© 2017 Copyright - Haijai.com
ยิ่งโลกร้อน โรคร้ายยิ่งกลายพันธุ์
ไปไหนมาไหนใครๆ ก็พูดถึงแต่เรื่องโลกร้อนกันทั้งนั้น อากาศแปรปรวน สิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติทุกอย่างดูจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง แต่ก็ยังดีค่ะที่มีหลายฝ่ายออกมาร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนช่วยกันประหยัดฟลังงานลดภาวะโลกร้อน เพื่อรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นเท่าที่จะทำได้ แต่ยังมีอีกอย่างค่ะที่ดูจะรุนแรงเพิ่มขึ้นมาตามอุณหภูมิของโลก โรคร้ายต่างๆ นั่นเอง สำหรับผู้ใหญ่อาจจะพอต้านทานเชื้อโรคบางตัวที่รุนแรงขึ้นได้ แต่เด็กๆ นี่สิคะอาจจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กๆ จากภาวะโลกร้อน
เนื่องจากประเทศไทยอยู่แถบภูมิอากาศร้อนอยู่แล้ว ภาวะโลกที่จะร้อนขึ้นอาจยังไม่ชัดเจนสำหรับโรคใหม่ๆ มากนัก แต่จำนวนความถี่ของโรคที่มีอยู่เก่าอาจจะเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเรื่องยุง แมลงวัน หรือแมลงต่างๆ อาจจะมีการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนแปลงในเขตจังหวัดหรือภูมิภาคได้ ดังนั้น ประเทศไทยคงต้องเตรียมการเปลี่ยนแปลงจากโรคที่มีแมลงเป็นพาหะจะเพิ่มมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้น รวมทั้งโรคภูมิแพ้ที่มีสาเหตุใหญ่ๆ มาจากอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนไปด้วยสารก่อภูมิแพ้
เชื้อโรคกลายพันธุ์จากแมลง
ช่วงระยะเวลาของอากาศร้อนและเย็นหรือฝนที่เปลี่ยนไปในอนาคตจะส่งผลให้พืชหลายอย่างให้ผลผลิตที่ต่างไปจากเดิมได้ รวมทั้งการแพร่ระบาดของแมลงศัตรูพืชหลายชนิด โรคที่มีแมลงเป็นพาหะ อาจมีการแพร่ระบาดมากขึ้น เนื่องจากวงจรชีวิตของแมลงที่เปลี่ยนไปตามสภาพภูมิอากาศ โดยเชื้อโรคจะมีโอกาสกลายพันธุ์ได้ และอาจร้ายแรงถึงขั้นที่เป็นโคระบาดและไม่มียารักษา โดยเฉพาะโรคที่มาจากยุงซึ่งเป็นโรคที่อัตนตรายและทำให้เด็กไทยเสียชีวิตในอันดับต้นๆ อย่างไข้เลือดออก ช่วงนี้หน้าฝนถือเป็นฤดูกาลระบาดของไข้เลือดออก หลังจากที่โลกเปลี่ยนแปลงไปจากสภาวะโลกร้อนั้นพบว่ายุงลายจากแต่เดิมที่เคยออกมากินเพียงในเวลากลางวัน พบว่าปัจจุบันมีจำนวนของยุงลายที่ออกหากินไปเวลากลางคืนและพลบค่ำมากขึ้น นั่นก็เท่ากับว่าโอกาสที่เด็กๆ จะได้รับเชื้อไข้เลือดออกจากยุงลายย่อมมีสูงขึ้น
ภูมิแพ้ต้องระวัง
สภาพอากาศปัจจุบันโรคภูมิแพ้มีมากอยู่แล้ว โดยในเด็กและเยาวชนเป็นภูมิแพ้ในจมูกร้อยละ 20-40 หอบหืดร้อยละ 4-13 จากมลพิษในอากาศโดยเฉพาะของกรุงเทพที่ขณะนี้ ถือว่าเข้าข่ายวิกฤติมลพิษและนักวิทยาศาสตร์คาดคะเนไว้ว่า หากมลพิษยังเป็นเช่นนี้ อีกไม่เกิน 20ปีหรืออาจะไม่ถึง 20ปี โลกจะต้องถึงขั้นวิกฤติอย่างแน่นอน ประชาชนอาจจะต้องซื้อออกซิเจนหายใจ และถ้ามีไรฝุ่นมากซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้มากที่สุด และไรฝุ่นชอบอยู่ในที่ร้อนและชื้นคงมีตัวเลขคนเป็นภูมิแพ้มากขึ้น ถ้าอุณหภูมิเพิ่มขึ้น ไรฝุ่นจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น สปอร์เชื้อราจะมีการเปลี่ยนแปลง ละอองเกสรหญ้าซึ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดภูมิแพ้ก็มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล้อมก็จะกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้มากขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงยังต้องการการวิจัยว่าถ้าร้อนขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส จะเป็นอย่างไรคะ ส่วนที่ชัดเจนคือ ภูมิแพ้ผิวหนังเพราะเมื่ออากาศร้อนเหงื่อออกมากขึ้น จะกระตุ้นให้คนที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังมีอาการมากขึ้นค่ะ
โรคอื่นๆ ที่จะตามมา
อากาศที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศแบบนี้ การเจ็บป่วยเกิดขึ้นมาได้กับทุกเพศทุกวัยไม่เฉพาะกับเด็กๆ เท่านั้น ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป จากความร้อนความแห้งแล้ง จะเกิดไฟไหม้ป่า ทำให้เกิดควัน เหมือนที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของไทย เมื่อคนสูดดมไปจะทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ ไอ หอบ เหนื่อย หายใจไม่ค่อยออก และเมื่อความแห้งแล้งเกิดขึ้นภาวะทุพโภชนาการหรืออาหารไม่เพียงพอต่อการบริโภคก็จะเกิดขึ้น คนจะขาดอาหารขาดน้ำ จะทำให้เกิดโรคที่เกิดจากการขาดอาหารและน้ำ ถ้าอากาศทำให้พื้นที่เกิดมีน้ำท่วมใหญ่ จะมีภัยจากโรคที่เกิดจากน้ำท่วมใหญ่ เช่น โรคฉี่หนู โรคน้ำกัดเท้า โรคที่มากับน้ำ ท้องเดินท้องเสีย
ป้องกันโรคจากภาวะโลกร้อนให้ลูก
• ดูแลสุขภาพของลูกให้มีร่างกายแข็งแรง
• รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่
• ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอพอควร
• อารมณ์ดีเพราะอากาศร้อนจะทำให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวได้ง่าย
• มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ค่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ในภาวะอากาศปกติ เด็กๆ ก็ป่วยด้วยโรคต่างๆ กันอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเชื้อโรคต่างๆ ที่มากับภาวะโรคร้อนก็ยิ่งต้องห่วงใยดูแลสุขภาพกันหน่อย ไม่ใช่เฉพาะเด็กๆ ค่ะ ผู้ใหญ่ก็ต้องดูแลด้วย ช่วงนี้ถ้ามีโอกาสที่จะช่วยหรือลดภาวะโลกร้อนไม่ว่าจะด้วยวิธีใด จงทำเถอะค่ะอย่ารีรอ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)