Haijai.com


6 ขั้นตอนการล้างพิษตับ LIVER DETOX


 
เปิดอ่าน 3560

6 STEP LIVER DETOX โปรแกรมล้างพิษตับ

 

 

เราต่างกังวลเรื่องสุขภาพของตัวเอง และตั้งคำถามต่างๆ นานา เช่น ทำไมเราจึงสุขภาพไม่ดี หรือสาเหตุอะไรกันนะ ที่ทำให้การทำงานของระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

 

 

ความเสื่อมของร่างกายนั้นมาจากความอ่อนแอของระบบอวัยวะหนึ่งอวัยวะใด ที่ส่งผลต่อกันมาเป็นทอดๆ โดยอาจเริ่มจากการที่ร่างกายต้องเผชิญกับมลภาวะรอบตัว รวมทั้งความเครียดในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ละที่ทำให้เซลล์ในร่งากายค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง และทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องยากมากขึ้น

 

 

นอกจากนี้ปัญหาข้างต้นยังทำให้ระบบการขับพิษ หรือล้างพิษของร่างากยจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อรับมือกับท็อกซินที่เราต้องเผชิญในแต่ละวัน ระบบนี้เป็นกลไกทางธรรมชาติที่เปลี่ยนท็อกซินให้กลายเป็นสสาร ปราศจากพิษที่ร่างกายสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือกำจัดออกไปได้

 

 

กระบวนการล้างพิษที่ช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูตัวเองได้นั้นเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ที่ว่านี้เป็นเรื่องลึกลับ และมหัศจรรย์ที่ร่างกายทำอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะในขณะหลับหรือตื่น

 

 

รู้จักเซล์ เลือด และน้ำเหลือง

นายแพทย์ปีเตอร์ เบนเนตต์ แพทย์ธรรมชาติบำบัดจากคลินิกเมดิทรีนธรรมชาติบำบัด ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า หน่วยโครงสร้างพื้นฐานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ได้แก่ เซลล์ เลือด และน้ำเหลือง (Cell , Blood and Lymph) โดยเซลล์เป็นหน่วยที่จำเป็นที่สุดของสิ่งมีชีวิต ส่วนเลือดมีหน้าที่นำอาหารไปบำรุงเซลล์ และน้ำเหลืองนำของเสียออกจากร่างกาย

 

 

เซลล์

เซลล์ทุกชนิดประกอบด้วยนิวเคลียส ไมโครคอนเดรีย และเยื่อหุ้มเซลล์ ทั้งหมดนี้เป็นโครงสร้างสำคัญในกิจกรรมการเผาผลาญ ที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้

 

1.นิวเคลียสมีดีเอ็นเอ เป็นศูนย์ความทรงจำ และการควบคุมชีวเคมีของร่างกาย

 

2.ไมโครคอนเดรีย สร้างโมเลกุลจำเพาะ สำหรับสร้างพลังงาน

 

3.เยื่อหุ้มเซลล์เป็นตัวกลางในการสื่อสารของเซลล์

 

 

ท็อกซินทำร้ายเซลล์

การเผชิญหน้ากับท็อกซิน โดยเฉพาะท็อกซินที่มาจากสารเคมีอุตสาหกรรม เป็นตัวก่อโรคมะเร็ง คุณหมอปีเตอร์ให้เหตุผลไว้ว่า สารเคมีดังกล่าวจะทำลายดีเอ็นเอ และขัดขวางการทำงานของนิวเคลียส ซึ่งเป็นไปได้ 2 ทาง ดังนี้

 

1.ท็อกซินจะเปลี่ยนโครงสร้างเซลล์ ทำให้เกิดความสับสนในการแสดงออกของดีเอ็นเอ

 

2.ท็อกซินจะแตกตัว ก่ออนุมูลอิสระ ขโมยอิเล็กตรอนจากดีเอ็นเอ และเปลี่ยนรหัสดีเอ็นเอไป โดยไม่มียาชนิดไหนแก้ไขได้ ท็อกซินบางชนิดเป็นอันตราย ซึ่งจะโจมตีดีเอ็นเอในตับ หลอดเลือดแดง และระบบประสาทส่วนกลาง

 

 

เมื่อท็อกซินเดินทางเข้าสู่ไมโครคอนเดรีย ร่างกายจะสร้างอนุมูลอิสระ โดยไม่มีเอนไซม์ที่จะทำให้ท็อกซิน และธาตุโลหะหนักแตกตัว การรักษาด้วยการล้างพิษ จะช่วยป้องกันการก่อตัวของอนุมูลอิสระเหล่านี้ โดยการทำให้ท็อกซินในตับแตกตัว และถูกขจัดออกก่อนจะเข้าสู่ไมโครคอนเดรีย

 

 

เมื่อเซลล์สูญเสียความสามารถในการล้างพิษด้วยตัวเองไปแล้ว ท็อกซินจะไปเป็นตัวรับของเยื่อหุ้มเซลล์ และสร้างสิ่งที่เรียกว่า “คลื่นท็อกซิน” (Toxic Noise) ซึ่งรบกวนการสื่อสารระหว่างเซลล์ ทำลายความสามารถของสมอง และรบกวนการสื่อสารในระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาท และระบบต่อมไร้ท่อ

 

 

เลือด

“เลือด” เชื่อมโยงทุกอวัยวะในร่างกายเข้าด้วยกัน เลือดประกอบไปด้วยน้ำ แร่ธาตุ โปรตีน เซลล์เม็ดเลือดขาวและเซลล์เม็ดเลือดแดง โดยทุกๆ จังหวะการเต้นของหัวใจ เลือดจะไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อไปถึงอวัยวะต่างๆ ส่งอาหารที่จำเป็นไปสู่เซลล์และกำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว

 

 

คุณหมอปีเตอร์ยังบอกอีกว่า เลือดช่วยให้โมเลกุลเคลื่อนที่จากส่วนหนึ่งของร่างกาย ไปยังอีกส่วนหนึ่ง เพื่อทำความสะอาดระบบล้างพิษ อาทิ ตับ และสร้างเส้นทางให้เซลล์สารต้านท็อกซิน อาทิ ระบบภูมิคุ้มกัน

 

 

ท็อกซินทำร้ายเลือด

เลือดเปราะบางต่อท็อกซินมาก จึงเป็นหน่วยแรกของร่างกายที่ถูกโจมตี เมื่อเลือดปนเปื้อนท็อกซิน มันจะกระจายท็อกซินดังกล่าว ไปยังเซลล์ทั้งหมดของร่างกาย

 

 

การล้างพิษจึงช่วยล้างเลือด โดย นายแพทย์สตีเฟน แบร์รี แพทย์ธรรมชาติบำบัด ผู้เขียนหนังสือ “7-Day Detox Miracle” พบว่า การเปลี่ยนอาหารการกินและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จะช่วยผลักดันให้อวัยวะในระบบภูมิคุ้มกันกรองท็อกซินในเลือดได้

 

 

น้ำเหลือง

คุณหมอสตีเฟนบอกว่า หลังจากที่เลือดได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว เลือดจะเดินทางต่อไปยัง 2 ช่องทาง คือ ไหลผ่านระบบไหลเวียนเลือดแดง และไหลผ่านท่อเล็กๆ ของระบบน้ำเหลือง ซึ่งเป็นเครือข่ายของเส้นเลือดฝอย ที่อยู่ในเนื้อเยื่อทั้งหมด

 

 

ก่อนที่จะเข้าสู่เครือข่ายนี้ เลือดจะถูกแยกออกจากเซลล์เม็ดเลือดแดง เพื่อสร้างของเหลวที่เรียกว่า “น้ำเหลือง” ขึ้นมา โดยท่อเล็กๆ ของระบบน้ำเหลืองนั้นมีน้ำเหลืองบรรจุอยู่ถึง 15 ลิตร ซึ่งมากกว่าปริมาณเลือดทั้งหมดในร่างกายถึง 3 เท่า

 

 

น้ำเหลืองภายในท่อเล็กๆ เหล่านี้จะไหลเข้าสู่พื้นที่กรองเล็กๆ ที่เรียกว่า “ต่อมน้ำเหลือง” ซึ่งมีอยู่บริเวณขาหนีบ รักแร้ คอ และบริเวณหน้าท้องรอบๆ ลำไส้

 

 

ต่อมน้ำเหลืองมีมากกว่า 600 ต่อมทั่งร่างกาย มีหน้าที่เป็นตัวกรอง โดยในแต่ละต่อม เซลล์เม็ดเลือดขาวจะทำหน้าที่เสมือนผู้ปกป้อง ตรวจสอบแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคอันตรายในน้ำเหลือง เมื่อพบผู้บุกรุกเซลล์เม็ดเลือดขาวก็จะทำลายทันที

 

 

ในตับ ต่อมน้ำเหลืองทำหน้าที่เป็นตัวกรองขั้นต้นในการจำแนกแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคต่างๆ เพื่อล้างพิษเบื้องต้น เป็นการแบ่งเบาการทำงานของตับ

 

 

The 6 Steps of Detoxification

6 ขั้นตอนการล้างพิษ

 

การล้างพิษเป็นกระบวนการหนึ่งของร่างกายที่จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น ฟื้นฟูความเจ็บป่วย โดยการกระตุ้นระบบเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งคุณหมอสตีเฟนบอกว่า มี 6 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

 

 

STEP 1 ขจัดปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพ ปัญหาที่ส่งผลกระทบตอ่สุขภาพที่สำคัญ คือ ความเครียดของร่างกายที่เกิดจากมลภาวะ ซึ่งหากรุนแรงก็จะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบเการเผาผลาญ และทำให้กลไกการป้องกันตามธรรมชาติของร่างกายเสื่อมสภาพลง

 

 

การอดอาหาร โดยดื่มเฉพาะน้ำอย่างเดียวเป็นเวลา 2 วัน และวางแผนการกินอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน จะช่วยให้ระบบย่อยได้พัก โดยขั้นตอนนี้ร่างกายจะดึงพลังงานที่สะสมอยู่ตามเนื้อเยื่อออกมาใช้ และในกระบวนการนี้ท็อกซินที่อยู่ในเนื้อเยื่อจะถูกนำออกมาอยู่ในระบบเลือด ก่อนจะถูกขับออกไป

 

 

STEP 2 ปรับปรุงการไหลเวียน การติดเชื้อ การอักเสบ การบาดเจ็บ และพยาธิสภาพต่างๆ ในการเกิดโรค จะได้รับการตอบสนองเชิงบวกต่อการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง คุณหมอสตีเฟนกล่าวว่า การเคลื่อนตัวของของเหลวที่ว่านี้ จะนำพาสารอาหาร ออกซิเจนและเซลล์ดีพร้อมสู้โรค มายังเนื้อเยื่อที่กำลังเผชิญปัญหา รวมทั้งนำขยะจากการเผาผลาญ ของเสียจากการอักเสบ และท็อกซินอื่นๆ ออกไปจากร่างกาย ดังนั้น หากเกิดความผิดปกติต่อการไหลเวียนของเลือด จึงเป็นสัญญาณบอกโรค

 

 

อย่างไรก็ตามการใช้อควาเทอราปี การฝังเข็ม และการรักษาแนวธรรมชาติบำบัด จะช่วยให้ระบบประสาทซิมพาเทติกฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ

 

 

STEP 3 กระตุ้นการกำจัดของเสีย เมื่อระบบการไหลเวียนเริ่มนำท็อกซินออกมาจากเนื้อเยื่อ ร่างกายก็จะต้องกำจัดท็อกซินเหล่านั้นออกไป โดยขับออกผ่านเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ

 

 

คุณหมอสตีเฟนกล่าวว่า เราช่วยเพิ่มความสามารถในการกำจัดของเสียออกจากร่างกายทางผิวหนังปัสสาวะ และอุจจาระได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการขับถ่ายของเสียออกจากลำไส้ใหญ่ ผ่านการชะล้าง (การทำดีท็อกซ์แบบชีวจิต หรือ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Coffee Enema) การกินยาสมุนไพรเพื่อช่วยระบาย และการอบซาวน่า เพื่อขับเหงื่อออกทางผิวหนัง

 

 

STEP 4 ซ่อมแซมระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินอาหารเป็นเสมือนบ้านของจุลินทรีย์หลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งจะว่าไปมำจนวนมากกว่าเซลล์ทั้งหมดในร่างกาย ระบบทางเดินอาหารจึงเป็นระบบที่ซับซ้อน

 

 

นอกจากนี้ในระบบดังกล่าวยังมีแบคทีเรียที่มีน้ำหนักรวมกันถึง 3 ปอนด์ บางชนิดเป็นแบคทีเรียดี ในขณะที่บางชนิดอันตราย ซึ่งทั้งสองชนิดต่างก็ต่อสู้กันอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ชนิดของตนเองมีจำนวนมากกว่า แต่แน่นอนว่า ในสภาวะร่างกายที่แข็งแรงนั้น จำนวนแบคทีเรียดีย่อมมีมากกว่า

 

 

ทั้งนี้หากแบคทีเรียชนิดอันตรายมีจำนวนมากกว่าแบคทีเรียชนิดดีเมื่อใด ร่างกายก็จะสร้างท็อกซินขึ้น ซึ่งจะแทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือด กลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดทั้งโรคเฉียบพลัน และโรคเรื้อรัง นอกจากนี้ความไม่สมดุลระหว่างแบคทีเรียชนิดดี และชนิดอันตรายยังเป็นสาเหตุของการแพ้อาหารต่างๆ ปัญหาผิวหนัง การปวดหัวไมเกรน ฯลฯ อีกด้วย

 

 

วิธีรักษา

ดร.เจฟฟ์ แบลนด์ ผู้ก่อตั้งสถาบันการแพทย์แนวฟังก์ชันนัล (Functional Medicine) ประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำว่า หากต้องการซ่อมแซมระบบทางเดินอาหาร และกระตุ้นกลไกการล้างพิษ จะต้องทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

 

1.เติมแบคทีเรียชนิดดีให้ลำไส้ใหญ่

 

2.ปรับปรุงระบบย่อยอาหาร เพื่อให้อาหารได้รับการย่อยอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เน่าเสีย

 

3.เพิ่มระยะเวลาการเดินทางของอาหาร ไปยังลำไส้ใหญ่ โดยการเคี้ยวช้าๆ

 

4.ฝึกร่างกายให้ลดภาวะลำไส้ขี้เกียจ (Leaky Gut)

 

 

STEP 5 กระตุ้นตับ ตับเป็นอวัยวะที่แบกรับภาระการทำงานของร่างกายมากมาย รวมทั้งกระบวนการที่มีชื่อว่า “กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ” (Biotransformation) โดยเลือดจะไหลผ่านเข้าสู่ตับพร้อมกับของเสีย และท็อกซินมากมายที่รอการกำจัดออก รวมทั้งสารอาหารที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นพลังงาน วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยให้การทำงานดังกล่าวมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างและฟื้นฟูเซลล์

 

 

คุณหมอปีเตอร์ ผู้ช่วยเขียนหนังสือ “7-Day Detox Miracle” ให้ความรู้ว่า ตับยังผลิตน้ำดีและคอเลสเตอรอล ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย และช่วยกำจัดไขมันจากอาหาร ที่จริงแล้วระบบการเผาผลาญและการทำงานของร่างกายดังกล่าว เชื่อมโยงกับอวัยวะตับไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้น ถ้าอวัยวะตับไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จะส่งผลกระทบต่อทุกระบบในร่างกาย

 

 

ดีท็อกซ์ตับ

เราจำเป็นต้องกำหนดรูปแบบการอดอาหาร และการกินอาหารอย่างเมหาะสม โดยคุณหมอปีเตอร์และคุณหมอสตีเฟนแนะนำ ให้กินกรดแอมิโนที่ได้จากโปรตีนธรรมชาติที่มีอยู่ในพืชต่างๆ เช่น ธัญพืชไม่ขัดขาว เพื่อกระตุ้นการล้างพิษแอนติออกซิแดนต์ วิตามิน และสมุนไพร เพื่อช่วยรักษา ป้องกันการทำลายอนุมูลอิสระ ป้องกันตับ และอวัยวะอื่นๆ ส่วนสมุนไพรจะช่วยสร้างน้ำดีเพื่อนำสารพิษออกจากตับ

 

 

นอกจากนี้กิจกรรมที่กระตุ้นการไหลเวียนของระบบโลหิต เช่น อะควาเทอราปี ซาวน่า กระโดดเชือก โยคะ จะช่วยบังคับการเคลื่อนที่ของเลือดผ่านลำไส้ใหญ่และตับ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน และการล้างพิษทำงานดีขึ้น

 

 

STEP 6 แปลงร่างความเครียด ในระยะยาวฮอร์โมนความเครียด จะส่งผลกระทบด้านลบต่ออวัยวะทุกระบบในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบการล้างพิษ โดยทำให้กระบวนการกรองสารพิษอ่อนแอลง รวมทั้งยังอาจทำให้เกิดภาวะลำไส้ขี้เกียจ หรือ Leaky Gut ได้ นอกจากนี้ความรู้สึกด้านลบยังมีผลกระทบต่อระบบการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือดอีกด้วย

 

 

คุณซาร่า เฟย์ ผู้ช่วยคุณหมอปีเตอร์และคุณหมอสตีเฟน พบว่า การกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกบวกนั้น เป็นกุญแจสำคัญในการล้างพิษทางอารมณ์ การเปลี่ยนความคิดให้ไปจดจ่ออยู่กับเรื่องบวก สามารถทำได้ด้วยการกำหนดจิตตัวเอง สวดมนต์ ปฏิญาณตน และเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในบ้านและสถานที่ทำงาน เพื่อลดพฤติกรรม และความรู้สึกด้านลบที่มักจะเกิดเมื่ออยู่ในบรรยากาศเก่าๆ

 

 

นอกจากนี้การผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงานอดิเรก การอ่านหนังสือ การเล่นดนตรี การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นกิจกรรมสำคัญที่จะป้องกันคุณจากความคิดด้านลบ และความเครียดทางกายได้

 

 

อะควาเทอราปีเพื่อการล้างพิษ

อะควาเทอราปีเพื่อการล้างพิษนั้น เป็นวิธีกระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่เก่าแก่ที่สุดวิธีหนึ่ง สามารถทำได้โดยการอาบน้ำอุ่น (จนร้อน) สลับกับการอาบน้ำเย็น เพื่อให้เลือดไหลเวียนภายใต้ผิวหนัง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังเนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ

 

 

The Liver

กิจกรรมชีวเคมีส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระบบการย่อยอาหารและการเผาผลาญรวมทั้งอวัยวะตับ โดย “ตับ” เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการกรองของเสีย ให้กับทุกโมเลกุลเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างากย และเปลี่ยนท็อกซินให้กลายเป็นสสารไม่อันตราย ที่สามารถสลายออกไปจากร่างกายได้

 

 

ตับทำความสะอาดเลือดและทำให้เลือดบริสุทธิ์ เพื่อส่งไปบำรุงเลี้ยงร่างกายต่อไป ดังนั้น ความอ่อนแอหรอืความผิดปกติใดๆ ที่เกิดขึ้นกับตับส่งผลกระทบต่อระบบอวัยวะทั้งหมด

 

 

การรักษาโรคโดยวิธีธรรมชาติบำบัด (Naturopathic) ยืนยันว่า หลายโรคสามารถรักษาได้ด้วยการกระตุ้นการทำงานของตับ

 

 

กระบวนการกำจัดของเสียออกจากตับ

คุณหมอปีเตอร์ระบุว่า ร่างกายของเราไม่ชอบเก็บโมเลกุลชนิดใดชนิดหนึ่งไว้นาน แม้จะเป็นโมเลกุลที่ดี อาทิ ฮอร์โมน ซึ่งก็ถูกนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล หรือถูกกำจัดออกจากร่างกายอยู่เสมอ เอนไซม์ที่ช่วยล้างพิษเป็นตัวสำคัยที่คอยส่งเสริมให้ตับสามารถทำลายโมเลกุล ทั้งชนิดที่ดีและเป็นพิษได้ โดยเอนไซม์ดังกล่าว เป็นโมเลกุลที่ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งในกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

 

 

ร่างกายของเรามีเอนไซม์นับพันชนิด โดยที่แต่ละชนิดก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วเอนไซม์จะทำหน้าที่เป็นเหมือนสบู่ที่คอยกำจัดความมัน โดยย่อยให้กลายเป็นโมเลกุลเล็กๆ และกำจัดมันออกไปจากร่างกายในที่สุด

 

 

การทำความสะอาดตับระยะแรก

ในระยะแรกนี้เอนไซม์จะทำให้ท็อกซินแตกตัวออกเป็นขนาดปานกลาง โดยท็อกซินบางชนิดจะถูกกำจัดในระยะนี้ แต่บางชนิดก็ต้องถูกส่งต่อไปกำจัดยังระยะที่สอง

 

 

การทำความสะอาดตับระยะที่สอง

ท็อกซินขนาดปานกลางจะถูกส่งไปตามเส้นทางล้างพิษ 6 เส้นทาง ซึ่งท็อกซินเหล่านี้จะถูกทำให้แตกตัว มีขนาดเล็กลงไปอีก และเกาะเข้ากับโมเลกุลโปรตีนชนิดจำเพาะ ที่จะทำหน้าที่นำพาท็อกซินออกไปจากร่างกาย ในรูปแบบของปัสสาวะหรืออุจจาระ

 

 

7 Days Detox Miracle

 

คุณหมอปีเตอร์แนะนำโปรแกรมช่วยตับล้างพาในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

 

• ดื่มเฉพาะน้ำแร่บริสุทธิ์ อย่างน้อยวันละประมาณ 2 ลิตร

 

• ดื่มน้ำผลไม้เจือจางโดยการเติมน้ำเปล่าลงไปในน้ำผลไม้สดหนึ่งเท่าตัว

 

• กินเฉพาะอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก

 

• ดื่มน้ำอาร์ซีหรือน้ำต้มจากข้าว 9 ชนิด ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีนจากธัญพืชวันละ 2 ครั้ง โดยอาจดื่มระหว่างมื้ออาหาร

 

• กินบีตรู้ตทุกวัน โดยปรุงเป็นอาหารต่างๆ ทั้งแบบปรุงสุกหรือกินสด

 

• ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง อาจเป็นการเดิน รำกระบอง โยคะ

 

• ทำให้เหงื่อออกทุกวัน ทั้งนี้อาจด้วยการออกกำลังกายหรืออบซาวน่า

 

• นอนหลับอย่างน้อยคืนละ 6-7 ชั่วโมง

 

• หลีกเลี่ยงการกินอาหารจนแน่นท้อง หรือกินอาหารทั้งที่ไม่รู้สึกหิว

 

• หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มกาเฟอีน

 

• หลีกเลี่ยนกิจกรรมที่กระตุ้นร่างกายาในช่วงเวลากลางคืน เช่น ดูทีวี ดูหนัง ปาร์ตี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการพักสมองตลอดช่วงเวลา 7 วัน

 

• หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือสารกันบูด

 

 

ธปัน แสงสุวรรณ

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





ลดไขมันหน้าท้อง นวดสลายไขมัน ผลไม้ลดความอ้วน ลดน้ำหนักเร่งด่วน อาหารคลีน กินคลีนลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน กินคีโต วิธีลดความอ้วนเร็วที่สุด อาหารลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วิธีลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดความอ้วนเร่งด่วน ผลไม้ลดน้ำหนัก อาหารเสริมลดความอ้วน วิธีลดความอ้วน เมนูลดความอ้วน วิธีการสลายไขมัน ลดความอ้วน สลายไขมัน ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก Exilis Elite Thermage Body ออฟฟิศซินโดรม Inbody Vaginal Lift Morpheus Pro Oligio Body IV Drip Emsella เลเซอร์นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting romrawin รมย์รวินท์ ร้อยไหมหน้าเรียว ไหมหน้าเรียว ร้อยไหมเหนียง ไหมเหนียง ร้อยไหมยกหางตา ไหมยกหางตา Foxy Eyes ร้อยไหมปีกจมูก ไหมปีกจมูก ร้อยไหมกรอบหน้า ไหมกรอบหน้า ร้อยไหมร่องแก้ม ไหมร่องแก้ม ร้อยไหมก้างปลา ไหมก้างปลา ร้อยไหมคอลลาเจน ไหมคอลลาเจน ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม ฟิลเลอร์คอ ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์มือ ฟิลเลอร์หน้าใส หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม ฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา ฟิลเลอร์ยกหน้า ฟิลเลอร์หลุมสิว หลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฟิลเลอร์ปาก 1 CC ฟิลเลอร์จมูกราคา ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฟิลเลอร์น้องสาวกี่ CC ฟิลเลอร์ราคา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime อัลเทอร่า Ulthera Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Oligio เลเซอร์รักแร้ขาว เลเซอร์ขน กำจัดขน เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์เครา เลเซอร์รักแร้ เลเซอร์ขนรักแร้ กำจัดขนถาวร เลเซอร์ขนถาวร เลเซอร์ขน กำจัดขน เลเซอร์รอยสิว Pico Laser Pico Majesty Pico Majesty Laser Pico Pico NCTF 135 HA Rejuran Belotero Revive Glassy Skin Juvederm Volite Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Skinvive Sculptra Sculptra Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse UltraClear Aviclear Laser AviClear Laser Aviclear Aviclear AviClear Accure Laser Accure สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Fit Firm Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Elite NAD+ therapy NAD+ ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP ดริปวิตามิน Vaginal Lift Apex