
© 2017 Copyright - Haijai.com
การปฏิสนธิ
ก่อนที่จะมีการปฏิสนธิเกิดขึ้นได้นั้น เซลล์พี่เลี้ยงที่อยู่ล้อมรอบเซลล์ไข่จะต้องแยกตัวออก เพื่อเป็นหนทางให้อสุจิสามารถผ่านเข้าไปถึงเซลล์ไข่ได้ กระบวนการนี้เกิดขึ้นได้โดยตัวอสุจิเองซึ่งปล่อยเอนไซม์ชื่อ Hyaluronidase (ไฮยาลูโรไนเดส) ไปย่อยสลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งยึดเหนี่ยวเซลล์พี่เลี้ยงไว้ให้สลายไป มีอสุจิจำนวนมากที่อาจไปถึงเปลือกชั้นนอกของเซลล์ไข่ Zonapellucidaและพยายามเจาะเข้าไปให้ได้ แต่อสุจิตัวแรกที่เจาะผ่านเข้าไปยัง Perivitelline space และทำการหลอมตัวเข้ากับเยื่อชั้นใน Oolemmaได้เป็นตัวแรก จะทำให้เยื่อ Oolemmaนี้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะเพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิตัวอื่นสามารถหลอมตัวเข้ากับ Oolemmaและผ่านเข้าไปใน Ooplasmได้อีก การปฏิสนธิจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 1 ชั่วโมงหรือไม่เกิน 4 ชั่วโมงภายหลังจากที่อสุจิเข้าไปพบกับไข่
การปฏิสนธิจะเกิดขึ้นที่บริเวณส่วนปลายของท่อนำไข่ที่ใกล้กับรังไข่ซึ่งเรียกว่า Ampulla (แอมพูลลา) โดยปกติแล้วตัวอ่อนจะต้องการเวลาประมาณ 5 วันในการเดินทางจากบริเวณที่ปฏิสนธิมาถึงโพรงมดลูก ในระหว่างนี้ตัวอ่อนก็ได้มีการแบ่งเซลล์ โดยอาศัยสารอาหารจากสารคัดหลั่งภายในท่อนำไข่ในช่วงต่างๆนั่นเอง เมื่อตัวอ่อนเริ่มมีจำนวนเซลล์มากขึ้นก็จะมีรูปร่างกลมๆคล้ายลูกบอล ในระยะนี้เราจะเรียกว่าตัวอ่อนระยะ Morula (โมรูลา) หลังจากที่ตัวอ่อนเดินทางมาถึงโพรงมดลูกแล้ว ในวันที่ 6 ภายในศูนย์กลางของตัวอ่อนจะมีการสะสมน้ำอยู่ภายใน ซึ่งเราจะเรียกตัวอ่อนระยะนี้ว่า Blastocyst (บลาสโตซิสท์)
ก่อนที่ Blastocyst จะฝังตัวลงบนเยื่อบุโพรงมดลูกได้ ก็จะต้องเจาะออกมาจาก Zonapellucidaให้ได้ก่อน โดยที่ Blastocyst จะสร้างเอนไซม์ออกมาช่วยทำให้ Zonapellucidaนั้นบางลง และตัวอ่อนจะหดและขยายตัวออกเพื่อดันให้เปลือกแตกออก ทำให้ตัวอ่อน Blastocyst ออกมาจากเปลือกได้ และเมื่อนั้นจะมีการส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อให้ร่างกายของแม่ทราบว่ามีตัวอ่อนระยะ Blastocyst อยู่ในโพรงมดลูกแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเนื่องจากร่างกายของแม่ต้องปรับตัวให้อยู่ในระยะที่จะดำเนินการตั้งครรภ์ต่อไป มิเช่นนั้นแล้วร่างกายของแม่ก็จะปรับตัวเข้าสู่รอบเดือนใหม่โดยการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูกออกมาเป็นเลือดระดูนั่นเอง การส่งสัญญาณนี้เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นทางเคมีและกายภาพหลายประการ แต่การส่งสัญญาณทางเคมีที่รู้จักกันดีได้แก่การหลั่งฮอร์โมน Human chorionic gonadotrophin (ฮิวแมน โคริโอนิค โกนาโดโทรปิน) หรือเรียกชื่อย่อว่า hCGฮอร์โมน hCGนี้จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดของแม่เพื่อไปถึงรังไข่ และกระตุ้นให้ Corpus luteumผลิตฮอร์โมน Estrogen และ Progesterone ออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนEstrogen และ Progesterone นี้จะส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกคงความหนาและมีคุณภาพดีเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน นอกจากนี้ฮอร์โมน Estrogen และ Progesterone ยังส่งมีส่วนช่วยอื่นๆ ในการตั้งครรภ์อีกหลายประการ
ในวันที่ 7 หลังการตกไข่ ตัวอ่อน Blastocyst จะฝังตัวลงบนเยื่อบุโพรงมดลูกโดยการแทรกตัวจมลงไปในเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งเยื่อบุโพรงมดลูกจะคลุมตัวอ่อนไว้โดยสมบูรณ์ ตัวอ่อน Blastocyst จะทำการเชื่อมต่อตัวมันเองกับกระแสเลือดของแม่โดยเร็วเพื่อที่จะรับสารอาหารต่างๆ และออกซิเจนจากแม่ได้ ตัวอ่อน Blastocyst สามารถทำการขับถ่ายของเสียออกสู่กระแสเลือดแม่ และแม่จะขับของเสียนั้นออกทางปัสสาวะอีกทีหนึ่ง การเจริญเติบโตของตัวอ่อนในเวลาสั้นๆนั้นราวกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เริ่มจากตัวอ่อนเซลล์เดียวได้แบ่งเซลล์เพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาลเป็นล้านๆ เซลล์จนกระทั่งเป็นรูปร่างของมนุษย์ที่มีระบบการทำงานของร่างกายที่สลับซับซ้อนภายในเวลาเพียงเก้าเดือน
นพ.ม.ร.ว.ทองทิศ ทองใหญ่
(Some images used under license from Shutterstock.com.)