© 2017 Copyright - Haijai.com
Facial Contouring part 1
หลากหลายวิธี การแก้ไขโครงหน้า ตอนที่ 1 V shape
จากค่านิยมด้านความงามที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย มีผลทำให้มุมมองความสวยความงามเปลี่ยนตาม อันมีผลต่องานด้านแฟชั่นและศิลปะของสังคมในยุคนั้นๆ เช่น บางยุคสมัยในอดีต ผู้คนนิยมหน้ากลมๆ เนื้อแก้มเต็มๆ ดูแล้วให้ความรู้สึกอุดมสมบูรณ์ และสวยงาม สำหรับคนไทยในช่วงระยะ 5-6 ปีมานี้ คงไม่พ้นอิทธิพลกระแสความงามจากประเทศเกาหลี ซึ่งออกมาในรูปแบบของหน้า V shape ซึ่งพบเห็นได้ในภาพยนตร์ซีรี่เกาหลี ซึ่งหากสังเกตดูจะพบว่าช่วง 5-6 ปี ก่อนดาราเกาหลีหลายๆ คน ติดเหลากรามซะจนหน้า V มากเกิน จนดูหน้าเรียวแหลมแปลกๆ ในขณะที่ยุคปัจจุบัน เทรนด์ใหม่กลับเป็นว่า เราต้องการหน้าเรียวแบบมีมิติ คือ เห็นแนวกราม และแนวโหนกแก้มที่ชัดเจน ดังนั้นแพทย์ความงามหากไม่มีความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ท่านก็ไม่มีวันที่จะสร้างผลงานให้สวยงามได้เลย และติวคนไข้เอง หากตัวเองไม่เข้าใจแล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะสวยได้ ไม่ว่าจะรักษากับแพทย์ที่เก่งแค่ไหนก็ตาม
เทรนด์ใหม่ของความงาม
หากสังเกตดูจากซีรี่เกาหลีล่าสุด เราจะพบว่าแนวคิดความงามมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สิ่งที่ผมได้เคยเขียนไว้ในบทความตอนก่อนๆ ยังใช้ได้ และทันสมัยเสมอ นั่นคือปัจจุบันรูปหน้าที่สวยต้องมีมิติ และกรอบหน้าที่ชัดเจน ซึ่งก็คือลักษณะคือ 3 ส่วนโค้งของความเยาว์วัยที่ประกอบด้วยคือ โค้งหน้าผาก โค้งแนวโหนกแก้ม และโค้งแนวขากรรไกรล่าง
ทั้งนี้ส่วนของใต้ตา ก็ต้องเต็มและดูเรียบเนียนด้วย ถึงจะทำให้ภาพรวมดูสวยงามและเยาว์วัยโดยไม่จำเป็นต้องมีหน้า V shape เลย เพราะการมีหน้าแบบ V shape แบบเอเลี่ยนจะทำให้หน้าดูตลกและแปลกตา
ความเข้าใจผิดของการปรับแก้โครงหน้า
การปรับแก้โครงหน้ามีหลากหลายวิธี แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกัน คนส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจผิด ที่พบบ่อยมีดังนี้
1.คิดว่าไปเหลาโหนกแก้มและตัดกราม ที่เกาหลี แล้วจะกลับมาสวย อันนี้เป็นความคิดที่ทุกคนยึดติด เพราะกระแสเกาหลีฟีเวอร์ แต่ความจริงมันไม่ใช่ เหตุผลก็คือ
• การตัดกราม หรือเหลาโหนก เหมาะกับคนอายุน้อยที่มีโครงกระดูกผิดรูปมาก ซึ่งพบน้อยในคนไทย คนไทยที่ไม่ได้มีโครงกระดูกผิดรูปมาก การรักษาแบบนี้อาจได้ผลไม่ดี
• ผู้ที่อายุมากไม่เหมาะกับการผ่าตัดแบบนี้ เพราะสาเหตุเกิดจากความแก่ชรา ไม่ใช่โครงหน้าผิดรูป โดยมากต้องผ่าเสริมกระดูกมากกว่าตัดออก
• การปรับแก้โครงหน้า ทั้งในผู้ที่อายุมาก หรืออายุน้อยก็ตามอาจต้องดูภาพรวมของใบหน้าทั้งหมดประกอบกัน ไม่ใช่แค่ตัดกราม เหลาโหนกแก้ม แต่อาจต้องมีกระบวนการรักษาอย่างอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การผ่าตัดดึงหน้าร่วม หรือการฉีดเติมไขมันบางตำแหน่งร่วมด้วย
2.คิดว่าไปผ่าดึงหน้าที่เกาหลี แล้วจะได้หน้าเรียวสวยเป็น V shape กลับมา คนไข้บ้างรายไม่ได้ตัดกราม แต่หน้าใหญ่ เพราะมีเนื้อแก้มเยอะ เคสเหล่านี้จะไปผ่าตัดดึงหน้า (ผ่าดึงหน้า หรือ Face Lift เหมือนที่ทำ เพื่อแก้การหย่อนคล้อย) เพื่อให้หน้าเล็กเป็น V shape ซึ่งต้องบอกเลยว่าผิด บางครั้งคนไข้ก็อายุน้อยๆ ทำแล้วหน้าดูแปลกประหลาดไปเลย เหตุผลคือ
• การผ่าดึงหน้าเพื่อปรับโครงหน้านั้นจะไม่ได้ผล เพราะเป็นการแก้เฉพาะเนื้ออ่อน ที่ถูกต้องคือต้องแก้เนื้อแข็งหรือโครงกระดูกด้วย คนไข้ที่หน้ามีเนื้อมาก แสดงว่าส่วนกระดูกด้อย เคสแบบนี้ผ่าดึงหน้าได้ แต่ต้องเสริมกระดูกบางตำแหน่งด้วย โดยเฉพาะแนวกรามล่าง เพื่อให้ได้โครงหน้าเป็นอย่างธรรมชาติ
• การผ่าตัดดึงหน้าอย่างเดียว ไม่ว่าเพื่อการปรับรูปหน้า หรือแก้การหย่อนคล้อย จะทำให้ใบหน้าสูญเสียมิติ และส่วนโค้งเว้าที่ผมเอ่ยถึงไว้ในช่วงแรก จะทำให้หน้าดูแปลกประหลาด
3.การแก้ไขโครงหน้าผิดๆ ในเมืองไทย ส่วนใหญ่ในเมืองไทยที่ได้เห็นโฆษณาตามสถานเสริมความงามนั้น จะพูดว่าเป็นการปรับรูปหน้า, ทำหน้า V shape, ทำ V Line เป็นต้น เกือบ 100% เป็นการแก้ที่เนื้ออ่อนของใบหน้า เช่น การฉีดลดไขมันแก้ม ฉีดโบท๊อกซ์กราม หรือการร้อยไหมแก้ม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้หน้าดูเล็กลงจริง แต่จะเล็กลงเป็นแบบหน้าเอเลี่ยนและขาดมิติ ทำให้ความสวย และความสาวหายไป หลายๆ คลินิกแนะนำลูกค้าทำเครื่องอัลตร้าซาวด์พลังงานสูง หรือเครื่องวิทยุพลังงานสูง เพื่อช่วยยกหน้า ทำให้หน้าเป็น V shape ก็มี แบบนี้ผิหลักการอย่างแรง แถมอาจได้แก้มตอบ หรือแก้มหย่อนแถมกลับมาอีก โดยสรุปคือแทบไม่มีสถานพยาบาลไหนเลยในเมืองไทยที่พูดเรื่องการแก้โครงกระดูกหน้าไปด้วย แสดงว่าแพทย์ความงามในเมืองไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจหลักการนี้กันเลย
คำจำกัดความของการแก้ไขโครงหน้า หรือ Facial Contouring ที่ถูกต้องนั้น ต้องเป็นการแก้ไขทั้งส่วนโครงกระดูก และส่วนเนื้ออ่อนของใบหน้า ซึ่งกรรมวิธีประกอบด้วยการรักษาหลายขั้นตอนตั้งแต่การตัดกระดูกบางส่วนออก การเสริมกระดูกบางส่วนเข้าไป การฉีดไขมัน การผ่าดึงหน้า เป็นต้น เหล่านี้รวมๆ กันเรียกว่า Surgical Facial Contouring หรือการปรับโครงหน้าด้วยการผ่าตัด ซึ่งต้องยอมรับว่าในเมืองไทยเราทำสู้เกาหลีไม่ได้ แต่ที่เกาหลีเองที่ทำได้จริงๆ ก็มีไม่กี่แห่งเท่านั้น และมีค่าใช้จ่ายหลักล้านบาทขึ้นไป หลังการรักษาต้องพักฟื้นนาน 1 เดือน ส่วนใหญ่คนไทยไม่เข้าใจ หรือถูกหลอกไปทำที่เกาหลี เจอของปลอม และได้ผลข้างเคียงกลับมา สำหรับอีกเทคนิคคือ Non-Surgical Facial Contouring หรือการปรับโครงหน้าด้วยวิธีแบบไม่ผ่าตัด โดยการใช้เทคนิคผสมผสานของการร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็ม และฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกระดูก ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังสูงคือราว 3-4 แสนบาท และทำไม่ได้หากมีรูปโครงกระดูกผิดรูปมาก (อันนี้ต้องผ่าตัด) ผมใช้วิธีการนี้รักษาคนไข้มานานกว่า 2 ปีแล้ว
นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ
เพื่อศัลยกรรมความงามและเลเซอร์
(Some images used under license from Shutterstock.com.)