Haijai.com


8 เรื่องจำเป็นที่สุดของ “แม่”


 
เปิดอ่าน 1392

8 เรื่องจำเป็นที่สุดของ “แม่”

 

 

ทุกวันนี้สุขภาพของคุณ โดยเฉพาะคนเป็นแม่ นั้นดีแค่ไหน การตรวจร่างกายจะช่วยบอกได้ดีที่สุด เพราะการตรวจร่างกายจะทำให้เราได้รู้ความเป็นไป หรือเป็นสัญญาณเตือนจากภายในของเรา เพื่อที่จะสามารถดูแล ปรับปรุง หรือจัดการได้ทันท่วงทีก่อนที่โรคต่างๆ จะก่อตัวขึ้นมานั่นเอง

 

 

ทำอย่างไรสุขภาพของเราจึงจะดีตลอดไป ในฐานะของผู้หญิงที่เป็นแม่เหมือนกัน จึงอยากให้คุณแม่ท่านอื่น ๆ หันมาสนใจการตรวจสุขภาพพื้นฐานกันบ้าง มาดูซิว่า 8 เรื่องเหล่านี้คุณให้ความสำคัญกันบ้างหรือเปล่า

 

 

….อย่าลืมนะคะคุณคือดวงไฟที่ส่องสว่างของลูก ถ้าไฟดวงนี้ดับไป

 

 

…ใครจะดูแลลูกให้มีความสุขเหมือนที่คุณดูแล

 

 

1.ตรวจเต้านม

 

เต้านมเป็นส่วนสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนหวงแหน การตรวจเต้านมทำได้หลายวิธีแต่พื้นฐานคือการตรวจด้วยมือ แม้ว่าการตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือนสามารถช่วยให้ผู้หญิงตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของเต้านมก่อน แต่การตรวจที่ดีที่สุดสำหรับมะเร็งเต้านมคือการตรวจเต้านมทางคลินิก และการทำแมมโมแกรม โดยผู้หญิงควรตรวจมะเร็งเต้านมทางคลินิกทุกๆ 3 ปี ก่อนที่อายุครบ 40 ปี หลังจากนั้นต้องไปตรวจ แมมโมแกรม ทุกๆ ปีเมื่ออายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป

 

 

การตรวจแมมโมแกรมเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันเพราะมีความละเอียดสูง สามารถตรวจพบมะเร็งก่อนที่จะรู้สึกว่าเป็นก้อนเนื้อได้ ล่วงหน้าถึง 2 ปี แม้ว่าแมมโมแกรมจะสามารถตรวจ พบมะเร็งได้หลายชนิด แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจผิดพลาดตรวจไม่พบได้บ้าง และ ในอีกทางหนึ่งผลที่ได้จากการตรวจแมมโมแกรมเมื่อนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยวิธี ตัดชิ้นเนื้อ ก็อาจพบว่าผลที่ได้เป็นปกติไม่เป็นมะเร็งก็ได้

 

 

2.ตรวจมะเร็งปากมดลูก (Pap Test)

 

การตรวจมะเร็งปากมดลูก (Pap test) ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้หญิงไม่ควรพลาด เพราะมะเร็งปากมดลูกเมื่อรู้ก่อน รักษาได้เร็ว มีโอกาสหายได้สูง การตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูก จะเป็นการตรวจภายใน โดยแพทย์จะนำเซลล์จากปากมดลูกไปตรวจหาความผิดปกติของมะเร็งที่ยังไม่แสดงอาการ โดย U.S. Preventive Services Task Force (USPSTF) ได้แนะนำให้ผู้หญิงทำการตรวจมะเร็ง ปากมดลูกในช่วงประมาณ 3 ปี หลังจากเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก หลังจากนั้น ควรกลับไปตรวจซ้ำอีกทุกๆ 3 ปี

 

 

สำหรับผู้หญิงอายุมากกว่า 65 ปี ไม่จำเป็นต้องไปตรวจมะเร็งปากมดลูก เป็นประจำเหมือนวัยสาว หากผลการตรวจที่ผ่านมาปกติ และไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก ส่วนผู้หญิงที่ได้รับการตัดมดลูกและปากมดลูกออกด้วยสาเหตุ ที่ไม่เกี่ยวกับมะเร็ง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยเช่นกัน

 

 

3.ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

 

การตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความจำเป็นสำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีคู่นอนมากกว่า 1 คน และหนึ่งในนั้นก็มีคู่นอนอีกหลายคน เชื้อที่ตรวจพบมากที่สุด คือ chlamydia ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจส่งผลทำให้เป็นหมันได้ ส่วนเชื้อตัวอื่นที่พบบ่อยเช่นกัน ได้แก่ หนองใน (gonorrhea) ซิฟิลิส โรคเอดส์ (HIV) เริม (HPV) และไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)

 

 

การที่ตรวจพบได้เร็วเท่าไรก็จะทำให้ได้รับการรักษาเร็วขึ้นเท่านั้น หรืออย่างน้อยก็ทำให้ทราบว่าควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือรูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไปอย่างไร เพราะเชื้อบางชนิดนั้น เมื่อติดแล้วก็จะเกาะกินคุณไปตลอดกระทั่งอาจพรากชีวิตคุณด้วยก็เป็นไปได้ เช่น เชื้อ HIV ต้นเหตุของโรคเอดส์ที่รู้จักกันดี หรือไวรัสตับอักเสบบีที่อาจกลายเป็นมะเร็งตับในอนาคต สำหรับบางคนที่ไม่เคยตรวจมาก่อนแต่ได้ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ดังกล่าว แล้วตั้งครรภ์ เชื้อบางชนิดก็อาจถ่ายทอดไปสู่ลูกในครรภ์ได้เช่นกัน ซึ่งก็เป็นอันตรายต่อเด็กทารกอย่างยิ่งยวด และเรื่องสำคัญที่ควรตรวจหาโรคทางเพศสัมพันธ์ก็เพื่อรับผิดชอบต่อสังคม คือการไม่แพร่กระจาย

 

 

4.ตรวจเบาหวาน

 

ปัจจุบันผู้หญิงมีสถิติเป็นโรคเบาหวานกันมากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรือเป็นโรคอ้วน หรือบางคนที่มีไขมันบริเวณหน้าท้องมาก ก็มีงานวิจัยออกมายืนยันแล้วว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนน้ำหนักตัวปกติ หรือคนที่มีไขมันบริเวณส่วนๆ อื่นมากกว่าหน้าท้อง โดยผู้หญิงส่วนใหญ่จะเริ่มเป็นเบาหวานในช่วงวัยกลางคน แต่มีแนวโน้มพบมากขึ้นในวัยรุ่น เบาหวานชนิดที่เป็น กันมากก็คือ เบาหวานชนิดที่ 2 เนื่องจากมีน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เพียงพอหรือไม่สามารถใช้อินซูลินได้ตามปกติ

 

 

ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 คือ อายุ ความอ้วน ขาดการออกกำลังกาย และกรรมพันธุ์ พบว่ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังพบบ่อยในผู้ที่เป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ หรือในกลุ่มอาการที่รังไข่มีถุงน้ำหลายใบ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีระดับโคเลสเตอรอลสูง มีความทนทานต่อน้ำตาลบกพร่อง หรือเคยตรวจพบระดับกลูโคสในพลาสมาผิดปกติ

 

 

American Diabetes Association (ADA) แนะนำว่าผู้หญิงควรตรวจโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทุกๆ 3 ปีนับตั้งแต่อายุ 45 ปี ถ้าไม่มีปัจจัยเสี่ยง แต่สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว หรือมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน เช่น มีดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 25-29 หรือเป็นโรคอ้วน มีดัชนีมวลกาย 30 ขึ้นไป ควร ไปตรวจเร็วขึ้นและถี่ขึ้น

 

 

5.ตรวจหาโรคหัวใจ

 

ทุกวันนี้ต้องยอมรับกันว่ารูปแบบการกินของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก อาหารไทยที่เคยเน้นผัก ปลา น้ำพริก มาเป็นอาหารสำเร็จรูป ฟาสต์ฟู้ด การรับประทานอาหารไขมันสูงมากขึ้น และที่สำคัญขาด การออกกำลังกาย จึงทำให้เป็นโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อ การเป็นโรคหัวใจ เป็นที่สังเกตว่าในผู้หญิงอาจจะไม่รู้สึกถึงอาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน แต่ผู้หญิงมักมีโอกาสมากกว่าผู้ชายที่จะมีอาการอาหารไม่ย่อย หายใจลำบาก หรือเจ็บปวดกล้ามเนื้อ แทนที่จะมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างทั่วๆ ไป

 

 

USPSTF แนะนำว่าผู้หญิงอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ควรตรวจความดันโลหิตเป็นประจำ ถ้ามี ความดันโลหิตต่ำกว่า 130/80 ควรไปตรวจทุกๆ 2 ปี แต่ถ้าความดันโลหิตสูงมากกว่านั้นหรือมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ เช่น มีระดับโคเลสเตอรอลสูงหรือเป็นเบาหวานอยู่แล้วควรไปตรวจให้ถี่มากขึ้น

 

 

ผู้หญิงอายุ 45 ปีขึ้นไป ควรตรวจระดับความดันโลหิต และระดับโคเลสเตอรอลเป็นประจำ แต่สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น เป็นเบาหวานหรือสูบบุหรี่ ควรเริ่มไปตรวจระดับโคเลสเตอรอลตั้งแต่อายุ 20 ปี โดย National Heart, Lung and Blood Institute แนะนำว่าผู้ที่มีอายุ 20 ปี ขึ้นไป ควรตรวจเช็คระดับโคเลสเตอรอลทุกๆ 5 ปี

 

 

6.ตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก

 

กระดูกของผู้หญิงมีความหนาแน่นน้อยกว่าผู้ชาย และยิ่งเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเนื้อกระดูกอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดภาวะกระดูกพรุน (osteoporosis) โดยผู้หญิงประมาณครึ่งหนึ่งของกลุ่มที่เข้าสู่ วัยหมดประจำเดือน จะมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาวะกระดูกพรุนตลอดช่วงชีวิต

 

 

ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนควรตรวจหาภาวะกระดูกพรุนเป็นประจำ ส่วนคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน เช่น น้ำหนักน้อย หรือไม่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน ควรปรึกษาแพทย์เป็นการเฉพาะ การทราบผลของภาวะกระดูกพรุนจะช่วยให้แพทย์ได้ทราบว่าควรดูแลคุณต่อไปอย่างไร รวมถึงผู้หญิงที่มีภาวะกระดูกพรุนเองก็จะได้ระมัดระวังป้องกันอุบัติเหตุในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย เนื่องจากคนที่เป็นโรคกระดูกพรุนเมื่อเกิดการกระแทกหรือหกล้มก็อาจจะทำให้กระดูกแตกหักง่ายกว่าคนปกติซึ่งเป็นอันตรายพอสมควรถ้าเกิดในตำแหน่งสำคัญ เช่น ข้อมือ หรือสะโพก เป็นต้น

 

 

การป้องกันโรคกระดูกพรุนควรเริ่มตั้งแต่วัยรุ่น โดยการสะสมความหนาแน่นของกระดูกด้วยการกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง ออกกำลังกายที่มีแรงกดกระแทกอย่างสม่ำเสมอ หากเข้าสู่วัยทองแล้วการเสริมความหนาแน่นของกระดูกคงเป็นไปไม่ได้

 

 

7.ตรวจไทรอยด์

 

American Thyroid Association แนะนำให้มีการตรวจเลือดหาระดับฮอร์โมนไทรอยด์ TSH (thyroid stimulating hormone) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของไทรอยด์ โดยผู้หญิงควรตรวจหาความผิดปกติของไทรอยด์ ตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป และควรตรวจซ้ำเป็นประจำทุกๆ 5 ปี ทั้งนี้ความผิดปกติของการทำงานของต่อมไทรอยด์ จะนำมาซึ่งความผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย และที่สำคัญในหญิงที่ต้องการมีบุตรก็ควรตรวจไทรอยด์ก่อนคิดตั้งครรภ์ แม้ว่าคุณจะอายุไม่ถึง 35 ปีก็ตาม เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตัวคุณแม่และคุณลูกเอง

 

 

8.ตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่

 

USPSTF แนะนำว่าผู้หญิงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งที่เกิดจากติ่งเนื้อมากๆ ในลำไส้ หรือมีภาวะถ่ายทอดมะเร็งลำไส้ทั้งแบบไม่สัมพันธ์กับติ่งเนื้อ หรือตนเองมีประวัติเคยเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ก็ควรเริ่มตรวจลำไส้ใหญ่ให้เร็วขึ้น สามารถตรวจได้หลายวิธี เช่น การตรวจหาเลือดที่แฝงมากับอุจจาระ การส่องกล้องผ่านทางทวารหนัก (sigmoidoscopy) ที่ใช้กล้องที่ยืดหยุ่นบางๆ เข้าไปตรวจลำไส้ส่วนปลายเพื่อหาก้อนเนื้อก่อนเป็นมะเร็ง การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ทั้งหมด (colonoscopy) ที่ใช้กล้องที่ยาวกว่าตรวจสอบทั้งลำไส้เพื่อหาก้อนเนื้อก่อนเป็นมะเร็ง การตรวจเอกซเรย์ barium enema ที่แพทย์จะเอกซเรย์ลำไส้เพื่อหาก้อนเนื้อก่อนเป็นมะเร็ง โดยคุณอาจปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีในการตรวจที่เหมาะกับคุณมากที่สุด

 

 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการตรวจพื้นฐานเพียง 8 อย่างที่สำคัญเท่านั้นที่จำเป็นสำหรับคุณผู้หญิงทุกคน คุณอาจจะรอตรวจพร้อมกับตรวจสุขภาพประจำปีก็ได้ เพราะปัจจุบันในโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ ก็มีแพคเก็จตรวจสุขภาพหลากหลายแบบให้เลือกในราคาที่ต่างกันออกไป สะดวกแบบไหนก็ทำแบบนั้น

 

 

ถ้าคุณเป็นแม่ ขอบอกว่าจำเป็นที่สุดค่ะ

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





ลดไขมันในร่างกาย วิธีลดไขมัน ลดไขมันต้นขา สลายไขมันหน้า ไตรกลีเซอไรด์ เซลลูไลท์ วิธีแก้นอนกรน ลดไขมัน Coolsculpting ทำกี่ครั้ง Sculpsure Sculpsure กับ Coolsculpting นอนกรนเกิดจาก Morpheus8 สลายไขมันหน้าท้อง วิธีลดพุงผู้หญิงเร่งด่วน 3 วัน Body Slim ลดไขมันทั้งตัว วิธีลดพุงผู้ชาย Morpheus8 กับ Ulthera ลดพุงเร่งด่วน วิธีลดไขมันต้นขา ลดพุง ดูดไขมัน วิธีลดหน้าท้อง สลายไขมันด้วยความเย็น คอเลสเตอรอล วิธีลดไขมันหน้าท้อง ไขมัน วิธีลดพุงผู้หญิง Coolsculpting Elite CoolSculpting vs Emsculpt วิธีลดพุง สลายไขมันต้นขา ลดไขมันหน้าท้อง นวดสลายไขมัน ผลไม้ลดความอ้วน ลดน้ำหนักเร่งด่วน อาหารคลีน กินคลีนลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน กินคีโต วิธีลดความอ้วนเร็วที่สุด อาหารลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วิธีลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดความอ้วนเร่งด่วน ผลไม้ลดน้ำหนัก อาหารเสริมลดความอ้วน วิธีลดความอ้วน เมนูลดความอ้วน วิธีการสลายไขมัน ลดความอ้วน สลายไขมัน ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก Exilis Elite Thermage Body ออฟฟิศซินโดรม Inbody Vaginal Lift Morpheus Pro Oligio Body IV Drip Emsella เลเซอร์นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก Emsculpt CoolSculpting บทความดูแลรูปร่างและสุขภาพ บทความกระชับสัดส่วนรูปร่าง บทความน่ารู้ romrawin รมย์รวินท์ IPL เลเซอร์ขนแขน YAG Laser Diode Laser ไฮยาลูรอน ฟิลเลอร์น้องชายอันตรายไหม ฉีดสิว Emtone 1 week 1 Kilo ลดน้ำหนัก กลืนบอลลูน Exo Hair Reborn หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ดูดไขมัน ดึงหน้า ตาสองชั้น ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ยกคิ้ว เสริมหน้าอก บทความศัลยกรรม วีเนียร์ บทความทันตกรรม สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Fit Firm Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Elite บทความลดน้ำหนัก ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP ดริปวิตามิน บทความดูแลสุขภาพ Vaginal Lift P-SHOT O-Shot บทความสุขภาพเพศ Meso Hair LLLT ปลูกผมด้วยแสงเลเซอร์ ปลูกผมผู้ชาย ปลูกผมสำหรับผู้หญิง ปลูกผมถาวร ปลูกผม FUE ปลูกผม รักษาผมร่วง บทความรักษาผมร่วง ผมบาง บทความดูแลเส้นผม เลเซอร์รักแร้ขาว เลเซอร์ขน เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์เครา เลเซอร์รักแร้ กำจัดขนถาวร เลเซอร์ขน บทความเลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์รอยสิว Pico Laser Pico Majesty Pico Majesty Laser Reepot Laser Reepot บทความโปรแกรมหน้าใส NCTF 135 HA Rejuran Belotero Glassy Skin Juvederm Volite Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Skinvive Sculptra vs ฟิลเลอร์ Sculptra บทความ Sculptra Radiesse บทความ Radiesse บทความฉีดหน้าใส UltraClear AviClear Laser AviClear Accure Laser Accure บทความโปรแกรมรักษาสิว ฟิลเลอร์คอ ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์มือ ฟิลเลอร์หน้าใส ฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา ฟิลเลอร์ยกหน้า ฟิลเลอร์หลุมสิว หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม หลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฟิลเลอร์ปาก 1 CC ฟิลเลอร์จมูกราคา ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฟิลเลอร์น้องสาวกี่ CC ฟิลเลอร์ราคา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ บทความฟิลเลอร์ ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย บทความโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime อัลเทอร่า Ulthera Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Oligio บทความยกกระชับใบหน้า ร้อยไหมหน้าเรียว ไหมหน้าเรียว ร้อยไหมเหนียง ไหมเหนียง ร้อยไหมยกหางตา ไหมยกหางตา Foxy Eyes ร้อยไหมปีกจมูก ไหมปีกจมูก ร้อยไหมกรอบหน้า ไหมกรอบหน้า ร้อยไหมร่องแก้ม ไหมร่องแก้ม ร้อยไหมก้างปลา ไหมก้างปลา ร้อยไหมคอลลาเจน ไหมคอลลาเจน ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม บทความร้อยไหม Apex