Haijai.com


เมล็ดพันธ์ของอารมณ์


 
เปิดอ่าน 1850

เมล็ดพันธ์ของอารมณ์

 

 

ท่านผู้อ่านคงจะได้อ่านและรับฟังข่าวเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดจากผู้คนในสังคมอยู่เนื่อง ๆ ถ้าเป็นความรุนแรงที่ไม่หนักหนาสาหัสเราก็เพียงแต่รับรู้ แล้วเรื่องต่าง ๆ ก็จางหายไปจากความทรงจำ แต่ในที่สุดความรุนแรงก็เกิดขึ้นในสังคมอีก จึงดูเป็นเรื่องปกติประจำวันที่เกิดขึ้นได้และทุกคนยอมรับ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่ปกติและทุก ๆ คนควรนำมาคิดพิจารณาแก้ไข

 

 

เมื่อไม่นานมานี้ทุกท่านคงจะจำเหตุการณ์หนึ่งที่สะเทือนขวัญของชาวอเมริกา รวมทั้งผู้คนในประเทศต่าง ๆ ก็รู้สึกสะเทือนอารมณ์เช่นกันเมื่อได้รับข่าวนี้ เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มชาวเกาหลีที่เกิดในประเทศอเมริกาและมีความกดดันอย่างมากในชีวิตจนในที่สุดความคับข้องใจที่สะสมมาก็ระเบิดท่วมท้น แล้วใช้ปืนกราดกระสุนเพื่อนนักศึกษาและอาจารย์อย่างไม่เลือกหน้า จนมีการเสียชีวิตของผู้คนเป็นจำนวนมาก

 

 

และเมื่อเร็ว ๆ นี้เด็กหนุ่มในตระกูลที่มีชื่อเสียงก็แสดงอารมณ์โกรธอย่างมากมายเมื่อมีเหตุการณ์ไม่สบอารมณ์เกิดขึ้น

 

 

อะไรทำให้ผู้คนในปัจจุบันมีความทุกข์ง่าย โกรธง่าย ก้าวร้าวและรุนแรงง่าย

 

 

เราจะทำอย่างไรกันดีที่จะให้คนในสังคมเป็นคนสุขง่าย โกรธยาก มีความอ่อนโยน สงบ และมีความเมตตาปราณีต่อกัน

 

 

ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่เราก็คิดว่าส่วนใหญ่แล้ว ความมีวุฒิภาวะหรือความเป็นผู้ใหญ่ จะทำให้สามารถควบคุมความก้าวร้าวรุนแรงได้ระดับหนึ่ง แต่แม้กระนั้นก็ตาม ปัญหาความรุนแรงก็เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ในวัยผู้ใหญ่แม้แต่ผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ชีวิตมาอย่างดีในหลาย ๆ กรณีก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ จนเกิดเรื่องราวใหญ่โตทำให้เสียภาพพจน์ และเสื่อมเสียความเคารพนับถือได้เป็นอย่างมาก

 

 

แต่ถ้าเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเด็กและวัยรุ่นแล้ว ด้วยความที่ยังอ่อนด้อยในวุฒิภาวะและประสบการณ์ ด้วยความอ่อนด้อยในการควบคุมเหตุการณ์และอารมณ์ จึงทำให้ลุแก่โทสะได้ง่ายและเลยเถิดไปสู่ความรุนแรงได้ง่าย

 

 

แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังเห็นความหลากหลายในอารมณ์ที่เด็กและวัยรุ่นแสดงออกต่อสังคม เด็กบางคนมีอารมณ์ดี อ่อนโยน มีน้ำใจ มีความเชื่อมั่นในการที่จะช่วยเหลือกลุ่ม รู้จักให้อภัย     แต่เด็กบางคนกลับโกรธง่าย หงุดหงิดง่าย อะไรที่มากระทบใจหรือไม่ได้ดังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทนไม่ได้ระเบิดอารมณ์และคำพูดที่ก้าวร้าวได้ง่าย มีพฤติกรรมรุนแรงได้ง่าย และเมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแล้วก็ไม่รู้สึกว่าผิด ไม่รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง

 

 

อะไรทำให้เด็กและวัยรุ่นแต่ละคนมีความแตกต่างกันได้อย่างมากมายอย่างนี้

 

 

ปัจจัยหนึ่งที่เราคงต้องยอมรับก็คือเป็นเรื่องของพื้นอารมณ์ของตัวเด็กเอง ซึ่งประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ติดตัวเด็กมาตั้งแต่เกิด เป็นส่วนที่พันธุกรรมและชีวะวิทยากำหนดมาไว้แล้วว่าเด็กแต่ละคนมีพื้นอารมณ์ต่าง ๆ กัน เช่นพื้นอารมณ์ร้อน อารมณ์เย็น หรือหวั่นไหววิตกกังวลง่าย เป็นต้น

 

 

แต่ไม่ว่าจะมีพื้นอารมณ์อย่างไรก็ตาม สิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะประสบการณ์ชีวิตของเด็กที่ได้รับจากพ่อแม่ โรงเรียน และสังคม ก็จะเป็นปัจจัยปั้นแต่งให้เด็กมีรูปแบบและโครงสร้างของจิตใจเปลี่ยนแปลงไปจากพื้นอารมณ์ที่ติดตัวมาแต่เกิดได้อย่างมากมาย

 

 

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมนี้ เป็นปัจจัยที่จะทำให้เด็กเก็บเมล็ดพันธ์แห่งความทรงจำ วันแล้ววันเล่าเข้าไปในห้วงลึกของจิตใจ เป็นห้วงมหรรณพของจิตใจ ซึ่งเด็กจะเก็บประสบการณ์ต่าง ๆ ไว้อย่างไม่มีวันจบสิ้น ความทรงจำที่เก็บไว้นั้น ไม่ใช่เป็นความทรงจำเฉพาะเนื้อเรื่องแต่จะมีความทรงจำด้านอารมณ์ ซึ่งผมขอใช้คำว่า “ เมล็ดพันธ์ของอารมณ์ ” เข้าไปด้วยเสมอ

 

 

เรื่องราวที่มีอารมณ์มาก มีความรู้สึกมาก มีทัศนคติเข้าไปเกี่ยวข้องมาก เรื่องนั้นจะถูกเก็บอย่างละเอียด ชัดเจน เก็บนาน ไม่คลายตัวหรือลืมเลือนไปง่าย ๆ

 

 

โดยเฉพาะเมล็ดพันธ์แห่งความโกรธ ความไม่พอใจ ความทุกข์ใจ ความขมขื่น การถูกลบหลู่เหยียดหยาม ยิ่งถ้าเป็นการถูกเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ อารมณ์แค้นเคืองจะเก็บสะสมไว้นาน

 

 

เด็ก ๆ ที่ไม่มีความสุขในชีวิต “ แม้จะเกิดจากความปรารถนาดีของพ่อแม่ ” ก็ตาม ซึ่งเป็นความปรารถนาดีตามความคิดและความพึงพอใจของผู้ใหญ่ เด็กจะค่อย ๆ สะสมเมล็ดพันธุ์ของความโกรธไว้อยู่เรื่อย ๆ อยู่เนือง ๆ อยู่ตลอดเวลา เมล็ดพันธุ์ของอารมณ์เหล่านี้ไม่หายไปไหน แต่จะเติบโต เติบใหญ มีกำลังกล้าขึ้นในจิตใจ เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นก็อาจเป็นปัจจัยพอเหมาะให้เมล็ดพันธุ์ของอารมณ์ที่เก็บสะสมไว้เพิ่มพลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างท่วมท้น จนปะทุออกมาได้อย่างน่ากลัว จนเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง ต่อสังคมและต่อเจ้าของเมล็ดพันธุ์ของอารมณ์เอง

 

 

เป็นภาวะที่มีอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลหรือมีอารมณ์เป็นเจ้าแห่งปัญญา

 

 

ตัวอย่างของวัยรุ่นเกาหลีที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญในอเมริกานั้น พอจะวิเคราะห์ได้ว่าในวัยเด็กใช้ชีวิตในสังคมอเมริกาอย่างไม่มีความสุข ไม่เป็นที่ภาคภูมิใจเหมือนอย่างเด็กเจ้าของประเทศ    เมล็ดพันธุ์ของอารมณ์ที่ไม่มีความสุขจึงสะสมอยู่โดยตลอดและเมื่อถึงภาวะหนึ่งที่กระตุ้นให้เขารู้สึกว่าถูกกดดันอย่างท่วมท้น เมล็ดพันธุ์แห่งความโกรธจึงปะทุและระเบิดเป็นอารมณ์ได้อย่างรุนแรง   กว้างขวางและทำลายร้าง

 

 

วัตถุประสงค์ที่ผมเขียนบทความนี้ก็เพื่อกระตุ้นเตือนว่าเราที่เป็นผู้ใหญ่ต้องระวังในการเลี้ยงดูที่ควรจะหลีกเลี่ยงความรุนแรง หลีกเลี่ยงความเหยียดหยามดูถูก หลีกเลี่ยงการบังคับกดดันจนเกินไป    เพื่อที่เราจะได้ไม่เพาะเมล็ดพันธุ์ของความโกรธให้กับลูกของเรา

 

 

จะเห็นว่าผมเน้นคำว่า อย่างเกินไป อย่างมากมายที่เราควรหลีกเลี่ยง แต่ผมไม่ได้สนับสนุนให้ตามใจเด็ก เรายังคงต้องฝึกให้เด็กมีความอดทน มีระเบียบ มีความรับผิดชอบได้    แม้จะเป็นความกดดันแต่ถ้าเป็นความกดดันน้อย ๆ ก็เป็นความกดดันที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาวุฒิภาวะของเด็ก

(Some images used under license from Shutterstock.com.)