© 2017 Copyright - Haijai.com
ทัชพอยด์ ที่ว่าด้วยเรื่องการกิน 2
“การต่อสู้ระหว่างพ่อแม่กับลูกในเรื่องอาหารเป็นเรื่องน่าโมโหและตึงเครียด”
การให้อาหารเด็กเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ เริ่มตั้งแต่ที่ลูกยังเป็นตัวอ่อนอันน่าตื่นเต้นอยู่ในมดลูกคนที่กำลังจะเป็นพ่อแม่ คนที่กำลังจะเป็นพ่อแม่ก็จะรู้สึกว่า “นี่คือชีวิตของคนเราต่อไปนี้เรื่องการเจริญเติบโตของลูกในท้องขึ้นอยู่กับเราแล้วการเลี้ยงดูให้อาหารลูกจะต้องเป็นหน้าที่ของเรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบทั้งหมดของพ่อแม่” พ่อแม่อาจจะเริ่มรู้สึกถึงบทบาทใหม่นี้ตั้งแต่ก่อนที่ลูกจะเกิด และหลังจากการคลอดแล้ว ถึงแม้ว่าการให้อาหารอาจนำไปสู่ความกังวล แต่การให้อาหารก็เป็นบ่อเกิดแห่งความรื่นรมย์มากกว่า ตั้งแต่ครั้งแรกสุดที่ลูกเริ่มดื่มนมหรือกินอาหารครับ
ทัชพอยต์หนทางแห่งพัฒนาการที่คาดการณ์
ก้าวย่างในเส้นทางที่พ่อแม่ผู้เสียสละและเปี่ยมไปด้วยความรับผิดชอบและลูกของพวกเขาเดินไปนั้นเป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้มีบางครั้งที่เด็กจะกินอาหารยาก สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรค์ที่ต้องฟันฝ่า ซึ่งผมเรียกว่า “ ทัชพอยต์” ที่มักจะเกิดนำหน้าความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของเด็กนั่นเอง
เมื่อเด็กที่มีความตั้งใจแรงกล้าต้องการมีส่วนร่วมในการกินไม่ว่าจะเป็นความพยายามจะถือขวดนมเอง การหัดดื่มนมจากถ้วย การใช้ช้อน หรือการโยนก้อนอาหารจากเก้าอี้นั้งทานของเขาลงไปบนพื้น พ่อแม่ก็อาจรู้สึกว่าเป็นการท้าทาย ทัชพอยต์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อเด็กพร้อมที่จะรับบทบาทใหม่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมในการดูแลตนเอง พ่อแม่อาจจะรู้สึกว่าลูกจะหลุดจากกรอบที่กำหนด จึงอาจจะพยายามที่จะกลับมาควบคุมสถานการณ์ ด้วยเกรงว่าเด็กที่พวกเขาเคยเข้าใจได้ดีจะเปลี่ยนแปลงไป แต่อันที่จริง พ่อแม่ก็ที่ควรเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและรู้สึกภาคภูมิใจกับสติปัญญาหรือความชำนาญใหม่ๆของลูกได้ และเมื่อพ่อแม่ยอมรับความจริงข้อนี้ได้ การให้อาหารก็จะกลับกลายเป็นบ่อเกิดแห่งความรื่นรมย์และเป็นเวลาที่พิเศษของครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง
ที่ผมเรียกการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ว่า ทัชพอยต์ ก็เพราะผมพบว่าพ่อแม่ที่หลงไหลในการเป็นพ่อแม่ สามารถจะประเมินบทบาทตังเองใหม่อีกครั้งถ้าพวกเขาได้รับข้อมูลที่จำเป็นได้ทันท่วงที ข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพัฒนาการในอนาคตของเด็กเอง เราหวังว่าบทที่สองในหัวข้อเรื่อง “ทัชพอยต์ในการให้อาหาร” จะช่วยประนีประนอมระหว่างความเป็นตัวของตัวเองที่ลูกต้องการกับการที่คุณต้องการควบคุมให้ลูกกินอย่างราบรื่นเรียบร้อย และเมื่อคุณเตรียมตัวคุณเองสำหรับช่วงเวลาเหล่านี้ คุณอาจพบว่ามันง่ายกว่าที่จะเปลี่ยนรายการอาหารให้ลูก และค่อยให้ลูกทานสิ่งเหล่านั้น
“ภาพหลอนจากวัยเด็ก”
ในขณะที่ทารกกำลังเติบโต ความรับผิดชอบของพ่อแม่ในเรื่องการเลี้ยงดู อาจจะเหมือนมีมากขึ้นเรื่อยๆไม่แปลกเลยที่พ่อแม่จะพบว่า การให้อาหารลูกไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อเมื่อลูกอยากเป็นเอกเทศ ด้วยการเลือกอาหารเอง คุณแม่ของผมนั้นเองนั้น เป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวและน่ายกย่อง แต่เธอก็ไม่ยอมปล่อยให้น้องชายของผมกินอาหารเอง สิ่งที่ผมจำได้เมื่อยังเด็ก ก็คือ การที่คุณแม่คะยั้นคะยอ ร้องเพลงและพยายามป้อนอาหารเข้าไปในปากของน้องชายของผมในแต่ละเมื้อไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง “นะลูกนะ แค่คำเดี่ยว แม่ขอร้อง” คุณแม่เฝ้าแต่ขอร้องแล้วขอร้องอีก ถึงแม้จะไม่ได้ผลก็ตาม
ประสบการณ์นี้ได้กลายเป็น “ภาพหลอน” ในวัยเด็กของผม นี่เป็นสำนวนที่เซลม่า เฟรลเบิร์ก ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเกี่ยวกับเด็กเป็นผู้เริ่มใช้หมายถึงผลกระทบบางอย่างของความทรงจำในวัยเด็กที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ภาพหลอนนี้ได้ช่วยเตรียมอนาคตให้ผม เพราะในที่สุด ผมก็ได้กลายเป็นแพทย์ที่สามารถเปลี่ยนความรักของพ่อแม่ไปสู่ความใกล้ชิดในทางบวกของการเลี้ยงดูโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการให้อาหาร พ่อแม่หลายท่านได้ค้นพบ “ ภาพหลอน” เกี่ยวกับความทรงจำในวัยเด็กของตนเอง เมื่อพวกเขาได้ใช้ทัชพอยต์ในการให้อาหารลูกๆของพวกเขาเอง
ยกตัวอย่างเช่น ในปลายขวบปีแรก เด็กๆควรได้เป็นคนตัดสินใจในในเรื่องการเลือกและปริมาณของอาหารเอง พ่อแม่ส่วนมากรู้สึกว่าการมอบหน้าที่นี้เป็นเรื่องยาก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ไม่มีพ่อแม่ท่านใดที่จะบังคับให้เด็กกินได้สำเร็จครับ ในสงครามเกี่ยวกับอาหารนั้น พ่อแม่จะเป็นฝ่ายแพ้อย่างแน่นอนเพราะนั้นสิ่งที่พ่อแม่สามารถทำได้ก้เพียงแต่แนะนำอาหารที่ดีมีประโยชน์แก่ลุกเท่านั้น
การให้อาหารตนเองและการเลือกอาหารด้วยตนเองนั้น เป็นเป้าหมายที่สำคัยของเด็กทุกคน พ่อแม่ควรเรียนรู้ที่จะยอมแพ้ต่อความรู้สึกดีๆที่เคยเลี้ยงลูกภายในอ้อมแขนมาเป็นการยอมรับเด็กอายุหนึ่งขาบร่วมโต๊ะทานข้าวถึงแม้เธอหรือเขาจะสนใจในการปล่อยอาหารให้หลุดจากมือลงพื้น เพื่อทดลองแรงดึงดูดของโลกมากกว่าให้ลงไปในปากของตน แต่ในท้ายที่สุดความสนุกสนานของการอยู่ร่วมกันที่เกิดขึ้นในมื้ออาหารนั้นเองที่จะช่วยเรื่องพัฒนาการในการทานอาหารที่ดีของลูกต่อไป
เมื่อคุณพ่อคุณแม่พยายามดิ้นรนในเรื่องอาหารของลูกมากเกินไป เช่นลูกต้องกินอะไร ในปริมาณเท่าใด ดูเหมือนความหิวของลูกจะไม่ใช่ประเด็นแล้วนะครับ ทั้งที่ความหิว เป็นสัญชาติญาณพื้นฐานของมนุษย์ที่ควบคุมที่สมองส่วน ที่เก่าแก่ตรงไปตรงมาที่สุดของเรา แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ซับซ้อนกว่าในสมองเด็กก็กำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้วยและอาจเข้าไปลบล้างความหิวลงได้เช่นกัน ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ เด็กกำลังเริ่มเคลือบแคลงและถามตัวเองว่า “เราต้องกินเพราะคุณแม่บอกว่าเราต้องกินด้วยหรือ คุณแม่จะบังคับให้เรากินได้หรือ” เมื่อใดที่เด็กคิดเช่นนี้ ซึ่งแน่นอนการรู้จักตั้งคำถามเช่นนี้เป็นหนทางหนึ่งในการดิ้นรนต่อสู้เมื่อนั้นแหละครับแค่ความหิวไม่สามารถทำให้เด็กกินได้แล้วครับ และเมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาในเรื่องอาหารระหว่างพ่อแม่ กับลูกแล้วละก็ความหมายแรกเริ่มของอาหารที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายเป็นบ่อเกิดแห่งความรื่นรมย์ก็จะหายไป
ในบางครั้ง การดิ้นรนต่อสู้ระหว่างกันนี้ก็เกิดจาก “ภาพหลอน” ในวัยเด็กของพ่อแม่นั่นเองหรือบางครั้งก็เกิดจากข้อจำกัดในเรื่องการดูด การกลืน การเคี้ยว การพยายามบังคับให้กินสิ่งใดมากเกินไป ฯลฯ องค์ประกอบเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกัน การต่อสู้ระหว่างพ่อแม่กับลูกในเรื่องอาหารเป็นเรื่องน่าโมโหและตึงเครียด พ่อแม่ทั่วโลกต่างก็ตระหนักดีถึงความสำคัญของอาหาร ดุจเดียวกับอากาศและพวกเขาต่างก็ห่วงใยในเรื่องความอยู่รอด และการเจริญเติบโตของลูกๆแต่ในส่วนของเด็กๆเอง พวกเขาก็มีความชอบส่วนตัวบางอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กรวมทั้งธรรมเนียมประเพณีของพ่อแม่ก็เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่ง ที่จะได้สร้างอุปนิสัยในการกินแก่ลูกได้ด้วยเช่นกัน
(Some images used under license from Shutterstock.com.)