณผิวหนังเห็นเป็นลอนๆ หรือรอยบุ๋ม ของก้อนไขมันได้ ซึ่งในส่วนมากบริเวณที่มีการสะสมของเซลลูไลท์จะอยู่ที่บริเวณต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง รอบเอว และสะโพก

 

 

โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ คือ ร่างกายของคนเรานั้นเกิดการเผาผลาญที่ผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนังออกจากร่างกายได้หมด โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วย toxin จะยิ่งทำให้เกิดผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ได้ง่าย เช่น อาหารจำพวกไขมัน ของทอด สุรา น้ำตาล หากรับประทานอาหารเหล่านี้มากเกินไปจะทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดออกหมดและเกิดการสะสมกลายเป็นเซลลูไลท์ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดผิวเปลือกส้มนั่น ก็คือ การออกกำลังกายที่ไม่สม่ำเสมอ หรือการขาดการออกกำลังกาย ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการสะสมเซลลูไลท์ และที่สำคัญเซลลูไลท์ยังเกิดจากพันธุกรรมอีกด้วย

 

 

เราสามารถตรวจหาเซลลูไลท์ได้ด้วยตัวเองง่ายๆ นั่นก็คือการบีบตรงบริเวณที่สงสัยว่าจะเป็น เช่น บริเวณต้นแขน ให้ลองหง่ายท้องแขนแล้วใช้มืออีกข้างบิดแขน ถ้าพบว่าผิวหนังบริเวณนั้นมีลักษณะขรุขระเป็นก้อนคล้ายๆ ผิวส้ม นั่นคือเซลลูไลท์ ซึ่งจะนูนขึ้นมา ไขมันนี้จะพบได้ทั้งในคนผอมและคนอ้วน โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยระยะของเซลลูไลท์จะมี 4 ระยะด้วยกัน

 

 

ระยะที่ 1 เป็นระยะที่เริ่มมีพังผืดเกิดขึ้นแต่ไม่มาก โดยไม่สามารถสังเกตได้จากการมองเห็นในท่วงท่าต่างๆ ทั้งการนอน การยืน แต่ถ้าหากลองใช้มือบีบเนื้อบริเวณนั้นขึ้นมา จะปรากฏเห็นรอยบุ๋มเกิดขึ้นทันที

 

 

ระยะที่ 2 ระยะนี้ก็ยังไม่สามารถเห็นรอยบุ๋มได้เช่นเดียวกับในระยะที่ 1 แต่เมื่อลองบีบเนื้อขึ้นมา ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่ามีรอยบุ๋มของเนื้อเพิ่มปริมาณที่มากขึ้นนั้นเอง

 

 

ระยะที่ 3 ในระยะนี้สามารถเห็นรอยบุ๋มของเซลลูไลท์ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่ในลักษณะท่าทางใด โดยที่ไม่ต้องบีบเนื้อขึ้นมา แต่ถ้าหากอยู่ในอิริยาบทการนอน จะไม่สามารถเห็นเซลลูไลท์ได้

 

 

ระยะที่ 4 ไม่ว่าจะอยู่ในลักษณะอะไรก็จะสามารถเห็นเป็นเซลลูไลท์ได้ทั้งหมด เพราะเซลลูไลท์ได้สะสมมาเป็นเวลานาน อีกทั้งในระยะนี้จะเป็นระยะที่รักษายากที่สุดอีกด้วย

 

 

แนวทางการรักษา เซลลูไลท์ตัวร้าย

 

แนวทางการรักษาของเซลลูไลท์ จะมีตั้งแต่การดูแลตัวเอง จนไปถึงขั้นตอนการรักษา ซึ่งในการรักษาจะเหมาะสำหรับคนที่เป็นมากๆ หรือสำหรับคนที่ไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย โดยจะมีวิธีการรักษาดังนี้

 

 

1.การควบคุมอาหาร ในส่วนนี้จะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันที่กำลังจะเพิ่มขึ้น เลือกรับประทานอาหารที่ต้านเซลลูไลท์ เช่น ผักและผลไม้ เนื่องจากผักและผลไม้จะมีวิตามินอีและซีมาก เมื่อทานเข้าไปจะช่วยในเรื่องของการลดการเกิดเซลลูไลท์ อีกทั้งจะช่วยให้ผิวหนังกระชับขึ้นอีกด้วย และควรรับประทานอาหารกลุ่มที่มีกรดไขมัน ถั่ว น้ำมันปลา เมล็ดพืช เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยในเรื่องของการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงกลุ่มอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ไขมันสูง ของที่มีรสชาติหวาน อาหารรสเค็ม ไขมันสัตว์ กาแฟ แอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านนี้ยากที่จะขจัดออกจากร่างกายและกลายเป็นเซลลูไลท์ได้ในที่สุด

 

 

2.การออกกำลังกาย โครงสร้างของเนื้อเยื่อเซลลูไลท์ จะสามารถซ่อมแซมด้วยวิธีง่ายๆ ได้ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายเฉพาะส่วน หลักการในการเคลื่อนไหวร่างกายสามารถทำได้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เพราะเซลลูไลท์จะสามารถเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ โดยที่จะมาแสดงผลอย่างชัดเจน เมื่อตอนอายุขึ้นเลข 3 และจะชัดเจนมากยิ่งขึ้นถ้าหากคุณไม่ดูแลตัวเอง ทั้งนี้การเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อสามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกาย โดยเน้นเรื่องการกระตุ้นกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของคุณเผาผลาญจากเซลลูไลท์ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่จับกันเป็นก้อนไขมันที่อยู่ตามร่างกายสลายหายไป นอกจากนี้การออกกำลังกายยังทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดโตขึ้น ซึ่งกล้ามเนื้อที่โตขึ้นมักมีขนาดสม่ำเสมอ จึงทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย

 

 

3.การบีบการนวดร่างกาย โดยจะต้องใช้ผ่ามือนวดไปบริเวณที่เกิดเซลลูไลท์ หรือบริเวณที่เสี่ยงจะเกิดเซลลูไลท์ เริ่มจากบีบนวดตรงหัวไหล่ เพื่อลดบริเวณเซลลูไลท์บริเวณแขน บริเวณหน้าท้องต้องนวดสลับกันจากหน้าท้องถึงหน้าอก ในส่วนบริเวณสะโพกนั้น ควรที่จะนวดเบาๆ และรูดขึ้นในลักษณะเดียวกัน อย่างสุดท้ายบริเวณเรียวขา จะเริ่มบีบตั้งแต่ข้อเท่าไล่ขึ้นมาจนถึงบริเวณขาอ่อน นวดให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเรียวขา หรืออาจใช้เครื่องนวดที่จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและทำให้เซลลูไลท์แตกตัวได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของการสลายเซลลูไลท์นั่นก็คือ การยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังนั่นเอง

 

 

4.พึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ ถ้าหากไม่สามารถที่จะใช้วิธีการข้างต้นได้แล้ว สามารถใช้วิธีการแก้ไขโดยใช้เครื่องที่สลายเซลลูไลท์ที่พร้อมจะกระชับผิวไปด้วย โดยปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ถูกพัฒนาเพิ่มมากขึ้น จึงเกิดเครื่องมือทันสมัยมากมาย ที่จะมาช่วยกำจัดเซลลูไลท์ โดยหลักการส่วนใหญ่เน้นทำเซลลูไลท์หายไปพร้อมกับผิวที่เรียบเนียนมากขึ้น โดยมีเครื่องสลายเซลลูไลท์มากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันดังนี้

 

 

 Traiactive เป็นเครื่องที่รวมเอาพลังงานจาก Diode Laser, เครื่องนวดสุญญากาศ และระบบปล่อยความเย็นไว้ในเครื่องเดียวกัน ความเย็นนั้นจะช่วยลดบวม แรงดูดจะช่วยกระตุ้นสลายไขมัน ส่วนเลเซอร์จะช่วยในเรื่องการหมุนเวียน

 

 

 Velasmooth + Valashape ในส่วนของเครื่องนี้จะใช้หลักการเดียวกับ RF ที่รวมกับแสงอินฟราเรด ทำให้ความร้อนนั่นลงไปได้ลึกขึ้นกระตุ้นการหมุนเวียนในระดับเส้นเลือดฝอยกำจัดของเสียได้มากขึ้น ทำให้ผิวสร้างคอลลาเจนได้ระดับหนึ่ง แต่อาจมีบวม แดง ช้ำ และอาจอยู่ได้ไม่ถาวร

 

 

 Smooth Shape เป็นเทคโนโลยีตัวใหม่ ที่ใช้กระบวนการเลเซอร์ 2 ช่วงคลื่น มีตัวดูดที่สัมผัสผิว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง

 

 

เทคโนโลยีปัจจุบันการสลายเซลลูไลท์ด้วย 4D RF หรือ Venus Legacy

 

ล่าสุดมีเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า Venus LEGACY เป็นการนำเทคโนโลยี Multi-Polar RF มาทำงานควบคู่กับ Magnetic Pluse ช่วยในเรื่องการลดเซลลูไลท์ สามารถแก้ไขปัญหารอยแตกลาย และช่วยยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดโดยจะใช้เวลาเพียง 25 นาที ในการทำทรีตเม้นท์ 1 ครั้ง อีกทั้งยังสามารถเห็นผลลัพท์ได้ทันทีหลังทำอีกด้วย และยังทำให้ประสิทธิภาพในการสลายไขมันดีขึ้น เห็นผลเร็วขึ้น ใช้เวลาและจำนวนครั้งที่ทำน้อยลง โดยการทำงานของเครื่อง Venus Legacy จะเป็นการนำเทคโนโลยีมารวมตัวกันอยู่ในเครื่องถึง 4 ตัว ซึ่งประกอบไปด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบหลายขั้ว หรือ Multi-Polar RF ที่ออกแบบมาเพื่อปล่อยพลังงานความร้อนได้ถึง 12 ชั้ว ที่มีลักษณะเฉพาะในการสร้างเครือข่ายพลังงานลงไปยังชั้นผิวได้อย่างทั่วถึง โดยทำงานควบคู่กับเทคโนโลยี Vari Pluse technology (VP) หรือ Magnetic Pluse แรงดูดสุญญากาศที่ยกชั้นผิวขึ้น ทำให้เกิดมิติใหม่ในการรักษา ช่วยส่งพลังงานความร้อนผ่านผิวหนังได้ลึกถึง 3.75 เซนติเมตร และยังคงอุณหภูมิไว้ที่ชั้นใต้ผิวได้เป็นระยะเวลานาน เนื่องจากการเก็บรักษาอุณหภูมิชั้นผิวให้อยู่ในระดับที่ 39-42 องศาเซลเซียสได้นานกว่า 5 นาที ทำให้เซลล์ไขมันเกิดการสลายตัวและเผาผลาญอย่างต่อเนื่อง โดยการรักษานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยาชา เพราะการทำจะไม่รู้สึกเจ็บ และไม่มีแผล ซึ่งหลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกด้วย ซึ่งสำหรับคนที่มีเซลลูไลท์มากๆ แพทย์จะแนะนำให้เข้ามาทำการรักษาในระยะเวลา 3 ครั้ง/1 สัปดาห์ แต่หากเป็นไม่มาก แต่ไม่อยากมีเซลลูไลท์ก็ทำเพียงแค่ 1 ครั้ง/เดือน เพื่อให้ผิวกระชับและเป็นการป้องกันเซลลูไลท์อีกด้วย โดยการสลายเซลลูไลท์ในครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพียงแค่ต้องปรึกษาและพูดคุยกับแพทย์ให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะลงมือทำ และเมื่อสลายเซลลูไลท์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องนำนั่นก็คือ การดูแลตัวเอง เพื่อให้เซลลูไลท์ไม่กลับมาถามหาอีกได้

 

 

รู้หรือไม่ไขมันส่วนเกิน กับเซลลูไลท์ ไม่เหมือนกัน

 

ไขมันส่วนเกินกับเซลลูไลท์ ไม่เหมือนกัน ไขมันส่วนเกิน หมายถึง ไขมันที่มีมากกว่าปกติ โดยอาจจะสะสมอยู่ในชั้นใต้ผิวหนังทั้งลึกและตื้น และยังสามารถสะสมที่อวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ภาวะนี้เกิดได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ถ้าหากมีไขมันส่วนเกินสะสมไปทั่วร่างกาย จะเห็นได้ถึงส่วนโค้งของก้อนไขมันที่สะสมยื่นนูนออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งผิวหนังบริเวณนั้นจริงๆ แล้วอาจเรียบตึง และที่สำคัญสามารถส่งผลกระทบต่อปัญหาเรื่องสุขภาพ เช่น ปัญหาเส้นเลือดขอด ปวดหลัง ข้อเสื่อม โรคตับในส่วนของเซลลูไลท์ จะใช้เรียกเซลล์ไขมันที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในชั้นล่างของผิวหนัง ผิวหนังบริเวณนั้น จึงถูกดันให้นูนขึ้น ก่อให้เกิดผิวลักษณะเป็นคลื่นตะปุ่มตะป่ำคล้ายผิวเปลือกส้ม สามารถพบได้ทั้งคนอ้วนและไม่อ้วน โดยเฉพาะผู้หญิงจะพบมากบริเวณต้นขาและสะโพก เซลลูไลท์ไม่ก่อให้เกิดผลเสีย ทางสุขภาพแต่อย่างใด ยกเว้นเรื่องความสวยงามหรือความมั่นใจเท่านั้น

 

 

ธรรมชาติของคนเรา ถ้าอยากจะให้หุ่นสวยและดูดี สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือ การดูแลตัวเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกินควรจะรับประทานอาหารให้ถูกหมู่ ไม่ใช่รับประทานอาหารแต่จำพวกมันๆ ทอด หมัก ดอง อาหารกระป๋อง ซึ่งจะมีสารบางอย่างไปสะสมในร่างกายและสะสมสารพิษไว้ สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้ร่างกายไม่ปกติ เพราะฉะนั้นเมื่อร่างกายไม่เป็นปกติ เลือดไหลเวียนไม่ดี ก็จะกลายเป็นเซลลูไลท์ได้ และเมื่อเป็นเซลลูไลท์ก็จะทำให้รูปร่างและผิวพรรณดูไม่สวย กลายเป็นสิ่งที่ต้องมานั่งกังวล ถ้าหากเราเริ่มที่จะดูแลตัวเองตั้งแต่แรก สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มากวนใจค่ะ

 

 

พญ.นันทภัทร์ สุภาพพรรณชาติ

แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านเลเซอร์ผิวหนัง

ผู้ก่อตั้ง Apex Profound Beauty

(Some images used under license from Shutterstock.com.)