Haijai.com


เจ้าตัวน้อยลูกเราถนัดมือซ้ายหรือมือขวากันแน่


 
เปิดอ่าน 4584

Hand activity ( เรื่องของการใช้มือ )

 

“เอ๊ะ.. ลูกเราถนัดซ้ายหรือขวากันแน่ ?”

 

 

คุณแม่คุณพ่อบางคนอาจสับสนเรื่องการใช้มือของเจ้าตัวน้อย  เพราะเดี๋ยวก็เห็นใช้มือขวาอยู่ดีๆ  อ้าว ! ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้มือซ้ายซะแล้ว  ตกลงจะถนัดซ้ายหรือขวากันแน่นี่ลูก  จนทำให้พ่อแม่บางคนถึงกับสรุปไปเลยว่าลูกถนัดทั้งสองข้าง

 

 

ในช่วง 1-3 ปีแรก  เป็นช่วงที่การใช้มือของเด็กมีความสลับซับซ้อน  เหมือนลูกตุ้มนาฬิกาที่แกว่งไปมา  บางครั้งก็ใช้มือซ้าย  บางทีก็ย้ายเปลี่ยนมาเป็นมือขวา  หรือพ่อแม่บางคนบอกว่าตอนเล็กๆคิดว่าลูกถนัดขวา  จะหยิบจับอะไรก็ด้วยมือขวาเสียเป็นส่วนใหญ่  แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าลูกถนัดซ้าย  ที่จริงแล้วยังค่ะ  เพราะลูกเพิ่งจะสองขวบเอง   กว่าที่ลูกตุ้มนาฬิกาในเรื่องมือซ้ายมือขวาจะหยุดแกว่งจริงๆก็ต้องรอจนห้าขวบ ( หรือเด็กบางคนอาจถึงแปดขวบ ) ไปแล้ว  จึงจะฟันธงได้ว่าลูกถนัดมือข้างไหนกันแน่  เพราะอาการใช้มือทั้งสองข้างสลับกันหรือร่วมกันจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติในเด็ก ตั้งแต่ที่เริ่มหัดใช้มือได้ไปจน 3-5 ขวบเลยค่ะ

 

 

ทำไมคนส่วนใหญ่จึงถนัดขวา ?

 

มนุษย์ 90% ถนัดที่จะใช้มือขวามากกว่ามือซ้าย ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า  เหตุใดคนส่วนใหญ่จึงถนัดมือขวามากกว่ามือซ้าย  แต่เราทราบว่ามนุษย์ถนัดใช้มือข้างขวามาประมาณ 200,000 ปีแล้ว จากการศึกษาประวัติศาสตร์ของการพบซากขวานโบราณ  การถนัดมือขวาไม่ใช่วิวัฒนาการที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆนี้อย่างแน่นอน

 

 

มีงานวิจัยที่พบว่า ระหว่างที่อยู่ในครรภ์  ร่างกายซีกขวาของทารกจะอิงอยู่กับร่างกายคุณแม่ ( ซีกซ้ายหันออกทางหน้าท้อง ) ระบบสั่งงานอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทางซีกขวาได้รับการกระตุ้นมากกว่า  ทำให้เซลล์ในระบบประสาทถูกสร้างและพัฒนามากกว่าซีกซ้าย  เพราะทารกรับรู้ความเคลื่อนไหวและกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งความสั่นสะเทือนที่เกิดจากเสียงหัวใจเต้นและการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายคุณแม่มากกว่าซีกซ้าย  และเมื่อเด็กคลอดออกมา ก็พบการทำงานของประจุไฟฟ้าทางซีกขวาของร่างกายมากกว่าในซีกซ้าย  ทำให้เห็นได้ว่ามนุษย์เรามีแนวโน้มที่จะถนัดมือขวามากกว่ามือซ้ายอยู่เล็กน้อยแล้วตั้งแต่เกิด  ประกอบกับมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อเด็กทารกเกิดมา  ส่วนมากคุณแม่ก็จะอุ้มลูกด้วยมือซ้ายมากกว่ามือขวา  เพื่อใช้มือขวาในการหยิบจับสิ่งของต่างๆ  ทำให้ร่างกายซีกขวาของทารกอิงแอบอยู่กับร่างกายคุณแม่และได้ยินเสียงหัวใจแม่เต้นเหมือนอยู่ในครรภ์  เด็กเกิดความอบอุ่นและมั่นใจกับร่างกายซีกขวามากกว่า

 

 

มือซ้าย-มือขวาสลับกัน

 

ในช่วงประมาณเจ็ดเดือน  เจ้าตัวน้อยจะถนัดใช้มือข้างขวา  ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่เจ้าตัวน้อยของเรากำลังอยู่ในขั้นทดลอง  โดยลองใช้ทั้งมือซ้ายและมือขวา  แต่ว่าความถนัดโดยรวมแล้ว จะค่อนมาทางมือข้างขวามากกว่า   พอเข้าเดือนที่แปด  อาการถนัดขวาก็จะหายไป  เพราะเจ้าตัวน้อยจะใช้ทั้งสองมือ คือทั้งซ้ายทั้งขวาในเดือนนี้   และเมื่อถึงเดือนที่เก้า  นาฬิกาลูกตุ้มก็จะแกว่งอีกครั้งหนึ่ง  คราวนี้เจ้าตัวน้อยจะแสดงอาการถนัดซ้ายให้เห็นอย่างชัดเจน   น่างงมั้ยล่ะคะ....แล้วพอถึงเดือนที่สิบก็จะสลับมาถนัดใช้มือขวาให้ปวดหัวกันอีก

 

 

ในเดือนที่สิบเอ็ด  เจ้าตัวน้อยอาจสลับกลับมาใช้มือซ้ายอีก  แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ยังคงใช้มือขวากันอยู่   สถานการณ์เรื่องการใช้มือซ้าย-มือขวาสลับกันไปมา  จะยืดเยื้อไปจนสิ้นขวบปีแรกของเด็ก  และพ่อแม่อาจคิดว่าน่าจะจบลงได้แล้ว  ลูกเราคงได้พบความถนัดในการใช้มือข้างใดข้างหนึ่งแล้ว  แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ค่ะ   เพราะอาการแกว่งไปแกว่งมาจะไปหยุดนิ่งจริงๆตอนลูก 3-5 ขวบนู่นเลยค่ะ

 

 

มีการทดลองติดตามเรื่องความถนัดในการใช้มือซ้ายขวาของเด็ก  และพบต่อไปว่า พอเข้าเดือนที่ 20 เจ้าตัวน้อยก็จะเกิดอาการสับสนในเรื่องการใช้มืออีกครั้งหนึ่ง  จนกระทั่งครบสองขวบ เจ้าตัวน้อยจึงจะแสดงความถนัดขวาออกมาให้เห็นอีก   จากนั้น  ระหว่างช่วงอายุสองขวบถึงสองขวบครึ่ง เจ้าตัวน้อยวัยเตาะแตะก็จะเข้าสู่ความสับสนในเรื่องการใช้มือเป็นครั้งสุดท้าย  โดยยังไม่แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า จริงๆแล้วถนัดข้างไหนกันแน่  หลังจากนั้น  ประมาณสี่ขวบ เจ้าตัวน้อยที่ถูกเฝ้าติดตาม จึงได้หยุดสับสนและเลือกใช้มือข้างใดข้างหนึ่งที่ตัวเองถนัดออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว  และจากการทดลองก็ได้เฝ้าติดตามดูไปจนกระทั่งเจ้าตัวน้อยอายุแปดขวบ  ก็พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือข้อสงสัยใดๆ ในเรื่องความถนัดในการใช้มือให้เห็นอีกแล้ว

 

 

ถนัดซ้ายหรือขวาดีกว่ากัน ?

 

มีผลงานวิจัยจากออสเตรเลีย ได้บอกไว้ว่า คนถนัดซ้ายจะทำในสิ่งที่ยาก หรือรวดเร็วได้ดีกว่าคนถนัดขวา โดยเฉพาะงานที่มีข้อมูลมากๆ เช่น การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ หรือการขับรถพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย เพราะกลุ่มคนที่ถนัดซ้ายนั้น สมองซีกซ้ายและขวานั้นทำงานประสานกันได้ดี  การส่งผ่านข้อมูลจากสมองฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากสมองของคนถนัดซ้ายแตกต่างจากสมองของคนที่ถนัดขวาเล็กน้อย  โดยคนถนัดซ้ายจะมีสมองทั้งสองซีกที่สมดุลและยังมีขนาดใหญ่กว่าคนถนัดขวาเล็กน้อย  ทำให้บางครั้งสื่อสารไปมาได้เร็วกว่า

 

 

นอกจากนี้  คนถนัดซ้ายยังได้เปรียบเรื่องการพัฒนาสมองซีกขวาได้ดีกว่า  ทำให้ได้เปรียบในเรื่องของความคิดที่เป็นอิสระ  มีจินตนาการหรือความคิดสร้างสรรค์ที่ดีกว่า  ทีนี้มาดูข้อด้อยของคนถนัดซ้ายกันบ้างค่ะ  เราอาจเคยเห็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและถนัดซ้ายในหลากหลายอาชีพ  รวมทั้งนักกีฬามาแล้ว  แต่จากผลการทดสอบนักกีฬาที่ถนัดซ้ายพบว่า  เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่เหนียวแน่น  ต้องอดทนในการเล่นเกมที่ใช้ระยะเวลานานๆ  ผลจากการใช้สมองซีกขวาจะเริ่มอ่อนล้าได้ง่ายกว่า  และการตีลูกที่เคยแม่นยำ ก็อาจจะมีการตีลูกเสียให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง   อีกประการหนึ่งเป็นเพราะว่าหัวใจของเราก็อยู่ทางซีกซ้ายของร่างกาย  เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้พละกำลังนานต่อเนื่อง  อาจทำให้ร่างกายซีกซ้ายได้รับการกระทบกระเทือนมากกว่า  เป็นผลทำให้หัวใจต้องทำงานหนัก  เหนื่อยง่ายเร็วกว่า  และเป็นที่น่าสังเกตว่าการถนัดซ้ายอาจมีผลทางด้านอารมณ์ด้วย  นักกีฬาที่ถนัดซ้ายส่วนใหญ่มักจะแสดงอารมณ์ออกมามากกว่านักกีฬาที่ถนัดขวา  ไม่ว่าจะเป็นอาการดีใจ เสียใจหรืออารมณ์โกรธ  เป็นต้น  ข้อเสียนอกจากนี้  ก็อาจจะเป็นในเรื่องของการใช้เครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ทั้งหลายในโลกที่มีคนถนัดขวามากกว่า  ทำให้คนถนัดซ้ายไม่สะดวกที่จะใช้ หรือต้องมาปรับประยุกต์เอาเอง  ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีข้าวของเครื่องใช้ที่ออกแบบโดยคิดถึงคนที่ถนัดซ้ายมากขึ้นแล้วก็ตาม

 

 

ส่วนคนที่ถนัดขวาจะมีพัฒนาการสัมพันธ์กับสมองซีกซ้าย  ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ใช้เหตุผลมากกว่าจินตนาการ  ทำการคำนวณและคาดคะเนต่างๆได้ดีกว่าสมองซีกซ้าย  จึงพบได้บ่อยๆว่า นักกีฬาที่ถนัดขวาจะควบคุมอุปกรณ์การเล่นได้อย่างแม่นยำ  โดยเฉพาะกีฬาประเภทแร็กเกต  เช่น เทนนิส หรือแบดมินตัน เป็นต้น  ซึ่งการกะระยะ  ทิศทางหรือตำแหน่งเป็นเรื่องสำคัญในการเล่นกีฬาประเภทนี้  และคนที่ถนัดขวาก็มักจะมีความอดทนและอึดกว่าอีกด้วยในการแข่งขันที่ยาวนาน

 

 

เมื่อเริ่มอายุมากขึ้น  ความสามารถในการประมวลผลของสมองทั้งสองซีกลดลง  คนที่ถนัดซ้ายอาจใช้งานสมองได้ดีกว่า  เนื่องจากสามารถถ่ายโอนข้อมูลจากสมองทั้งสองซีกได้มีประสิทธิภาพมากกว่า  จากผลการทดสอบจับคู่ตัวอักษร  พบว่าคนที่ถนัดซ้ายจะจับคู่ตัวอักษรได้เก่งกว่า ถึงแม้จะมีอายุมากแล้วก็ตาม

 

 

ทำไมไม่ถนัดทั้งสองข้างซะเลยล่ะ ?

 

โดยทั่วไปแล้ว  มนุษย์จะพัฒนาความถนัดในเรื่องการใช้มือ  และจะใช้ทั้งสองมือสลับกันตั้งแต่แรกเกิดไปจนกระทั่งถึง 3-5 ขวบดังที่ได้กล่าวไปแล้ว นพ.ทัศนวัต สมบุญธรรม อาจารย์และกุมารแพทย์ หน่วยพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลยังได้กล่าวเสริมอีกว่า  ในกรณีที่เด็กทารกอายุก่อน 1 ขวบ มีความถนัดข้างใดข้างหนึ่ง อาจจะต้องพึงระวัง เพราะมืออีกข้างที่ทารกไม่ได้ใช้นั้นอาจมีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือมีพยาธิสภาพอะไรบางอย่าง เนื่องจากช่วงอายุ 0-1 ขวบ เด็กมักจะใช้มือหรือ แขนขา 2 ข้างเท่าๆ กัน และช่วงอายุ 1-3 ขวบ จะเป็นช่วงที่พัฒนาว่าถนัดมือข้างใด ถ้าอายุเกิน 3 ขวบ ไปแล้วเด็กใช้มือข้างใดบ่อยๆ ก็อาจสรุปได้ว่าเขาถนัดข้างนั้นไปแล้ว

 

 

ถึงแม้ลูกจะถนัดขวาก็ไม่ได้ส่งผลให้การควบคุมมือซ้ายหายไปหมด เพราะกิจวัตรประจำวันโดยทั่วไป ยังจำเป็นต้องใช้มือซ้ายในการประคับประคอง หรือช่วยเหลือมือขวา เช่น การใช้มือซ้ายถือส้อม เพื่อให้มือขวาใช้ช้อนตักอาหารขึ้นไปกินได้ หรือการใช้มีดกับส้อมหั่นเนื้อ จะใช้มือซ้ายถือส้อม เพื่อให้มือขวาหั่นมีดได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้เรายังใช้ทั้งสองมือ ประสานงานกันในการกลัดกระดุมเสื้อ, การขับรถ, การยกของ, ฯลฯ

 

 

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความจริงแล้วการใช้มือทั้งสองประสานงานกัน จึงยังมีอยู่แทบทุกกิจกรรมในทุกๆวัน ใยประสาทของเซลล์ที่มือซ้ายจึงคงมีอยู่ แต่จะมากหรือน้อยต่างจากมือขวาที่เป็นมือถนัด คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่างกันเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของคนผู้นั้นด้วย เช่น ถ้าเจ้าตัวน้อยมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเล่นดนตรีไทย และสากล ขิม จะเข้ ระนาด เปียโน กีตาร์ กลอง  หรือกีฬาบางชนิด เช่น ว่ายน้ำ กอล์ฟ ฯลฯ ที่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างอยู่บ่อยๆ จะช่วยให้สมองทั้ง 2 ซีก ประสานงานในการถ่ายทอดข้อมูลแลกเปลี่ยนกันและกันได้ดีขึ้น มีศักยภาพมากขึ้น และทำให้ความถนัดในการใช้มือทั้ง 2 ข้างใกล้เคียงกัน แต่ไม่ได้มีขนาดเท่ากันโดยสิ้นเชิง เพราะเขาก็ยังต้องใช้มือข้างที่ถนัดจริงๆ ในการเขียนหนังสืออยู่นั่นเอง และการถ่ายทอดข้อมูลแลกเปลี่ยนกันของสมอง ก็เป็นเพียงการทำงานเฉพาะส่วนเท่านั้น เนื่องจากสมองมีการทำงานหลายส่วน อย่างหลากหลาย  จึงไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานในด้านอื่นด้วยมากนัก  และไม่มีความต่างอย่างเป็นนัยสำคัญทางด้านสติปัญญา หากเจ้าตัวน้อยคนใด จะถนัดใช้มือข้างใดเด่นชัดเพียงข้างเดียว

 

 

ดร.อดัม โบรว์  ผู้เขียนหนังสือ The Master hand  กล่าวว่า การที่เด็กจะเลือกหรือถนัดในการใช้มือข้างใดนั้นเป็นเรื่องของความเคยชิน  ไม่ใช่เรื่องทางพันธุกรรมอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน  ดังนั้น  ถ้าคุณแม่และคุณพ่อคอยสังเกตและโน้มน้าวให้ลูกใช้มือข้างใดมากเป็นพิเศษ  เด็กก็จะติดที่จะใช้มือข้างนั้น  ตัวอย่างเช่น  ถ้าเรายื่นของเล่นให้ลูกถือด้วยมือข้างขวา ( ส่งไปทางที่มือขวาอยู่ ) บ่อยๆหรือทุกครั้ง  ทำให้เด็กต้องยื่นมือขวามารับ  หรือฝึกให้จับช้อนและถ้วยหัดดื่มด้วยมือข้างใด  เด็กก็จะชินกับการใช้มือข้างนั้น  และไม่ควรไปเปลี่ยนหรือบังคับให้ลูกต้องใช้มืออีกข้างหนึ่ง เมื่อเห็นว่าลูกมีท่าทีว่าจะถนัดการใช้มือข้างนั้น  เพราะนั่นอาจยิ่งทำให้เจ้าตัวน้อยต่อต้าน แล้วกลับทำตรงกันข้ามกับที่คุณต้องการไปเลยก็ได้  เพราะฉะนั้น การฝึกต้องเริ่มฝึกตั้งแต่ที่เจ้าตัวน้อยเริ่มหัดใช้มือกันเลยทีเดียว  และถ้าเกินสามขวบไปแล้ว ก็คงยากและไม่ดีต่อสุขภาพจิตเด็กถ้าจะคิดไปเปลี่ยนค่ะ

 

 

ได้อ่านข้อมูลมากมายขนาดนี้  คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกถนัดซ้ายคงสบายใจขึ้นแล้วนะคะ  ขอยืนยันว่าเด็กที่ถนัดซ้ายเป็นปกติดีทุกอย่างค่ะ  และอยากกระซิบบอกว่าประธานาธิบดีส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ล้วนถนัดซ้ายแทบทั้งนั้น  ไม่เชื่อไปลองเช็คดูได้เลย

(Some images used under license from Shutterstock.com.)