Haijai.com


เรียนรู้การคลอดลูกและวิธีคลอดบุตร


 
เปิดอ่าน 4733

Childbirth Classes เรียนรู้การคลอดลูกและวิธีคลอดบุตร

 

 

การคลอดถือเป็นเรื่องธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คุณแม่จึงอาจจะรู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องมีการเตรียมตัวสำหรับการคลอด แต่คลาสสำหรับการเตรียมตัวคลอดมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่เข้าใจและสามารถตัดสินใจเลือกวิธีการคลอดแบบที่ต้องการได้

 

 

ความเจริญก้าวหน้าของอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนที่ใช้ในการรักษาและวิธีต่างๆ ที่ใช้ในการช่วยลดความเจ็บปวด  ทั้งสองสิ่งนี้เป็นเสิ่งที่คุณแม่จะต้องรู้ถึงข้อดีและความเสี่ยงที่จะอาจจะเกิดขึ้น เพราะคุณแม่อาจจะต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วในช่วงที่กำลังเจ็บท้องคลอด ซึ่งคุณแม่จะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่จะต้อง
ตัดสินใจนั้น

 

 

What a class can do for you

 

สิ่งแรกและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คลาสสำหรับการเตรียมตัวคลอดให้โอกาสที่ดีกับคุณแม่ในการเรียนรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การไปพบ healthcare provider นั้นคุณต้องพูดคุยอย่างเร่งรีบ และพวกเขาจะจบการสนทนาก่อนที่คุณจะได้รู้สิ่งที่ต้องการรู้  และคำถามที่คุณถามอาจจะยังไม่ได้รับคำตอบในทันที แต่คลาสเตรียมตัวสำหรับการคลอดนั้นจะจัดให้คุณได้ซักถามทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ และถ้าคุณลืมถามคำถามที่สำคัญๆ ไป คุณแม่คนอื่นๆ จะช่วยทำให้คุณนึกได้  เป้าหมายของการให้ความรู้เกี่ยวกับการคลอดคือการช่วยให้คุณแม่เตรียมพร้อมรับประสบการณ์การคลอดที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้คุณมองภาพออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณบ้างทั้งในด้านร่างกายและด้านจิตใจ  นอกจากนี้ยังมีการสาธิตและให้คุณแม่ฝึกหัดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

 

การได้พบกันเป็นกลุ่มในคลาสจะช่วยให้คุณแม่มีกำลังใจมากขึ้นเพราะได้พบกับคุณแม่คนอื่นๆ ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพราะฉะนั้นก็จะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ลุกคนจะยินดีรับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ  คลาสเตรียมตัวคลอดยังเป็นสถานที่ที่เหมาะจะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ที่กำลังสนใจในเรื่องเดียวกัยนั่นคือการเลี้ยงดูลูกและการเตรียมตัวเป็นคุณแม่

 

 

การพาสามีไปเข้าเรียนในคลาสด้วยก็นับว่ามีประโยชน์เช่นกัน เพราะมันจะช่วยให้เขาเข้าใจว่าควรจะปฎิบัติและช่วยเหลือคุณอย่างไรบ้างทั้งในช่วงที่คุณกำลังตั้งครรภ์และช่วงเตรียมตัวคลอด การเตรียมตัวเป็นคุณแม่มือใหม่เป็นช่วงที่อารมณ์ความรู้สึกเจริญงอกงาม ทั้งของตัวคุณเอง สามี  และความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่  ครูผู้สอนที่ดีในคลาสจะไม่ลืมนึกถึงสิ่งนี้และจะช่วยแนะนำให้คุณสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น

 

 

What you’ll learn

 

คลาสเตรียมตัวคลอดโดยทั่วไปจะเริ่มเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ระหว่าง 28 – 32 สัปดาห์  ซึ่งขึ้นอยู่ที่ว่าคุณมีความรู้สึกอย่างไรและต้องการอะไร คุณอาจจะไปเข้าร่วมคลาสหลายสัปดาห์ หรืออาจจะไปเพื่อทบทวนความรู้เพียงแค่ครั้งเดียวก็ได้ คลาสเตรียมตัวคลอดส่วนใหญ่จะจัดในช่วงเย็นและในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีพยาบาลผดุงครรภ์เป็นผู้สอน แม้ว่าจุดที่เน้นย้ำของแต่ละคลาสจะมีความแตกต่างกันไปบ้าง ตุ่กคลาสจะครอบคลุมหลักการพื้นฐานทั้งหมด ได้แก่ เกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงเจ็บท้องคลอดและช่วงคลอด เมื่อไหร่ที่ควรจะโทรหา healthcare provider  เทคนิคการผ่อนคลายและการหายใจ  การช่วยบรรเทาความเจ็บปวด การผ่าคลอด และ การดูแลทารกแรกเกิด

 

 

Choosing a class

 

คุณแม่สามารถปรึกษาคุณหมอ พยาบาลผุงครรภ์ เพื่อน  หรือ คนในครอบครัว ให้ช่วยแนะนำ และดูว่ามีคลาสไหนบ้างที่อยู่ใกล้บ้าน  โดยปกติ Health service classes จะมีอยู่ในโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพ และ doctors’ surgeries ซึ่งจะทำการสอนโดยพยาบาลผดุงครรภ์ หรือ health visitors ซึ่งบางครั้งก็จะมีคุณหมอเข้ามาให้ความรู้ในกรณีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ซึ่งคลาสเหล่านี้จะไม่คิดค่าบริการแต่จะสอนเป็นกลุ่มใหญ่  ซึ่งอาจจะเป็นการยากที่จะทำความรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่คนอื่นๆ ที่เราอยากทำความรู้จักด้วย

 

 

คลาสเตรียมตัวคลอดที่เป็นส่วนตัวมักจะจัดขึ้นที่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งหรือในชุมชนที่มีการจัดเตรียมไว้ ลำการสอนโดยครี่ได้รับการฝึกอบรมมาจากองค์กรที่เป็นผู้จัดคลาส ซึ่งอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือทำงานด้านสุขภาพหรือไม่ก็ได้ ซึ่งบางแห่งจะอนุญาตให้คุณทดลองเข้าไปนั่งฟังในคลาสเพื่อดูว่าคลาสนี้เหมาะกับคุณหรือไม่  คลาสลักษณะนี้จะมีผู้ร่วมคลาสประมาณ 5 – 7 คู่ ซึ่งมากพอที่จะทำการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในขณะเดียวกันก็มีขนาดเล็กพอที่ทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง

 

 

Finding the right teacher

 

คุณครูที่สอนในคลาสเตรียมตัวคลอดที่เป็นส่วนตัวจำนวนมาก จะพูดเข้าใกล้หัวข้อที่เฉพาะเจาะจงหรือเรื่องที่เกี่ยวกับหลักปรัชญา เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องมองหาครูที่จะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับการเตรียมตัวคลอดของคุณ ในขณะเดียวกันการได้เข้าไปเรียนรู้ในคลาสที่มีความแตกต่างกันอย่างเปิดใจ จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้การเข้าถึงช่วงเวลาเจ็บท้องคลอดและเวลาคลอดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ข้อมูลและสามารถวางแผนและเลือกวิธีการคลอดที่เหมาะกับคุณได้ง่ายขึ้น

 

 

 National Childbirth Trust ()NCT) เป็นคลาสที่สอนโดยคุณครูที่ได้รับการฝึกอบรบเรื่องการเตรียมตัวก่อนคลอดจาก NCT โดยจะสอนในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด แต่ละคลาสจะจัดเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยจะให้ข้อมูลที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และเปิดโอกาสให้คู่สามีภรรยาได้พูดถึงความรู้สึกของตนเอง

 

 

 Active Birth จะเน้นเกี่ยวกับโยคะและวิธีการผ่อนคลายของของคุณแม่ตั้งครรภ์ และการคลอดในน้ำ คลาสประเภทนี้จะเน้นไปที่การเตรียมตัวคลอดในสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัย

 

 

 Lamaze International Inc สอนเรื่องการเตรียมตัวคลอดโดยคุณครูที่ได้รับใบรับรองจาก  Lamaze ซึ่งสนับสนุน active birth และ การฝึกหายใจเพื่อเบียงเบนความสนใจจากอาการเจ็บท้องคลอด

 

 

 Bradly Certification คลาสนี้จะมุ่งเน้นไปที่การให้สามีเป็นผู้คอยช่วยเหลือ, การคลอดธรรมชาติ, ความสำคัญของอาหารที่คุณแม่รับประทาน, การบริหารร่างกายในช่วงก่อนคลอด และ การรับมือกับอาการเจ็บท้องคลอด

 

 

คลาสที่สอนเป็นการส่วนตัวนี้ส่วนใหญ่จะสอนในช่วง 2-3 สัปดาห์สุดท้ายก่อนคลอด โดยจะใช้เวลาเรียน 6 – 8 ครั้ง

 

 

รู้หรือไม่ การศึกษาเกี่ยวกับการคลอดเอาไว้ก่อนจะช่วยให้คลอดง่ายขึ้น จากผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า โดยเฉลี่ยแล้วว่าที่คุณแม่ที่เข้าเรียนคลาสเตรียมตัวคลอดจะคลอดได้ง่ายกว่า และมีสุขภาพที่ดีกว่าคุณแม่ที่ไม่ได้เข้าเรียน  บรรดาคุณแม่ที่เข้าเรียนจะเจ็บท้องคลอดสั้นกว่า ใช้ยาน้อยกว่า  และมีความเป็นไปได้มากว่าที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 

 

Deciding where to give birth

 

คุณแม่บางคนอาจจะต้องการคลอดลูกในโรงพยาบาลเพื่อที่จะได้รับการดูแลรักษาด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ในขณะที่บางคนต้องการคลอดลูกในบรรยากาศสบายๆ เช่นที่ midwife-led unit  หรือที่บ้าน แต่สิ่งที่สำคัญก็คือคุณต้องรู้ทางเลือกทั้งหมดเพื่อที่คุณจะได้ตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะกับคุณได้

 

 

จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าคุณแม่จะประสบความสำเร็จและพึงพอใจในการคลอดมากที่สุดหากมีความสัมพันธ์อันดีกับ healthcare provider  และมีส่วนตัดสินใจในการเลือกวิธีคลอด การตัดสินใจแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณมีเวลาที่จะเรียนรู้และประสบความสำเร็จในการคลอดได้

 

 

Hospital Care

 

ในสหราชอาณาจักร เด็กทารก 97% คลอดในโรงพยาบาล การคลอดในโรงพยาบาลหมายถึง การที่คุณจะได้รับการช่วยเหลือด้วยเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งทำให้คุณมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้าเป็นการคลอดครั้งแรก การคลอดในโรงพยาบาลจะมีผู้เชี่ยวชาญเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาหากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้น และคุณจะได้รับการช่วยเหลือเพื่อบรรเอาการเจ็บท้องคลอดซึ่งอาจจะบรรเทาเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด นอกจากนี้หากมีความจำเป็นก็สามารถตัดสินใจผ่าคลอดได้ทันที  แต่ถ้าคุณต้องการการดูแลแบบในโรงพยาบาล  แต่ให้มีการแทรกแซงในการรักษาพยาบาลน้อยที่สุด คุณก็ควรเลือก midwife – led care อยู่ในโรงพยาบาล

 

 

Choosing a hospital

 

หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักรที่ไม่มีอาการแทรกซ้อนจะได้รับการดูแลในช่วงก่อนคลอดจาก midwife และ GP  โดยจะมีการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลท้องถิ่นในกรณีที่จำเป็นต้องมีการสแกนต่างๆ การตรวจ 1 – 2 ครั้งก่อนคลอด และตอนคลอด เท่านั้น ซึ่งคุณสามารถเลือกโรงพยาบาลได้ตามต้องการ ดังนั้นคุณควรจะไปเยี่ยมเยียน local maternity units และขอคำแนะนำจาก GP, พยาบาลผดุงครรภ์ และ เพื่อนๆ ที่เพิ่งมีลูก ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือก  ถ้าคุณมีปัญหาในระหว่างตั้งครรภ์ หรือการคลอดครั้งก่อน  คุณน่าจะมีการติดต่อกับสูตินรีแพทย์หรือพยาบาลผดุงครรภ์เอาไว้แล้ว ดังนั้นคุณจึงมีแนวโน้มที่จะต้องคลอดในโรงพยาบาลหรือ unit ที่อยู่ในเครือ

 

 

การคลอดในหลายๆ โรงพยาบาลมักจะทำในห้องคลอดพิเศษใน unit คลอดลูก ซึ่งเป็นห้องที่คุณพักอยู่ในขณะที่เจ็บท้องคลอด คลอดลูก และ พักรักษาตัว รวมทั้ งหมดในห้องเดียว ในบางโรงพยาบาล คุณจะได้อยู่ในห้องเดิมจนกว่าจะกลับบ้านได้

 

 

Questions to ask at the hospital

 

การหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่คุณจะไปคลอดให้มากที่สุดนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ  คุณควรถามเกี่ยวกับอัตรการผ่าคลอดและทัศนะคติของโรงพยาบาล นอกจากนี้คุณควรจะรู้เกี่ยวกับความสะดวกสบายในการจอดรถ แผนที่ทางไปโรงพยาบาล และ หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญๆ  การได้สำรวจโรงพยาบาลก่อนก็เป็นสิ่งที่ควรทำ

 

 

สำหรับคำถามที่คุณควรจะถามกับทางโรงพยาบาลมีดังนี้

 

 

 คุณสามารถเดินไปไหนมาไหนขณะที่รอคลอดได้หรือไม่ หรือจะต้องนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น

 

 

 ทางโรงพยาบาลจะใช้ fetal monitoring  อย่างต่อเนื่องหรือไม่

 

 

 ทางโรงพยาบาลจะทำการเปิดถุงน้ำคร่ำในช่วงที่เจ็บท้องคลอดหรือไม่

 

 

 คุณสามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำขณะรอคลอดได้หรือไม่

 

 

 คุณสามารถให้ญาติเข้าไปให้กำลังใจในห้องคลอดได้กี่คน

 

 

 ถ้าคุณต้องการจะคลอดในน้ำ ทางโรงพยาบาลมีบริการไหม และจะมีพยาบาลผดุงครรภ์ที่มีประสบการณ์มาคอยให้ความช่วยเหลือหรือไม่

 

 

 โรงพยาบาลมีบริการ epidural ตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่

 

 

การคลอดลูกที่บ้าน

 

 

คุณแม่บางคนเลือกที่จะคลอดที่บ้านเพราะต้องการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยพร้อมกับสามีและสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวที่มาคอยให้กำลังใจ บางคนเลือกที่จะคลอดที่บ้านเพราะไม่ต้องการให้การวิธีการทางการแพทย์เข้ามาแทรกแซงในขณะคลอด

 

 

แม้ว่าคุณจะได้รับอนุญาตให้คลอดที่บ้านได้ แต่ความขาดแคลนพยาบาลผดุงครรภ์ในบางพื้นที่ อาจทำให้การคลอดในลักษณะนี้ประสบความสำเร็จได้ยาก  ถ้าคุณต้องการที่จะคลอดที่บ้านคุณต้องปรึกษากับ GP (General practitioner) เพราะเขาหรือเธอมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลคุณ GP บางคนจะไม่เห็นด้วยกับการคลอดที่บ้านเพราะคิดว่าคุณและลูกน้อยจะปลอดภัยกว่าถ้าคลอดในโรงพยาบาล แต่ผลการศึกษาจำนวนมากสรุบว่าการคลอดที่บ้านมีความปลอดภัยสำหรับคุณแม่ที่มีสุขภาพร่างกายเป็นปกติ มีความเสี่ยงต่ำ และคลอดในที่ที่มีเครื่องมือพร้อม

 

 

ถ้า GP ของคุณไม่สนับสนุนการคลอดที่บ้าน  และครรภ์ของคุณเป็นปกติดี คุณสามารถติดต่อหัวหน้าพยาบาลผดุงครรภ์ที่โรงพยาบาลในพื้นที่ของคุณ ซึ่งเป็นผู้ที่สามารถจัดการเกี่ยวกับการคลอดที่บ้านให้คุณได้ หากผู้ดูแลครรภ์ของคุณไม่สนับสนุนให้ทำการคลอดที่บ้าน แต่ครรภ์ของคุณมีความเป็นปกติดี คุณสามารถติดต่อกับหัวหน้าพยาบาลผดุงครรภ์ในโรงพยาบาลเพื่อให้ช่วยจัดการทำคลอดที่บ้านให้คุณได้ ในพื้นที่ส่วนใหญ่ พยาบาลผดุงครรภ์จะเป็นผู้ที่คอยดูแลช่วยเหลือเพื่อให้คุณสามารถคลอดที่บ้านได้ The National Childbirth Trust  ก็ดำเนินการสนับสนุนการคลอดที่บ้านเช่นกันและสามารถให้ข้อมูลแก่คุณได้

 

 

Support Measure for Labour

 

แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าคุณจะต้องพบกับอาการอย่างไรในช่วงเจ็บท้องคลอดและคลอดแบบไหน แต่มีวิธีตั้งมากมายที่คุณสามารถทำเพื่อให้คุณได้พบกับประสบการณ์การคลอดที่ดี  ซึ่งมันก็เป็นเพียงคำถามที่คุณต้องทำการบ้านเท่านั้นเอง

 

 

ตอนนี้คือเวลาที่คุณควรจะตัดสินใจว่าคุณจะเลือกคลอดกับใคร วิธีบรรเทาอาการเจ็บปวดแบบไหนที่คุณต้องการ และ ใครเป็นคนที่คุณต้องการให้อยู่ด้วยมากที่สุดในช่วงเวลาที่สำคัญ

 

 

Your birth attendants

 

ใครที่จะเป็นผู้ดูแลและทำคลอดให้กับคุณก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกที่จะคลอดที่ไหน ในช่วงตั้งครรภ์คุณมีปัญหาอะไรบ้าง รวมทั้งความยากง่ายในการคลอดของคุณ

 

 

Obstetrician สูตินรีแพทย์

 

สูตินรีแพทย์เป็นผู้ที่ดูแลการตั้งครรภ์ การเจ็บท้องคลอด และ การคลอด สูตินรีแพทย์เป็นแพทย์ของโรงพยาบาลผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว เขาหรือเธอจะเป็นหัวหน้าทีมที่ประจำการอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งประกอบด้วยพยาบาลผดุงครรภ์ นางพยาบาล และ แพทย์คนอื่นๆ ที่จะเป็นผู้ดูแลก่อนคลอดและทำคลอดให้กับคุณ  โดยปกติสูตินรีแพทย์ที่เป็นที่ปรึกษาจะเข้าไปช่วยเหลือในกรณีที่คลอดยากเท่านั้น

 

 

ถ้าครรภ์ของคุณมีความเสี่ยงสูง เช่น มีอาการชักและโคม่าขณะตั้งครรภ์เนื่องจากโลหิตเป็นพิษ (pre - eclampsia) คุณจะต้องได้รับการดูแลจากสูตินรีแพทย์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับผู้ตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อว่า Maternal fetal medical specialist

 

 

General practitioner / family doctor

 

GP และ family doctor จะหมายถึงแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะฝึกหัดแพทย์ทั่วไปหลังจากที่จบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์แล้ว การฝึกหัดโดยทั่วไปจะรวมถึงการทำคลอดด้วย ดังนั้น GP ของคุณอาจจะสามารถเป็นผู้ช่วยทำคลอดให้คุณได้ทั้งที่บ้านและที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม GP จำนวนมากได้หยุดที่จะช่วยทำคลอดเพราะรู้สึกว่าพยาบาลผดุงครรภ์มีประสบการณ์มากกว่าและสามารถทำคลอดได้ดีกว่า และยังมีเวลาในการดูแลคุณแม่ในช่วงเจ็บท้องคลอดและช่วงคลอดมากกว่าด้วย 

 

 

พยาบาลผดุงครรภ์ (Midwife)

 

ความเชื่อที่ว่าร่างกายของผู้หญิงถูกสร้างมาเพื่อให้คลอดลูกเป็นแนวคิดสำคัญของการผดุงครรภ์  จึงทำให้พยาบาลผดุงครรภ์มีแนวโน้มที่จะทำคลอดแบบธรรมชาติมากกว่าผู้ทำคลอดอื่นๆ ซึ่งคุณแม่ๆ ก็มีแนวโน้มอย่างมากที่จะต้องการการดูแลจากพยาบาลผดุงครรภ์ เพราะเป็นการดูแลที่สอดคล้องกับธรรมชาติการคลอดของผู้หญิง จากผลการศึกษาของสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่มีสุขภาพดีที่ตั้งครรภ์ปกติไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ และเลือกที่จะให้พยาบาลผดุงครรภ์เป็นผู้ดูแลนั้นจะมีผลการคลอดเป็นที่น่าพอใจ มีอาการแทรกซ้อนน้อย และมีอัตราการผ่าคลอดต่ำ

 

 

อาชีพพยาบาลผดุงครรภ์เป็นอาชีพที่มีการควบคุมดูแลอย่างเคร่งครัดเพื่อปกป้องประชาชนจากบุคคลที่ไม่มีความสามารถอย่างแท้จริง  พยาบาลผดุงครรภ์จะต้องเข้ารับการอบรมหลักสูตรอนุปริญญาหรือปริญญาเป็นเวลา 3 – 4 ปี  หลังเรียนจบหลักสูตรแล้วจะต้องไปลงทะเบียนกับ Nursing and Midwifery Council และต้องรับผิดชอบการฝึกหัดด้วยตนเอง และต้องมีความรับผิดชอบตามกฏหมายที่จะต้องอัพเดทความรู้ให้ทันสมัยอนู่เสมอ พยาบาลผดุงครรภ์ทุกคนจะมีชื่อของผู้ควบคุมดูแลซึ่งจะเป็นผู้ช่วยอัพเดทความรู้ให้และเพื่อรับรองว่าการฝึกของพวกเธอนั้นมีความปลอดภัย 

 

 

พยาบาลผดุงครรภ์จะทำงานในโรงพยาบาลและใน smaller stand alone maternity unit  มีการฝึกหัดเป็นกลุ่มกับ GP  สามารถทำคลอดให้คุณที่บ้านได้ ตราบใดที่การตั้งครรภ์และการคลอดของคุณไม่มีปัญหายุ่งยากซับซ้อน พยาบาลผุงครรภ์สามารถดูแลคุณตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ไปจนถึงตอนคลอด       

 

 

พยาบาลผดุงครรภ์อาจสามารถดูแลรับผิดชอบ pre – conception, ดูแลช่วงก่อนคลอด และ ช่วงหลังคลอด เช่นเดียวกับการดูแลทารกแรกเกิดทั้งในดรงพยาลและหลังจากกลับบ้านไปแล้ว พยาบาลผดุงครรภ์ส่วนใหญ่จะฝึกหัดภายใน NHS, ทำงานร่วมกับพยาบาลผดุงครรภ์คนอื่นๆ ในทีมซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพและเจ้าหน้าที่ที่คอยให้ความช่วยเหลือ

 

 

พยาบาลผดุงครรภ์อิสระ (Independent midwives)

 

มีพยาบาลผดุงครรภ์บางคนที่ลงทะเบียนกับ NHS แต่ทำงานเป็นอิสระนอก NHS ซึ่งจะเป็นที่รู้จักในชื่อว่าพยาบาลผดุงครรภ์อิสระ โดยจะดูแลการตั้งครรภ์และการคลอดทุกรูปแบบ  และทำงานบางอย่างใน specialist units ส่วนตัว  พยาบาลผดุงครรภ์อิสระจะได้รับสิทธิในการเข้าพบสูตินรีแพทย์ในดรงพยาบาลท้องถิ่น ถ้าคุณตัดสินใจจะว่าจ้างพยาบาลอิสระ คุณควรจะสอบถามราคาค่าจ้าง ประสบการณ์การทำงาน และ ความพร้อมของอุปกรณ์ในการช่วยเหลือกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

 

 

Pain relief in labour

 

การหาความรู้เกี่ยวกับวิธีต่างๆ ที่ใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดที่คุณอาจจะต้องใช้ในช่วงคลอดนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการเลือกของคุณจะให้ผลที่แตกต่างอย่างมากในการคลอด คุณควรจะเปิดใจให้กว้างเพื่อยอมรับและปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้น  วิธีที่ใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดโดยทั่วไปคือการใช้ยาบรรเทาปวดช่วยคลายความเจ็บปวด, การให้ยาชาเพื่อระงับความรู้สึก  และการใช้ยาระงับประสาเพื่อช่วยให้คุณสงบลง

 

 

ยาชาเฉพาะที่สามารถใช้ในช่วงคลอดและมักจะใช้สำหรับ epidural insertion, การตัดเพื่อขยายปากช่องคลอด และ pudendal blocks. สำหรับเคนิคในการบรรเอาการปวดโดยไม่ใช้ยาก็มีหลายวิธี เช่น การผ่อนคลายและเทคนิคการหายใจ การประคบร้อนและเย็น การฝังเข็ม เป็นต้น

 

 

Analgesics

 

ยาที่ใช้สำหรับฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อหรือที่เส้นเลือดดำ จะช่วยให้อาการปวดลดลงและจะทำให้คุณรู้สึกง่วงถ้าตัวยามีส่วนผสมของยาเสพติด Pethidine เป็นยาบรรเทาปวดในช่วงเจ็บท้องคลอดที่ใช้กันโดยทั่วไปเป็นส่วนใหญ่ โดยสามารถฉีดเข้าที่สะโพกหรือเส้นเลือดดำขณะที่อาการเจ็บท้องคลอดเริ่มขึ้น ยาชนิดนี้สามารถช่วยได้อย่างมากเมื่ออาการเจ็บท้องคลอดนั้นยืดเวลาออกไปซึ่งทำให้รู้แม่รู้สึกไม่สบายตัว นอกจากนี้ยายังช่วยให้คุณได้พักผ่อนเพื่อเก็บแรงเอาไว้ใช้ตอนคลอด โดยยาอาจจะทำให้คุณรู้สึกง่วงซึ่งจะทำให้คุณสามารถรับมือกับช่วงเวลาเจ็บท้องคลอดได้ดีขึ้น แต่ผลเสียของยาประเภทนี้ก็คือคุณจะไม่สามารถลุกขึ้นยืนและเดินได้ในช่วงที่กำลังเจ็บท้องคลอด เพราะยาจะมีผลทำให้คุณไม่สามารถยืนทรงตัวได้ นอกจากนี้คุณอาจจะไม่ชอบที่ยาทำให้คุณรู้สึกง่วงและควบคุมตัวเองไม่ได้  และหากให้ Pethidine ในช่วงใกล้คลอดก็จะส่งผลให้ทารกมีอาการง่วงซึม กินนมได้ช้าและมีปฏิกิริยาโต้ตอบช้า นอกจากนี้ยังอาจทำให้การหายใจแย่ลงจนารกต้องการออกซิเจนเพิ่ม ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทารกจะมีผลอยู่นานกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคุณ  เนื่องจากระบบการกำจัดยาออกจากร่างกายนั้นยังไม่สมบูรณ์  การรักษาด้วยยาสามารถทำได้หลังคลอดเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

 

 

Natural forms of pain relief

 

ถ้าคุณไม่ต้องการใช้ยาช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหรือใช้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณควรจะลองวิธีธรรมชาติที่ใช้บรรเทาปวด ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้ยาชา การช่วยเหลือของสามี เช่น การนวด การประคบอุ่น จะช่วยให้ร่างกายของคุณผ่อนคลาย และเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น

 

 

ทางเลือกในการบำบัดอย่างเช่น การสะกดจิต หรือ reflexology กำลังเป็นที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่คุณแม่ที่อยู่ในช่วงเจ็บท้องคลอด ยกตัวอย่างเช่น การฝังเข็ม ที่ได้มีการปฏิบัติกันมานับหลายพันปีในซีกโลกตะวันออก มีหลักการทำงานก็คือสร้างความสมดุลย์ของพลังงานให้กับร่างกายทุกส่วน โดยใช้เข็มที่มีความเรียวบางฝังเข้าไปตามจุดต่างๆ ในผิวหนัง  วิธีนี้สามารถใช้ในช่วงระหว่างเจ็บท้องคลอดเพื่อเพิ่มหรือลดการบีบรัดตัวของมดลูก  ควบคุมอาการเจ็บปวด และช่วยให้ทารกสามารถเคลื่อนตัวออกมาได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้วิธีไหน คุณควรจะปรึกษากับ healthcare provider ของคุณก่อน และต้องมั่นใจว่าได้ผู้บำบัดที่มีความสามารถอย่างแท้จริง และคุณควรจะได้พบกับผู้บำบัดล่วงหน้าก่อนที่จะถึงวันคลอดเพื่อตกลงกันว่าจะใช้วิธีบำบัดแบบไหนจะได้ทำการซักซ้อมเอาไว้

 

 

Choosing your birth partner

 

ใครที่คุณต้องการให้อยู่ด้วยในช่วงคลอด ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเอง คุณแม่บางคนชอบให้มีคนอยู่ด้วยเยอะๆ ในขณะที่บางคนต้องการความเป็นส่วนตัว คุณควรระลึกไว้ว่าคุณอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่าที่คุณคาดไว้ เพราะฉะนั้นคุณต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ คุณต้องมั่นใจว่าคุณจะรู้สึกสบาย ท่ามกลางผู้ที่คุณขอให้มาอยู่ร่วมในช่วงเวลาสำคัญนี้จริงๆ  และควรเช็คกับ healthcare provider และโรงพยาบาลเกี่ยวกับกฏระเบียบในการเข้าร่วมในการคลอด เพราะบางโรงพยาบาลมีการจำกัดอายุของผู้ที่จะเข้าร่วมในการคลอดเอาไว้ ในขระเดียวกันก็ควรจะสอบถามกับทางโรงพยาบาลว่าในการคลอดของคุณจะมีแพทย์ฝึกหัดเข้าร่วมด้วยหรือไม่ เพราะหากคุณรู้สึกรู้สึกไม่สะดวก ก็ยังมีเวลาที่จะหาทางแก้ไขได้ คุณควรบอกกับทุกคนที่คุณขอให้มาเป็นกำลังใจในการคลอดว่าพวกเขาอาจจะถูกเชิญออกนอกห้องคลอดเมื่อใดก็ได้ในระหว่างที่คุณคลอด ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณหรือ การตัดสินใจของ healthcare provider

 

 

Your Birth Plan (การวางแผนคลอดของคุณ)

 

หลังจากที่คุณพิจารณาอย่างละเอียดเกี่ยวกับทางเลือกในการคลอด คุณควรจะปรึกษากับ healthcare provider เอาไว้ล่วงหน้านานๆ ก่อนที่จะถึงกำหนดคลอด ซึ่งถ้ามีบางอย่างที่สำคัญสำหรับคุณ เช่น ต้องการให้สามีเป็นคนตัดสายสะดือให้ลูก คุณต้องคุยกับ healthcare provider เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย healthcare provider บางคนจะแนะนำให้คุณแม่ทำแผนการคลอดและจดรายการสิ่งที่ต้องการเอาไว้  ตัวอย่างแผนการคลอดจะรวมถึงสิ่งที่ตรงกันข้ามด้วย แต่ก็อย่าลืมว่ารายการที่จดไว้นั้นม่ละเอียดถี่ถ้วน คุณสามารถจดทุกอย่างี่คุณต้องการเอาไว้ และนำติดตัวไปด้วยในวันคลอด แต่อย่างไรก็ตามคุณต้องรู้จักยืดหยุ่นบ้างเพราะการคลอดเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ การคลอดของเด็กแต่ละคนก็จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป  แม้ว่าคุณจะเคยมีประสบการณ์การคลอดลูกมาแล้ว แต่การคลอดครั้งนี้ก็จะมีความแตกต่าง ซึ่งคุณอาจจะต้องปรับแผนการคลอดเพื่อให้เหมาะกับการคลอดครั้งนี้  ปัจจัยทั้งหมดที่กำหนดการตัดสินใจของคุณเกี่ยวกับการคลอดจะรวมถึงความรู้สึกของคุณในขณะนั้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณวางแผนไว้ว่าจะใช้ยาช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยหรืออาจจะไม่ใช้เลย  แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ คุณอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ มีคุณแม่จำนวนมากที่รู้สึกผิดหวัง เมื่อการคลอดไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้  เช่น จำเป็นต้องมีการผ่าคลอดฉุกเฉินเพราะทารกกำลังอยู่ในอันตราย แต่ไม่ใช่เรื่องล้มเหลวที่จะยอมรับการช่วยเหลือที่จัดเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยของคุณและลูก

 

 

Did you know

 

การให้กำลังใจขณะคลอดจะช่วยให้ช่วงเวลาเจ็บท้องคลอดสั้นลง จากการศึกษาพบว่าเมื่อdoula หรือสามีปรากฏตัวขึ้น ว่าที่คุณแม่จะมีอาการเจ็บท้องคลอดน้อย มีการรักษาอาการแทรกซ้อนน้อย ผ่าตัดน้อย และ ทารกก็มีสุขภาพดีกว่า  หลักฐานปัจจุบันแนะนำว่า เมื่อ doula มาให้กำลังใจ ว่าที่คุณแม่จะพอใจกับประสบการณ์การคลอด และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างแม่ – ลูก จะเพิ่มมากขึ้นเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนหลังคลอด Doula support มีผลในทางบวกกับความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ด้วย

 

 

Interventions and Procedures

 

เมื่อพิจารณาประเภทของการคลอดแบบที่คุณต้องการแล้ว อาจจะมีบางขั้นตอนที่ถ้าเป็นไปได้คุณก็อยากหลีกเลี่ยง healthcare provider จะรับฟังความต้องการของคุณ ตราบใดที่คุณและทารกในครรภ์ไม่อยู่ในความเสี่ยง

 

 

ถ้าคุณมีความกังวลเกี่ยวกับขั้นตอนการดูแลทางการแพทย์ มันจะทำให้คุณต้องค้นหาว่าผู้ที่ทำคลอดจะทำอะไรกับคุณบ้าง คุณจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลา คุณควรจะปล่อยให้ healthcare provider เป็นผู้ตัดสินใจถ้าหากจำเป็นต้องมีการใช้วิธีทางการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือ

 

 

Induction

 

เมื่อคุณแม่อยู่ในช่วงเจ็บท้องคลอด ฮอร์โมนในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลง และจะมีแรงกดของทารกกดลงที่กล้ามเนื้อมดลูก เพื่อช่วยให้กระบวนการคลอดเริ่มต้นขึ้น แต่บางครั้งอาการเจ็บท้องคลอดก็สามารถเกิดจากฮอร์โมนหรือ mechanical pressure ที่กดลงบริเวณปากมดลูก

 

 

คุณแม่ส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บท้องคลอดและคลอดลูกภายใน 2 สัปดาห์ ในช่วงวันที่ครบกำหนดคลอด อาการเจ็บท้องคลอดจะถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ทารกควรจะออกมาอยู่ข้างนอกมากกว่าจะอยู่ในท้องของคุณแม่ หรือเมื่อสุขภาพของคุณแม่หรือของทารกมีความเสี่ยงอันตราย ถ้าทารกไม่เจริญเติบโตมากพอเมื่อถึงกำหนดคลอด หรือมีสภาพร่างกายที่น่าเป็นห่วง  การสิ้นสุดการตั้งครรภ์โดยการกระตุ้นให้เกิดการเจ็บท้องคลอดอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด  คุณแม่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือตั้งครรภ์แล้วมีแนวโน้มที่จะเกิดความดันโลหิตสูง may be candidates for induction. แม้ว่าอาการเจ็บ้องคลอดจะไม่ได้ถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้น healthcare provider อาจช่วยเร่งกระบวนการเจ็บท้องคลอดโดยใช้ synticinon เพื่อช่วยให้มดลูกมีการบีบรัดตัวมากขึ้นและได้ผลมากขึ้น

 

 

การให้ Synticinon ควรจะให้ด้วยวิธีที่เลียนแบบการบีบรัดตัวของมดลูกตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามการกระตุ้นให้เกิดการบีบรัดของมดลูกนี้มักจะมีความแรงและมีความถี่มากกว่าการบีบรัดตัวตามธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลให้การอ่านค่าการเต้นของหัวใจของทารกนั้นไม่ปกติ ดังนั้นคุณแม่ที่รับ synticinon คุณหมอจะต้องมีการใช้มอนิเตอร์ตรวจดูทารกว่าสามารถทดกับการบีบรัดตัวของมดลูกได้มากแค่ไหน ถ้าหากความถี่ของการบีบรัดตัวของมดลูกมากเกินไป ก็จะมีการปรับปริมาณยาให้น้อยลง

 

 

Elective induction

 

แพทย์และคุณแม่บางคนจะนิยมวางแผนการคลอดและกำหนดวันคลอดโดยการกระตุ้นในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์  The Royal College of Obstetricians and Gynaecologists  (RCOG)ไม่สนับสนุนความสมัครใจนี้ หรือ social induction แต่วิธีนี้ก็ยังคงได้รับความนิยม ก่อนที่จะเริ่มกระตุ้น โดยเฉพาะ elective induction healthcare provider จะต้องมั่นใจว่าการคลอดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทารก และจะต้องมีการทดสอบพิเศษเพื่อเช็คว่าทารกมีความพร้อมที่จะคลอดออกมาหรือไม่ ในกรณีของ elective induction ทารกในครภ์จะต้องเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว  เพราะการกระตุ้นให้คลอดเร็วเกินไป เช่น คลอดก่อนกำหนด 3 สัปดาห์อาจจะทำให้ทารกมีความเสี่ยงอันตรายได้

(Some images used under license from Shutterstock.com.)