© 2017 Copyright - Haijai.com
แสดงความรักผ่านการกระทำ
คำพูดและการกระทำเป็นสองสิ่งที่ทำให้เด็กสามารถสัมผัสและรับรู้ถึงความรักได้มากที่สุด การโอบกอด สัมผัส ดูแล และอยู่เคียงข้างลูก เป็นการถ่ายทอดความรักและความอบอุ่นให้ลูกสัมผัสได้ดีกว่าการพร่ำพูดว่ารักผ่านข้อความทางโทรศัพท์ ตัวหนังสือ กระดาษ หรือระบบดิจิตอลใดๆ
เช่นเดียวกับคำชื่นชมที่มาจากความรัก และความจริงใจ ที่จะเป็นเหมือนแหล่งพลังมหาศาล ที่ทำให้พลังด้านบวกในตัวลูกๆ ของคุณพ่อคุณแม่ขับเคลื่อนได้ไม่มีวันหยุดค่ะ
“ไม่ใช่ไม่อยากชมนะคะคุณหมอ แต่จะให้ชมอะไรล่ะ ก็เจ้าลูกชายตัวแสบน่ะ ไม่เห็นจะมีดีอะไรตรงไหนโดดเด่นให้ชื่นอกชื่นใจได้เลยสักอย่าง ถ้าให้หาจุดตำหนิซิ ขนาดหลับตามองยังเห็นเลย”
แท้จริงแล้วทุกคน ทุกคนล้วนมีข้อดีอยู่ในตัวเอง ไม่มีใครขาวผ่องไร้รอยตำหนิ หรือดำสนิทจนหาจุดสว่างไม่เจอ อยู่ที่สายตาของเราว่าจะ “ดีพอ” ที่จะมองเห็นความดีงามนั้นหรือไม่
หลายครั้งคุณงามความดีของลูกอาจจะถูกบดบังไปด้วยความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ ที่มุ่งอยากจะให้ลูกสมบูรณ์แบบจนหารอยตำหนิไม่เจอ ทำให้อดไม่ได้ที่จะตำหนิติเตียน จนพลาดโอกาสที่จะชื่นชมลูกไปอย่างน่าเสียดาย
ลองปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ มองหาข้อดี แล้วพูดถึงข้อดีนั้นออกมาให้ลูกได้ยินดังๆ วิธีนี้มีจุดที่ต้องระมัดระวังอยู่เล็กน้อยก็คือเรื่องการใช้คำ ต้องไม่ใช้ถ้อยคำกล่าวโทษ ในลักษณะ เช่น
“โอ้โห เทอมนี้หนูขยันเรียนจัง ถ้าขยันอย่างนี้คงไม่ตกเหมือนเทอมที่แล้วแน่ๆ เลย” เพราะการชื่นชมลักษณะนี้ไม่ต่างอะไรกับการตอกย้ำความผิดพลาดในอดีต โดยไม่ยืนอยู่กับปัจจุบันค่ะ
แต่ถ้ามองแล้วมองอีก หาแล้วหาอีก คุณพ่อคุณแม่ยังคงยืนยันว่าไม่รู้จะชมลูกเรื่องอะไรดี แนะนำให้ใช้เทคนิคนี้คะ คือ เริ่มต้นฟังลูกจากความว่างเปล่า ฟัง แล้วสังเกตดูว่า มีเหตุการณ์ไหน หรือเรื่องใดที่ลูกได้ทำแล้วนำมาเล่าต่ออย่างภาคภูมิใจบ้าง นั่นละค่ะ เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะนำมาชื่นชมลูก เพราะหลักการหนึ่งของการชื่นชมก็คือ จะยิ่งเป็นการดีมาก ถ้าเราชื่นชมในเรื่องที่ผู้ฟังต้องการได้ยิน
นึกเล่นๆ ว่าคุณแม่พยายามลดน้ำหนักแทบแย่ ในที่สุดก็รีดเร้นเค้นไขมันออกไปได้ 3 กิโลกรัม แม้จะไม่ใช่จำนวนมากมาย แต่ก็มากพอที่จะเห็น ถ้าสังเกต (ดีๆ) คุณแม่จึงใส่ชุดสวยหมุนตัวให้คุณพ่อดูด้วยความภาคภูมิใจ รอฟังคำชมอย่างใจจดใจจ่อ คุณแม่จะรู้สึกอย่างไร ถ้าคำพูดที่ได้รับกลับมานั้นมีเพียง “ชุดสวยดีนี่”
การแสดงความรักด้วยการกระทำ และตำชื่นชมอย่างจริงใจของพ่อแม่ คือพลังที่จะผลักดันให้ลูกเป็นไปได้ทุกอย่างค่ะ ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกสอบได้ที่หนึ่ง แค่เขาได้คะแนนพอใช้ คำชื่นชมสั้นๆ จากคุณพ่อคุณแม่ว่า “หนูเก่งมากที่ตั้งใจเรียนแล้วพัฒนาได้ขนาดนี้”
เมื่อลูกทำดี ทำในสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ มีน้ำใจ หรือมีความพยายามให้เห็นอย่างเต็มที่ ก็ชมลูกเลยค่ะ ไม่ต้องรั้งรอ ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะเหลิงความดี เพราะคำชื่นชมเล็กน้อย จากการกระทำเล็กๆ ในแต่ละวัน จะค่อยๆ ทยอยสะสมแต้ม กลายเป็นความรู้สึกด้านบวกที่ยิ่งใหญ่ ฝังรากลึก กลายเป็นพื้นฐานแน่นหนักของความรักที่จะก่อร่างสร้างความสุขในหัวใจของลูกต่อไปในวันข้างหน้าแน่นอนค่ะ
แพทย์หญิงจิตรา วงศ์บุญสิน
กุมารแพทย์ประจำโรงพยาบาลบางปะกอก 1
(Some images used under license from Shutterstock.com.)