
© 2017 Copyright - Haijai.com
Creative Development ค้นพบการคิดอย่างสร้างสรรค์ในช่วงปฐมวัย
การวางพื้นฐานที่ดีเพื่อเป็นประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่ปฐมวัยก่อนที่เด็กจะสามารถนำความรู้สึกนึกคิดของตนเองผ่านการพูด สื่อสารกับผู้ใหญ่ได้ เด็กๆ จะค่อยๆ เพิ่มความสามารถในการสื่อสารความคิด “อะไรจะเกิดขึ้น หากหนูทำสิ่งนี้” “อะไรจะเกิดขึ้นจากนี้ไป”, “ทำไมถึงเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา” ในเด็กที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยส่งเสริมความมั่นใจต่อตนเองของหนูน้อยในวัยนี้ ให้สามารถเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวและได้รับการส่งเสริมให้แสดงความรู้สึกนึกคิดหรืออีกนัยคือได้รับการตอบสนองต่อการแสดงออกทางร่างกายและสีหน้า สายตา ท่าทางในช่วงขวบปีแรกของชีวิต
พัฒนาการด้านความคิดอย่างสร้างสรรค์จะแสดงออกอย่างชัดเจนผ่านการพูดเมื่อเด็กสั่งสมคำศัพท์ได้มากพอ และสามารถพูดสื่อสาร ตั้งคำถามต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ด้วยตนเอง อย่างไรก็ดีสิ่งที่สำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดอย่างสร้างสรรค์ เริ่มต้นจากการจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม การได้โอกาสในการจับสัมผัส ได้กระทำ ทดลอง สิ่งที่สนใจ ซ้ำๆ ซึ่งจะส่งผลให้เด็กได้เชื่อมการกระทำซ้ำๆ สู่สมองเพื่อเกิดการเรียนรู้ เด็กแสดงความรู้สึกนึกคิดผ่านสีหน้าก่อนที่จะสามารถสื่อสารได้
และเมื่อหนูน้อยวัยหนึ่งขวบ ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ของชีวิต เด็กจะสามารถสื่อสารความรู้สึกนึกคิดผ่านคำพูด เช่น “ใช่แล้ว หนูรู้แล้วว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้น”, “ว้าว น่าตื่นเต้นจัง”, “หนูอยากลองอีกสักครั้ง” และในบางครั้งอาจมีสิ่งที่ไม่เป็นที่พอใจ ซึ่งเด็กในวัยนี้ยังไม่เข้าใจถึงเหตุและผลของสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
หนูน้อยสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การกระตือรื้อร้น และการได้รับโอกาสในการได้ลองสัมผัส ช่วยส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ได้เร็วขึ้น ผู้ใหญ่ต้องแน่ใจว่าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และปลอดภัย
การเรียนรู้ในแบบของหนูเอง
เด็กไม่สามารถเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ หากเด็กถูกสั่งให้ทำตามที่ผู้ใหญ่บอกให้ทำ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เกิดขึ้นจากความสามารถในการเพิ่มบางสิ่งบางอย่างหรือบวกความคิดใหม่ๆ สิ่งที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตนเองและผู้อื่น เด็กเล็กและวัยเตาะแตะสนุกกับกิจกรรมงานศิลปะและการประดิษฐ์ เด็กต้องการที่จะสามารถใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการเรียนรู้ในสิ่งที่หนูน้อยสามารถทำได้ด้วยตนเอง และได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถทำได้
อุปสรรคที่ขัดขวางการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์
การกดดันให้เด็กทำกิจกรรมตามความต้องการของผู้ใหญ่นั้น ไม่ได้ช่วยให้เด็กทำอะไรในสิ่งที่เขาอยากจะทำเลย แต่กลับจะไปเพิ่มความกดดันให้เด็กเครียด และทำสิ่งที่ต้องการทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือบางครั้งก็ล้มเหลวไปเลยก็มี การมีส่วนร่วมของผู้ใหญ่ในการทำงานศิลปะที่สวย เป็นระเบียบแบบแผนสำหรับการประกวดเพื่อรางวัล หรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นระเบียบแบบแผน จะทำให้เด็กไม่ได้ใช้ความคิดของตนเองได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้นหากอยากให้เด็กมีความคิดที่สร้างครรภ์เป็นของตนเอง ผู้ใหญ่ควรที่จะแค่สนับสนุนในสิ่งที่เด็กคิดและอยากทำก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพื่อให้เด็กได้ใช้ความคิดอย่างเต็มที่และเต็มกำลังความสามารถของเขาเอง
(Some images used under license from Shutterstock.com.)