Haijai.com


ศัลยกรรมปรับเสียงให้เป็นสาว


 
เปิดอ่าน 6678

ศัลยกรรมปรับเสียงให้เป็นสาว

 

 

ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นและสัมผัสได้ แต่เสียงก็เป็นอีกหนึ่งโสตประสาทที่สำคัญของร่างกาย และเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงบุคลิกภาพของคนพูด คนที่มีน้ำเสียงใสพูดจาไพเราะใครๆ ก็อยากฟัง ถึงแม้รูปร่างหน้าตาอาจดูธรรมดาไม่สวยหล่อขั้นเทพ แต่การเป็นคนพูดเพราะ มีน้ำเสียงสดใส ก็นับเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งแล้ว การผ่าตัดเปลี่ยนเสียงนี้ค่อนข้างได้รับความสนใจมากในเพศที่สาม หรือผู้ชายที่อยากกลายเป็นหญิง เพราะทั้งทำหน้าอกทั้งแปลงเพศมาก็หมดแล้ว เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวที่สาวๆ ประเภทสองเขาใฝ่ฝัน นั่นก็คือการมีเสียงแหลมเล็กน่ารักดูเป็นผู้หญิง

 

 

หลายคนอาจจะได้ประสบพบเจอกับตัวเองมาบ้างแล้วกับคนเพิ่งรู้จักที่เรานึกว่าเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เธอเล่นสวยน่ารักอย่างกับผู้หญิงซะอย่างนั้น ไม่ว่าใครได้เจอก็ต้องลงความเห็นว่าเป็นหญิงแท้แน่นอน แต่เมื่อสบโอกาสได้ยินเธอเอื้อนเอ่ยออกมาเท่านั้นแหละ ทำเอาหลายคนอึ้งไปตามๆ กัน แต่ก็น้อยครั้งที่เธอจะเปล่งเสียงออกมาเพราะกลัวใครๆ จะรู้ว่าแท้จริงฉันนะหญิงปลอม

 

 

“น้ำเสียง” นับเป็นอีกหนึ่งปมด้อยของสาวประเภทสอง เพราะด้วยความอยากเป็นผู้หญิง การทำศัลยกรรมเสริมเต้านมและศัลยกรรมแปลงเพศ วิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันก็สามารถทำได้ แต่กับการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจากผู้ชายให้กลายเป็นผู้หญิง ทางการแพทย์ยังถือว่าอยู่ในระหว่างการพัฒนาการทดลองและศึกษาวิจัย แต่ยังคงเป็นสิ่งที่หลายคนถวิลหา คนกลุ่มนี้จึงขวนขวายให้ได้มาเพื่อลดปมด้อยของเพศชาย

 

 

โครงสร้างของกล่องเสียง

 

กล่องเสียง (Larynx) มีลักษณะเป็นท่อรูปกรวย ประกอบด้วยกระดูกอ่อนหลายชิ้นยึดต่อกันด้วยกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และเอ็นจำนวนมากอยู่ระหว่างคอหอยและหลอดลม ด้านบนมีฝ่ากล่องเสียง (Epiglottis) ซึ่งเป็นกระดูกอ่อนที่สามารถเคลื่อนที่ขึ้นลงได้ เพื่อเปิดให้อากาศผ่านเข้าออก หรือปิดเมื่อกลืนอาหาร กล่องเสียงทำหน้าที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง โดยอาศัยกล้ามเนื้อบนผนังภายในแต่ละข้าง 2 ชุด ได้แก่ สายเสียงเทียม (False Vocal Cord) และสายเสียงแท้ (True Vocal Cord) แต่ละข้างแยกออกจากกันเป็นร่องรูปตัว V เรียกว่า ช่องสายเสียง (Glottis) ทำหน้าที่สร้างเสียง ดังนั้น “เสียง” จึงเกิดจากการสั่นของสายเสียงขณะอากาศไหลออกจากปอด ทำให้เกิดคลื่นเสียงสูงๆ ต่ำๆ จากนั้นจึงถูกอวัยวะในช่องปากและคอปรับแต่งเป็นคำพูดและเกิดความก้องกังวาน หากไม่ได้พูดสายเสียงจะคลายตัวพับทบกันอยู่ที่พนังกล่องเสียง ตรงกลางจึงเป็นช่องว่างให้อากาศผ่านเข้าออกอย่างอิสระ แต่เมื่อเปล่งเสียง กล้ามเนื้อที่ควบคุมกระดูกอ่อนของกล่องเสียงทำให้สายเสียงตึงขึ้น เคลื่อนตัวมาชิดกันตรงกลางและเกิดการสั่น ทำให้เกิดเสียงสูงต่ำต่างกันไปตามระดับความตึงตัวและรูปร่างของสายเสียง

 

 

การผ่าตัดเปลี่ยนเสียง

 

การเปลี่ยนผ่าตัดเปลี่ยนเสียงมี 2 แบบ คือ การเปลี่ยนเสียงจากผู้หญิงเป็นผู้ชาย โดยปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์สามารถทำได้ แต่มีคนทำค่อนข้างน้อย และการเปลี่ยนเสียงจากผู้ชายมาเป็นผู้หญิง ซึ่งมีคนทำมากกว่า โดยหลักการแล้วปกติเสียงผู้ชายจะเป็นเสียงที่ทุ้มกว่า ต่ำกว่าของผู้หญิง โดยวัดจากความถี่พื้นฐานของเสียง (Fundamental frequency) หรือเรียกอีกอย่างว่า พิทช์ (Pich) พิทช์ของผู้ชายจะอยู่ที่ประมาณ 100-150 เฮิร์ตซ์ (Hz) ในขณะที่ผู้หญิงจะมีเสียงแหลมสูงกว่าโดยอยู่ที่ประมาณ 170-200 เฮิร์ตซ์ (Hz) หากต้องการแยกเสียงระหว่างผู้ชายและผู้หญิงโดยไม่เห็นหน้า พบว่าหากเสียงทุ้มกว่า 160 เฮิร์ตซ์ (Hz) ก็จะแปลความว่าเป็นผู้หญิง

 

 

เสียงแหลมหรือเสียงทุ้มนั้น ขึ้นอยู่กับความตึง ความยาว และความสั้นของเส้นเสียง ถ้าเส้นเสียงตึงมากเสียงจะแหลมสูง ถ้าเส้นเสียงหย่อนเสียงก็จะทุ้มขึ้น ขึ้นกับลักษณะสายเสียงด้วยว่าสายเสียงมีขนาดเล็กหรือใหญ่ เปรียบเหมือนเส้นสายกีตาร์ สายกีตาร์เส้นเล็กจะมีเสียงแหลมแต่เส้นที่ใหญ่กว่าจะมีเสียงทุ้ม ซึ่งโดยโครงสร้างที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา สายเสียงผู้ชายจะมีขนาดใหญ่และยาวกว่า สายเสียของผู้หญิงจะมีขนาดเล็กและสั้นกว่า ดังนั้น การเปลี่ยนเสียงผู้หญิงให้เป็นเสียงผู้ชายต้องทำให้สายเสียงยาวขึ้น หย่อนลง ตึงน้อย ส่วนการเปลี่ยนเสียงผู้ชายให้เป็นเสียงผู้หญิงต้องทำให้สายเสียงสั้นลงและตึงมากขึ้น

 

 

แต่โดยปกติแล้วการเปลี่ยนสายเสียงไม่ได้ขึ้นกับเรื่องของความถี่พื้นฐานเสียง (Fundamental frequency) หรือ พิทช์ (Pitch) เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของการกำทอนหรือการสั่นพ้องของเสียง (Resonance) ด้วย (การกำทอนหรือการสั่นพ้องของเสียง คือ ปรากฏการณ์การสั่นของวัตถุที่มีความถี่ของการสั่นเท่ากับความถี่ธรรมชาติ จะทำให้วัตถุนั้นมีการสั่นที่รุนแรงที่สุด) หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ชัดเจนคือการสีซอ ระหว่างซออู้และซอด้วง ซอทั้งสองชนิดมีกะลามะพร้าวที่เป็นตัวเรโซแนนซ์เสียง ซออู้เปรียบได้กับเสียงของผู้ชายที่มีเสียงทุ้มต่ำ ซอด้วงเปรียบได้กับเสียงของผู้หญิงที่มีเสียงแหลมเล็ก สำหรับตัวเรโซแนนซ์เสียงของมนุษย์ คือ โครงสร้างของกล่องเสียง ลำคอ และศีรษะ ด้วยธรรมชาติโครงสร้างเหล่านี้ของผู้ชายจะมีขนาดใหญ่กว่าของผู้หญิง กล่องเสียงมีความยาวมากกว่า ดังนั้น จึงทำให้เกิดเสียงทุ้มและดังกังวานมากกว่า ในขณะที่โครงสร้างของผู้หญิงจะมีความแคบและสั้นกว่า ผู้หญิงจึงมีเสียงที่ค่อนข้างแหลม

 

 

วิธีการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจากชายให้กลายเป็นหญิง

 

อย่างที่เราทราบกันเบื้องต้นแล้วว่า หลักการเปลี่ยนเสียงของผู้ชายให้กลายเป็นผู้หญิง นั่นก็คือต้องทำให้เส้นเสียงมีความสั้นลงและตึงมากขึ้น ซึ่งวิธีการในการผ่าตัดที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ยึดหลักการดังกล่าว เพื่อทำการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงให้กับคนไข้ โดยมีวิธีดังต่อไปนี้

 

 

1.การเลาะและเย็บกล้ามเนื้อ เพื่อดึงสายเสียงให้ตึงขึ้น โดยธรรมชาติบริเวณกล่องเสียงจะมีกล้ามเนื้อไครโคไธรอยด์ (Cricothyroid muscle) ที่ทำให้กระดูกอ่อนไครคอยด์ (Cricoid cartilage) กับกระดูกอ่อนไทรอยด์ (Thyroid cartilage) งุ้มหรือผงกเข้าหากัน การเลาะแล้วเย็บกล้ามเนื้อนี้เข้าหากัน จะทำให้กระดูกอ่อนทั้งสองงุ้มเข้าหากันมากขึ้น ผลที่ได้คือสายเสียงยาวขึ้นและตึงขึ้น เป็นการรั้งให้สายเสียงสูงขึ้น เพราะฉะนั้นเสียงจึงแหลมสูงคล้ายผู้หญิงมากขึ้น แต่เมื่อกระดูกงุ้มเข้าหากันมากขึ้น จึงทำให้กระดูกนูน มองเห็นเป็นลูกกระเดือกได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นข้อเสียของการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ แต่สามารรถแก้ไขโดยการเหลาลูกกระเดือกให้แบนราบได้ และในระยะยาวคือเชือกที่เย็บไว้อาจคลายตัว (Cut to) และเริ่มกัดกินกระดูกอ่อน มีลักษณะคล้ายการใช้เชือกปอกไข่ต้ม ทำให้กระดูกอ้าออกเข้าสู่สภาพเดิม หรือสายเสียงอาจเริ่มยืดออก ซึ่งขึ้นอยู่กับเชือกที่เย็บอยู่ในตำแหน่งที่ดีหรือไม่ เพราะฉะนั้นเสียงจึงแหลมเล็กในระยะสั้น แต่ในระยะยาวก็อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งการเปลี่ยนเสียงด้วยวิธีนี้ถือได้ว่ามีความเสี่ยงน้อย

 

 

2.การตัดสายเสียงให้สั้นลง วิธีนี้มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงมาก โดยการตัดสายเสียงให้สั้นแล้วดึงมายึดกับกระดูกอ่อนใหม่อีกครั้ง สายเสียงเป็นบริเวณที่อ่อนไหวได้ง่าย ซึ่งปัญหาของการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ คือ สายเสียงเกิดอาการบวมและมีพังผืด ทำให้เกิดเสียงแหบตามมา เพราะโดยส่วนใหญ่แพทย์ที่ทำการผ่าตัดมักจะตัดตรงๆ ยืดให้ตึงขึ้นและเย็บติดไว้ ปัญหาคือเมื่อเกิดแผลเป็นบริเวณมุมตัว V จะทำให้เนื้อเยื่อบางๆ เชื่อต่อกันเป็นพังผืดลักษณะคล้ายอุ้งเท้าเป็ดเรียกว่า “แอนทีเรียกล็อตติกเวบ (Anterior Glottic Web)” ผลก็คือทำให้คุณภาพเสียงลดลงไป เสียงไม่สดใสเหมือนปกติ เนื่องจากความจริงแล้วกลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนเสียงนี้ต่างก็มีเสียงที่ปกติซึ่งเป็นเสียงของเพศชาย แต่มีความต้องการให้เสียงแหลมเล็กเหมือนผู้หญิง ดังนั้น เมื่อทำการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงแล้ว เสียงอาจจะแหลมเล็กขึ้นบ้าง แต่จะมีเสียงแหบและไม่ค่อยดังเท่าที่ควร

 

 

ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาการเกิดพังผืดบริเวณนี้ที่ทำให้เกิดเสียแหบตามมาหลังผ่าตัด จึงอาจต้องมีการพัฒนาเทคนิคในการผ่าตัด ซึ่งโดยทั่วไปหลักใหญ่ๆ ของการผ่าตัดนำพังผืด Anterior Glottic Web ออกมี 3 วิธีด้วยกัน คือ

 

 

(1) Direct Laryngoscopy หรือ DL เป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้อง แล้วใช้มีดเข้าไปตัดพังผืดอุ้งเท้าเป็ดออก หรือใช้เลเซอร์ยิงเพื่อระเหิดพังผืด ผลข้างเคียงคือมีบริเวณที่ถูกไหม้จากการเบิร์น (Burn) ของลเซอร์เล็กน้อย แต่เนื่องจากบริเวณพังผืดเป็นลักษณะของผิวเปลือย ดังนั้นเนื้อเยื่อบางๆ จึงกลับมาเชื่อมกันใหม่ เกิดเป็นกล็อตติก เวบเหมือนเดิม แต่อาจมีขนาดเล็กลงคล้ายเป็นการเปลี่ยนจากอุ้งเท้าเป็ดขนาดใหญ่เป็นอุ้งเท้าเป็ดขนาดเล็ก เป็นวิธีที่รับความนิยมสูง

 

 

(2) Endoscopic เป็นการผ่าตัดเพื่อนำแผ่นพลาสติกหรือที่เรียกว่าสเต็นท์ (Stent) ไปเป็นตัวกั้นไว้ไม่ให้เนื้อเยื่อสองฝั่งมาเชื่อมกัน โดยการใช้เข็มปักลงไปบนและใต้กล่องเสียง นำเชือกมาร้อยกับสเต็นท์โดยให้อยู่บริเวณมุมรูปตัว V แล้วนำเชือกไปผูกข้างนอกคอ ข้อเสียคือต้องผ่าตัดสองรอบเพื่อนำสเต็นท์ออกอีกครั้ง

 

 

(3) External Approach หรือ วิธีการผ่าตัดภายนอก เป็นการลงแผลจากภายนอกหรือผ่าคอ แยกแผลผ่าตัดออกแล้วใส่ตัวสเต็นท์รูปตัว T เพื่อเป็นตัวกั้นเนื้อเยื่อทั้งสองฝั่งไม่ให้มาเชื่อมกัน เสร็จแล้วจึงกลับมาผ่าเพื่อนำตัว T ออก ใช้ในกรณีที่คนไข้มีอาการรุนแรง หรือพังผืด (Web) มีความหนามากแต่สำหรับวิธีล่าสุดที่คาดว่าน่าจะเป็นแนวทางในการผ่าตัดนำพังผืด Anterior Glottic Web ออก นั่นคือการยิงด้วยเลเซอร์แล้วใช้ไหมละลาย (Absorbable) แทนสเต็นท์ (Stent) เข้าไปเย็บรั้งตัว V เอาไว้ (Anterior Commissure) ถือเป็นสเต็นท์ที่เล็กที่สุดในโลก ข้อดีคือไหมละลายสามารถเคลื่อนที่อิสระไปพร้อมกับกล่องเสียง และไม่ต้องกลับมาผ่าตัดครั้งที่สอง เนื่องจากไหมสามารถละลายได้เอง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดพังผืดหลังจากผ่าตัดเปลี่ยนเสียง มีวิธีป้องกันคือในการผ่าตัดต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับเยื่อบุบริเวณดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดด้วยวิธีใดก็ตาม เมื่อไม่มีการผ่าตัดให้เกิดแผลในบริเวณดังกล่าว จึงสามารถป้องกันการเกิดพังผืดขึ้นได้

 

 

วิธีเบื้องต้นซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สามารถเปลี่ยนเสียงได้คือการฝึกพูด จะเห็นได้ว่าหลายคนไม่ได้เข้ารับการผ่าตัด แต่ใช้วิธีการฝึกพูด ฝึกร้องเพลง ฝึกดัดเสียง ควบคุมกล้ามเนื้อช่องคอ และเค้นเสียงให้แหลม ซึ่งต้องประกอบกับความพยายามในการฝึกพูดอย่างจริงจัง โดยนักฝึกพูดที่มีความชำนาญ หากคนที่ตั้งใจจริงก็สามารถปรับเปลี่ยนเสียงให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น วิธีนี้จึงเป็นวิธีเบื้องต้นที่สามารถปรับเสียงได้โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวกับการผ่าตัด นอกจากนั้นยังมีอีกวิธีหนึ่งก็คือการทำเลเซอร์ แต่ได้รับความนิยมน้อยเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดพังผืดเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีหลายความเชื่อว่าการรับประทานฮอร์โมน เพื่อเปลี่ยนเสียงนั้นเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสม และอาจมีปัญหาจากการได้ฮอร์โมนที่เกินขนาดในการทำศัลยกรรมเสียงให้ประสบผลสำเร็จนั้น สิ่งสำคัญคือความถี่พื้นฐานของเสียง (Fundamental frequency) หรือ พิทช์ (Pitch) การำทอนหรือการสั่นพ้องของเสียง (Resonance) เทคนิคในการผ่าตัดของแพทย์ (Surgical Technique) รวมถึงการฝึกพูดและการดูแลตัวเองของคนไข้หลังทำการผ่าตัดด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วคนไข้ที่ต้องการศัลยกรรมเสียงมักได้รับการทำศัลยกรรมหน้าอกและแปลงเพศมาแล้ว ซึ่งได้ผ่านการซักซ้อมสอบถามจากนักจิตวิทยามาอย่างหนัก ดังนั้น การศัลยกรรมเปลี่ยนเสียงนับว่าเป็นชั้นตอนท้ายๆ ในการเปลี่ยนเพศให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่หาข้อมูลมาครบถ้วนและตัดสินใจแล้วว่าต้องการเปลี่ยนเสียง ก่อนเข้ารับการผ่าตัดควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รักษาความสะอาดของช่องปากและลำคอไม่ให้มีการติดเชื้อ หลังจากการผ่าตัดควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยการพักเสียง ไม่ใช้เสียงมาก เพราะจะทำให้สายเสียงบวม ดูแลทำความสะอาดช่องปากป้องกันการติดเชื้อ สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ โดยภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น คือการติดเชื้อและเลือดออก หลังผ่าตัดอาจมีเสียงแหบ กระดูกอ่อนติดเชื้อเกิดการเสียรูป ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อเชื่อมต่อกันผิดปกติ ถือได้ว่าการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยง ดังนั้น คนที่ต้องการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจริงๆ ต้องคิดวิเคราะห์ไตร่ตรองดูว่าเสียงของเราทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินชีวิต ส่งผลต่อหน้าที่การงาน หรือรบกวนจิตใจมากน้อยแค่ไหน อย่าลืมว่าเมื่อทำศัลยกรรมเส้นเสียงไปแล้ว อาจไม่สามารถทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ บางทีเสน่ห์คนเราอาจจะไม่ใช่น้ำเสียงเท่านั้น แต่ประกอบไปด้วยการพูดจาไพเราะ มีหางเสียง “ค่ะ/ครับ” ที่เปล่งออกมาด้วยความจริงใจ เพียงเท่านี้คนที่ได้รับได้ฟังก็รับรู้ได้แล้วว่าคนๆ นี้น่าคบหามากแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการทำศัลยกรรมให้เจ็บตัวเลย

 

 

“สำหรับคนที่คิดว่าอยากผ่าตัดเปลี่ยนเสียงต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ผมคิดว่าการศึกษาสำคัญ เพราะถ้าหากไม่มีการศึกษาข้อมูลมาก่อน หรือเชื่อแต่คำโฆษณาอาจเกิดความเสียหายขึ้นได้เหมือนกรณีในต่างประเทศที่เกิดปัญหาขึ้นคือคนไข้มีเสียงแหบการหายใจมีปัญหา นับว่าได้ไม่คุ้มเสีย อย่ามองแค่จุดเดียว เพราะการลงทุนก็มีทั้งขาดทุนและกำไร ถ้าเรามองอย่างเดียวว่าเราจะต้องได้กำไร ทำออกมาแล้วเสียงเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นอย่างที่ต้องการก็อาจจะเกิดความผิดหวังได้ ซึ่งคนไข้อาจจะลืมไปว่าหลังผ่าตัดเสียงเรามีโอกาสเสียงแหบได้ ดังนั้น ก่อนเข้ารับการผ่าตัดต้องเตรียมตัวเตรียมใจ เพราะการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงเป็นการผ่าตัดที่ทำได้ยากครับ”

 

 

นายแพทย์ธงชัย พงศ์มฆพัฒน์

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโสต ศอ นาสิกวิทยา (หู คอ จมูก)

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





สิวอุดตันเกิดจาก สิวฮอร์โมน คอลลาเจน สิวไขมัน สิวหัวแข็ง AviClear AviClear Laser สิวไต สิวเสี้ยน หน้าขาวใส หน้าแพ้สาร สิวข้าวสาร หน้าใสไร้สิว หน้าไหม้แดด สิวหัวขาว หน้าแห้ง อาการนอนกรน วิธีลดไขมันทั้งตัว ผิวขาว ผิวหน้า ผู้หญิงนอนกรน หน้ากระจ่างใส วิธีลดไขมันในร่างกาย หน้าเนียนใส หน้าเนียน หน้าหมองคล้ำเกิดจาก กดสิวใกล้ฉัน กดสิวเสี้ยน กดสิว หน้าใส สิวอุดตัน หน้าหมองคล้ำ สิวอักเสบ สิว สิวหัวช้าง หน้าขาว สิวขึ้นคาง สิวผด ครีมลดรอยสิว วิธีแก้การนอนกรนผู้ชาย แก้อาการนอนกรนผู้หญิง วิธีลดหน้าท้องแบบเร่งด่วน Sculpsure ลดไขมันในร่างกาย วิธีลดไขมัน ลดไขมันต้นขา สลายไขมันหน้า ไตรกลีเซอไรด์ เซลลูไลท์ วิธีแก้นอนกรน ลดไขมัน Coolsculpting ทำกี่ครั้ง Sculpsure กับ Coolsculpting นอนกรนเกิดจาก Morpheus8 สลายไขมันหน้าท้อง วิธีลดพุงผู้หญิงเร่งด่วน 3 วัน Body Slim ลดไขมันทั้งตัว วิธีลดพุงผู้ชาย Morpheus8 กับ Ulthera ลดพุงเร่งด่วน วิธีลดไขมันต้นขา ลดพุง ดูดไขมัน วิธีลดหน้าท้อง สลายไขมันด้วยความเย็น คอเลสเตอรอล วิธีลดไขมันหน้าท้อง ไขมัน วิธีลดพุงผู้หญิง Coolsculpting Elite CoolSculpting vs Emsculpt วิธีลดพุง สลายไขมันต้นขา ลดไขมันหน้าท้อง นวดสลายไขมัน ผลไม้ลดความอ้วน ลดน้ำหนักเร่งด่วน อาหารคลีน กินคลีนลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน กินคีโต วิธีลดความอ้วนเร็วที่สุด อาหารลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วิธีลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดความอ้วนเร่งด่วน ผลไม้ลดน้ำหนัก อาหารเสริมลดความอ้วน วิธีลดความอ้วน เมนูลดความอ้วน วิธีการสลายไขมัน ลดความอ้วน สลายไขมัน ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก Exilis Elite Thermage Body ออฟฟิศซินโดรม Inbody Vaginal Lift Morpheus Pro Oligio Body IV Drip Emsella เลเซอร์นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก Emsculpt CoolSculpting บทความน่ารู้ บทความกระชับสัดส่วนรูปร่าง บทความดูแลรูปร่างและสุขภาพ บทความรักษาอาการนอนกรน บทความ Morpheus บทความ Coolsculpting บทความโปรแกรมดูแลผิวหน้า ข่าวและกิจกรรม romrawin รมย์รวินท์ Plinest Pico หลุมสิว เลเซอร์ฝ้า เลเซอร์ฝ้า กระ IV Weight Loss Thermage Body Pico Laser ราคา สิว กลืนบอลลูนราคา วิธีลดน้ำหนัก วิธีแก้อาการนอนกรน อาการนอนกรน บทความโปรแกรมรักษาอาการนอนกรน เลเซอร์รีแพร์ ดึงหน้าที่ไหนดี ผ่าตัดดึงหน้าราคา Thermage FLX ผ่าตัดดึงหน้า ดึงหน้าราคา ผ่าตัดดึงหน้าที่ไหนดี ดึงหน้า vs ร้อยไหม ศัลยกรรมดึงหน้าราคา เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็น Ultraformer MPT ราคา ลดเซลลูไลท์ ฟิลเลอร์แก้มตอบราคา CoolSculpting vs Emsculpt ลดน้ำหนัก วิธีสลายไขมัน สลายไขมัน Alexandrite Laser Dynamic Tech Morpheus Pro สารเติมเต็ม ฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอม เลเซอร์ขนหน้าอก Coolsculpting vs Coolsculpting Elite Morpheus8 ราคา สลายไขมันด้วยความเย็นราคา สลายไขมันด้วยความเย็น ฟิลเลอร์ใต้ตาราคา ดึงหน้า Ultherapy Prime vs Ulthera SPT IPL เลเซอร์ขนแขน YAG Laser Diode Laser ไฮยาลูรอน ฟิลเลอร์น้องชายอันตรายไหม ฉีดสิว Emtone 1 week 1 Kilo ลดน้ำหนัก กลืนบอลลูน Exo Hair Reborn หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ดูดไขมัน ดึงหน้า ตาสองชั้น ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ยกคิ้ว เสริมหน้าอก บทความศัลยกรรม วีเนียร์ บทความทันตกรรม Coolsculpting Fit Firm Emsculpt Coolsculpting Elite บทความลดน้ำหนัก ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP ดริปวิตามิน บทความดูแลสุขภาพ Vaginal Lift P-SHOT O-Shot บทความสุขภาพเพศ Meso Hair LLLT ปลูกผมด้วยแสงเลเซอร์ ปลูกผมผู้ชาย ปลูกผมสำหรับผู้หญิง ปลูกผมถาวร ปลูกผม FUE ปลูกผม รักษาผมร่วง บทความรักษาผมร่วง ผมบาง บทความดูแลเส้นผม เลเซอร์รักแร้ขาว เลเซอร์ขน เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์เครา เลเซอร์รักแร้ กำจัดขนถาวร เลเซอร์ขน บทความเลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์รอยสิว Pico Laser Pico Majesty Pico Majesty Laser Reepot Laser Reepot บทความโปรแกรมหน้าใส NCTF 135 HA Rejuran Belotero Glassy Skin Juvederm Volite Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Skinvive Sculptra vs ฟิลเลอร์ Sculptra บทความ Sculptra Radiesse บทความ Radiesse บทความฉีดหน้าใส UltraClear AviClear Laser AviClear Accure Laser Accure บทความโปรแกรมรักษาสิว ฟิลเลอร์คอ ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์มือ ฟิลเลอร์หน้าใส ฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา ฟิลเลอร์ยกหน้า ฟิลเลอร์หลุมสิว หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม หลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฟิลเลอร์ปาก 1 CC ฟิลเลอร์จมูกราคา ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฟิลเลอร์น้องสาวกี่ CC ฟิลเลอร์ราคา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ บทความฟิลเลอร์ ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย บทความโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime Ulthera Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Oligio บทความยกกระชับใบหน้า ร้อยไหมหน้าเรียว ไหมหน้าเรียว ร้อยไหมเหนียง ไหมเหนียง ร้อยไหมยกหางตา ไหมยกหางตา Foxy Eyes ร้อยไหมปีกจมูก ไหมปีกจมูก ร้อยไหมกรอบหน้า ไหมกรอบหน้า ร้อยไหมร่องแก้ม ไหมร่องแก้ม ร้อยไหมก้างปลา ไหมก้างปลา ร้อยไหมคอลลาเจน ไหมคอลลาเจน ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม บทความร้อยไหม Apex