
© 2017 Copyright - Haijai.com
เด็กมีพรสวรรค์ (Gifted Child)
แม้จะยอมรับกันว่าทารกสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงอยู่ว่าการที่ทารกสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเด็กที่ฉลาด จึงมีการตั้งคำถามถึงเด็กที่มีพรสวรรค์หรือเด็กที่เป็นอัจฉริยะว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเด็กที่มีพรสวรรค์นั้นอาจเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเด็กมีความสามารถรับรู้ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และความสามารถในการรับรู้ของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์นั้น อาจจะมีผลกระทบทำให้เด็กมีลักษณะพิเศษมีความเฉลียวฉลาดไปจนถึงเป็นผู้ใหญ่ก็ได้ มีเด็กหลายคนที่มีพรสวรรค์ คือเกิดมาอายุ 2 ขวบก็สามารถอ่านหนังสือของเด็กอนุบาลที่ควรมีอายุ 5-6 ปีได้แล้ว และไม่ใช่อ่านหนังสืออย่างเดียวยังรู้คำศัพท์เป็นหมื่นๆ คำด้วย ทั้งยังชอบและสนใจการอ่านหนังสือมากทีเดียว และเมื่อเติบโตประมาณ 5 ขวบ เด็กคนนี้ก็สามารถอ่านหนังสือของเด็กระดับประถม และมัธยมได้แล้ว เป็นที่ยอมรับว่าเด็กคนนี้มีความเฉลียวฉลาดเป็นพิเศษ ในเมืองไทยก็มีกรณีศึกษาเด็กเหล่านี้เหมือนกัน เช่น เวลานี้เราก็ได้พบว่ามีเด็กไทยคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์เป็นพิเศษคือ 9 ขวบสามารถเรียนจบมัธยมได้ อายุ 11 ปีสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ มีคนสนใจศึกษาว่าเหตุใดเด็กคนนี้มีความพิเศษมากจนอาจจัดได้ว่า เป็นเด็กมีพรสวรรค์คนหนึ่งทีเดียวกล่าวคือ เป็นเด็กที่เรียนเร็ว มีความเฉลียวฉลาด ไอคิวเกินมนุษย์ปกติธรรมดา คือคนธรรมดาจะมีไอคิวประมาณ 90-100 แต่เด็กคนนี้กลับมีไอคิวถึง 140 กว่าเกือบๆ 150 และยังมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
เมื่อสอบถามคุณแม่เพื่อหาว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลให้เด็กมามีลักษณะพิเศษเช่นนี้ ก็ได้คำตอบว่า ในขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์นั้นเมื่อมีเวลาว่างจะดูแลรักษาตัวเองอย่างดี และขณะเดียวกันตอนช่วงตั้งครรภ์ 4-5 เดือนสุดท้าย ก็คิดว่าอยากให้ลูกฉลาดจะทำอย่างไร จึงลองอ่านหนังสือให้ลูกในท้องฟัง เวลาที่อ่านก็พูดกับตัวเองดังๆ ไปด้วย ก็น่าแปลกที่ลูกออกมาฉลาดสมตามคำอธิษฐานของคุณแม่ ลูกออกมารู้ภาษา เพียงขวบกว่าๆก็สามารถพูดได้เลย แล้วพอ 2 ขวบนี้ก็มีความสามารถในด้านต่างๆ เก่งทีเดียว
สำหรับเรื่องทารกรู้เรื่องได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์นี้ ทางประเทศตะวันตกกำลังสนใจมากทีเดียว และกำลังทำการทดลองอยู่ว่ามีวิธีการหรือไม่ที่จะสอนเด็กตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ แต่เรายังไม่แนะนำนะครับว่าใครที่กำลังตั้งครรภ์แล้ว ต้องทำถึงขนาดที่จะสอนลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง เพราะมันอาจทำให้เกิดผลดีหรือผลเสียก็ได้ ถ้าทำมากเกินไป
ดร. นัยพินิจ และ พญ. นิตยา คชภักดี
(Some images used under license from Shutterstock.com.)