
© 2017 Copyright - Haijai.com
How to lose a Buffalo Hump
รีดสันหนอก เพื่อคอเรียว (หนอกคอ)
รูปร่างเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายล้วนแล้วแต่อยากจะมีรูปร่างที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้น หากเป็นผู้หญิงย่อมอยากมีรูปร่างสมส่วนแบบเอวบางร่างน้อย อ้อนแอ้น ชนิดอกเป็นอก เอวเป็นเอว ส่วนผู้ชายก็อยากมีรูปร่างกำยำบึกบึนดูแล้วมีความเป็นแมนสมชาย ดังนั้น การมีสัดส่วนที่เกินพอดีจึงเรียกได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่อย่างการมีสะโพกใหญ่ หรือต้นแขนต้นขาใหญ่ หรือเอวหนาฉุไปด้วยไขมัน เหล่านี้ยังสามารถปกปิดได้ด้วยการใส่เสื้อผ้าอำพรางรูปร่าง แต่สำหรับส่วนเกินที่ไม่พึงปรารถนาอย่างเช่น การมีหนอกก้อนโตปูดนูนขึ้นมาบริเวณต้นคอจนเห็นได้ชัดนั้น อาจปกปิดได้ยาก
หนอกคอคืออะไร
หนอกคอ หรือภาษาอังกฤษคือ Buffalo Hump เป็นภาวะที่มีไขมันสะสมอยู่บริเวณหลังคอเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางคนมีการสะสมจนเกิดเป็นหนอกขนาดใหญ่ดูแล้วน่าเกลียด รวมถึงทำให้เสียบุคลิกภาพ การมีหนอกคอนั้นแม้จะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดใดๆ ให้กับคนที่เป็น และดูผิวเผินอาจจะเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่คุณๆ ทราบกันหรือไม่ว่านั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ถึงความผิดปกติจากโรคบางอย่างที่เราอาจไม่คาดคิดก็เป็นได้ ดังนั้น ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อจะได้ทำการรักษาต่อไป
สาเหตุของการเกิดหนอกคอ แบ่งเป็น 2 สาเหตุใหญ่ๆ ได้แก่
1.หนอกที่เกิดจากการสะสมของไขมัน
1.1.เกิดจากความอ้วน คนที่มีน้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนมากๆ จะมีไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงบริเวณต้นคอด้วย โดยสามารถสังเกตเห็นเป็นรอยพับด้านหลังคอได้อย่างชัดเจน
1.2.เกิดจากภาวะ Cushing Syndrome คือการได้รับสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ จนทำให้เกิดความผิดปกติในร่างกาย โดยแหล่งที่มาของสเตียรอยด์อาจมาจากการรับประทานยาหม้อ ยาลูกกลอนติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งอาการของ Cushing Syndrome จะแสดงออกมาทางกายเป็นอาการต่างๆ ที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน ได้แก่ การมีภาวะอ้วนเฉพาะร่างกานส่วนบน หน้ามนเป็นพระจันทร์ (moon face) หน้าแดง กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ผิวหนังมีสีคล้ำขึ้น ชั้นผิวหนังบางขึ้น เกิดเป็นจ้ำเลือดได้ง่ายเมื่อถูกกระแทกแรงๆ แผลหายช้า อารมณ์แปรปรวน รวมถึงการมีไขมันพอกพูนบริเวณไหปลาร้าและต้นคอจนเหมือนหนอกควาย หรือ Buffalo Hump นั่นเอง
1.3.เกิดจากผลข้างเคียงจากการให้ยาต้าน HIV (โรคเอดส์) โดยผู้ป่วยอาจมีอาการของโรคอื่นแทรกซ้อนด้วย ได้แก่ เบาหวาน ไขมัน ในเลือดสูงและทำให้เกิดความผิดปกติในการกระจายตัวของไขมันในร่างกาย โดยไขมันตามแขนขาจะหายไป แต่กลับไปสะสมที่บริเวณหน้าท้อง เอว ไหล่ และหนอกคอแทน
2.หนอกที่เกิดจากการภาวะหลังค่อน
2.1.เกิดจากการวางท่าทางผิดลักษณะอันมีสาเหตุมาจากกระดูกบาง พบได้ในคนสูงอายุ เนื่องจากหมอนรองกระดูกสันหลังเริ่มเสื่อมสภาพและฝ่อตัวลง ประกอบกับมวลกระดูกของกระดูกสันหลังแต่ละปล้องมีมวลกระดูกที่บางลง ซึ่งเมื่อถูกแรงกระแทกก็ทำให้กระดูกมีการทรุดตัว เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหลังค่อมขึ้นมาได้
นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่าหนอกคอเกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อได้หรือไม่ ลักษณะของกล้ามเนื้อโดยปกติจะไม่ขึ้นเป็นหนอกดังเช่น Buffalo Hump แต่จะขึ้นเป็นปีกกล้ามเนื้อที่เรียกว่ากล้ามเนื้อทราพีเซียส (Trapezius) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อชั้นตื้นที่อยู่บริเวณด้านหลังของมนุษย์เรา กล้ามเนื้อบริเวณนี้เป็นบริเวณที่นักเล่นกล้ามนิยมเพาะกล้ามให้มีความสวยงาม โดยกล้ามเนื้อส่วนนี้ทำหน้าที่หลายอย่างเช่น กางกระดูกสะบักออก, ดึงรั้งกระดูสะบัก และกดกระดูกสะบักลง เป็นต้น
การตรวจวินิจฉัย
เมื่อเกิดเป็นหนอกคอขึ้น สิ่งที่คนไข้ควรทำได้แก่การไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของโรคที่อาจซ่อนอยู่ โดยปกติแพทย์จะทำการพิจารณาจากลักษณะของเนื้อที่ปูดนูนออกมา โดยการใช้เครื่องมือตรวจวัดการกระจายตัวของไขมัน ว่ามีส่วนไหนที่เป็นไขมันส่วนเกินสะสมอยู่บ้างและมีปริมาณเท่าไหร่ แต่หากตรวจดูแล้วพบว่าส่วนที่ปูดโปนออกมานั้นเกิดจากการทรุดตัวของกระดูก แพทย์ก็จะทำการเอ็กซเรย์ตรวจมวลกระดูกและนัดทำการรักษาต่อไป ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาสาเหตุเพื่อจะได้ทำการรักษาให้ตรงจุด
แนวทางการรักษาหนอกคอ
การรักษาหนอกคอสามารถแบ่งออกเป็น 3 วิธี คือ
1.การรักษาโดยการดูดไขมัน
2.การรักษาโดยเทคนิค Mesotherapy และ
3.การรักษาโดยการซ่อมกระดูกอันเนื่องมาจากภาวะกระดูกพรุน
การรักษาโดยวิธีดูดไขมัน
ปัจจุบันการดูดไขมันที่แพทย์นิยมใช้มี 2 วิธี ได้แก่
1.Vaser Lipo Selection ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ในการสลายก้อนไขมัน ทำให้ก้อนไขมันแตกตัวและกลายเป็นของเหลวและอ่อนนุ่ม ทำให้สามารถดูดออกจากร่างกายได้โดยง่าย
2.Body Tite เป็นเทคโนโลยีการดูดไขมันที่ใช้พลังงาน RF หรือคลื่นวิทยุในการสลายก้อนไขมัน มีผลทำให้คอลลาเจนเปลี่ยนสภาพ ผลที่ได้คือไขมันถูกกำจัดออกไปในปริมาณที่มาก ทำให้ผิวหนังกระชับหดตัว ผิวเรียบขึ้น โดยทั้ง 2 วิธีข้างต้น เป็นการช่วยให้ไขมันบริเวณหนอกคอถูกกำจัดออกไปอย่างนุ่มนวล โดยไม่ทำให้เส้นเลือดและเซลล์ประสาทบริเวณโดยรอบเกิดความบอบช้ำหลังจากการดูดไขมันร่างกายจะมีการปรับตัว โดยจะค่อยๆ ดูดซึมน้ำเหลืองออกไป และสร้างพังผืดขึ้นมาแทน ซึ่งพังผืดก็จะมีการหดตัว มีผลทำให้ชั้นใต้ผิวหนังกับกล้ามเนื้อติดกันมากขึ้น ชั้นใต้ผิวหนังบริเวณนี้ก็จะกลายเป็นชั้นพังผืดที่มีไขมันหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย ถึงตรงนี้ผิวหนังก็จะหดตัวราบลง โดยเราจะเห็นการยุบตัวลงของผิวหนังภายใน 1 เดือน และเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนเต็มที่ภายใน 3-6 เดือน ทั้งนี้ ในหนอกคอที่มีขนาดใหญ่มากชนิดปูดนูนเป็นก้อนจนเห็นได้ชัด นอกจากการรักษาด้วยวิธีดูดไขมันแล้ว อาจมีการรักษาโดยการตัดหนังส่วนที่เหลือทิ้งไปร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นยาวบริเวณด้านหลังคอ ซึ่งรอยแผลจะมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิควิธีการผ่าตัดของแพทย์
ข้อควรรู้สำหรับผู้ที่ต้องการลดหนอกคอ
1.หนอกบริเวณหลังคอ หรือ Buffalo Hump ที่เกิดขึ้นไม่สามารถลดลงได้ด้วยการออกกำลังกาย
2.หนอกคอที่เกิดจากการเพาะกล้ามเป็นคนละอย่างกันกับ Buffalo Hump ซึ่งหากต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อที่เกิดจาการเพาะกล้าม สามารถทำได้โดยการงดใช้งานบริเวณนั้น ก็จะทำให้กล้ามเนื้อกลุ่มนั้นฝ่อเหลวลงไปเอง
3.การเกิดหนอกคอแม้จะไม่ได้นำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่หนอกที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติ จึงจำเป็นต้องพบแพทย์
การรักษาโดยเทคนิค Mesotherapy
เป็นการลดไขมันส่วนเกินโดยการฉีดสารหลักๆ เช่น Phosphatidyl choline, L-carnitine เข้าไปยังบิรเวณที่มีการสะสมของไขมัน เพื่อกระตุ้นให้ไขมันที่สะสมสลายตัว โดยปริมาณที่ฉีดก็แล้วแต่บริเวณที่ต้องการ เช่น อาจจะใช้ 0.2-0.5 ซีซี ห่างกันทุกๆ 1.2 ตร.ซม. โดยฉีดลึกเข้าไปในชั้นไขมันตั้งแต่ 0.1 มม. – 12 มม. ผลลัพธ์ที่ได้คือช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และระบบต่อมน้ำเหลืองทำงานดีขึ้นเนื้อเยื่อโดยรอบบริเวณที่ฉีดแข็งแรงขึ้น ผิวหนังกระชับขึ้น
การรักษาโดยการซ่อมกระดูกอันเนื่องมาจากภาวะกระดูกบางกระดูกพรุน
เป็นการรักษาโดยแพทย์จะทำการฉีดซีเมนต์ซ่อมกระดูก (Bone Cement) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ในการเติมเต็มกระดูก ทำให้กระดูกหนาตัวขึ้น และเมื่อสารนี้แข็งตัวก็จะเป็นการตรึงกระดูกไม่ให้ยุบตัวลงไปเบียดไขสันหลัง อันเป็นสาเหตุของการปวดหลัง ผลจากการหนาตัวขึ้นของกระดูกจากการฉีดสารซีเมนต์ ทำให้กระดูกไม่ยุบตัวเพิ่มขึ้น และมีคามแข็งแรงทนทานต่อการรับแรงกดจากน้ำหนักของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น การรักษาหนอกคอไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมากนัก เนื่องจากไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ แพทย์อาจใช้การฉีดยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดขณะทำการรักษา ซึ่งคนไข้ควรมีความเข้าใจพื้นฐานในวิธีการรักษาและเข้าใจในหลักการทำงานของเครื่องมือต่างๆ ที่แพทย์จะนำมาใช้ รวมถึงผลลัพธ์ที่จะได้หลังการรักษา ในระหว่างและหลังการรักษาสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ เช่น ติดเชื้อ เลือดออก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากสุขภาพวะของคนไข้เอง โดยก่อนทำการรักษา แพทย์จำเป็นที่จะต้องตรวจร่างกายโดยรวมของคนไข้ว่ามีสุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่ มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง หรือมีความดันที่ผิดปกติหรือไม่ ถ้าสิ่งเหล่านี้มีอยู่การรักษาก็มีความเสี่ยงมากขึ้นไปด้วย
แต่ถือว่าเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงไม่มากนัก โดยการดูดไขมันบริเวณหนอกคอมีผลข้างเคียงน้อยและใช้เวลาในการพักรักษาตัวไม่นาน ปกติหลังการรักษาคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ยกเว้นบางกรณีที่มีเลือดออกมากผิดปกติ อันเนื่องมาจากดูดไขมันชั้นลึกเกินไป ซึ่งอาจทำให้โดนกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ในกรณีนี้แพทย์ให้คนไข้อยู่ดูอาการที่สถานพยาบาลจนแน่ใจว่า ไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแล้วจึงค่อยให้กลับบ้าน
สำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยวิธีต่างๆ มีดังนี้ หากเป็นการดูดไขมัน ค่าใช้จ่ายในการรักษาจะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ดูดว่ามากน้อยขนาดไหน ทั้งนี้รวมถึงสถานพยาบาลที่เข้ารับบริการและเครื่องมือที่ใช้ว่ามีความพิเศษขนาดไหน อย่างไร ส่วนการฉีดซีเมนต์ซ่อมกระดูกมีค่ารักษาประมาณหลักพันบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานที่ ที่ให้บริการด้วยว่าเป็นคลินิกหรือโรงพยาบาล ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไป
การกำจัดหนอกคอ เป็นการศัลยกรรมแก้ไขความผิดปกติที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การตรวจหาสาเหตุการเกิดของโรคที่แท้จริง การแก้ไขความปูดนูนที่ผิดปกติด้วยวิธีการดูดไขมันและวิธีต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นเพียงการแก้ไขที่ปลายเหตุ ฉะนั้น เมื่อคอเกิดเป็นหนอกขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ควรที่จะปล่อยทิ้งไว้ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยโรคจะช่วยให้การแก้ไขทำได้ถูกต้องตรงจุด และทำให้คุณ เพื่อให้คุณมีลำคอที่ระหงสง่าและได้บุคลิกภาพที่ดีกลับมา
“Buffalo Hump เป็นภาวะที่ไม่ใช่โรคเสียทีเดียว แต่เป็นภาวะที่มีไขมันสะสมบริเวณที่ต้นคอมากผิดปกติ ซึ่งถ้าเกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานานและได้มีการหยุดใช้ยาไปแล้ว แต่ยังเหลือให้เห็นเป็นหนอกอยู่ การรักษาด้วยวิธีดูดไขมัน ก็สามารถกำจัดหนอกออกไปได้อย่างถาวร โดยจะไม่กลับมาเป็นอีก โดยปกติการดูดไขมันบริเวณนี้จะช่วยให้ผิวหนังยุบตัวลงไปประมาณ 20% เท่านั้น ไม่ได้หดลงมาก ซึ่งการใช้เครื่องมือประเภท Vaser และ Body Tite อาจช่วยให้ผิวหนังหดตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30% ฉะนั้น หากหนอกเป็นก้อนใหญ่มาก คงต้องมีการตัดหนังเพื่อตกแต่งให้บริเวณนี้ดูสวยงามดูมีรูปร่างที่ดีขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลเป็นที่ไม่ค่อยสวย ฉะนั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ แพทย์จะหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เกิดแผลบริเวณนี้ครับ ส่วนการจะกลับมาเป็นอีกหรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับว่าเราได้รักษาโรคที่แท้จริงไปหรือยัง แต่หากยังไม่ได้รักษาโรคที่เป็นสาเหตุแท้จริง แล้วมาทำการดูดไขมันโอกาสที่จะเกิดซ้ำ ก็เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ ดังนั้น การปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์จะได้สืบค้นและรักษาพยาธิสภาพที่ซ่อนอยู่ข้างใน จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดครับ”
นพ.ธิติ เชาวนลิขิต
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง
(Some images used under license from Shutterstock.com.)