
© 2017 Copyright - Haijai.com
นั่งทำงานถูกท่า งานรุ่ง สุขภาพดี
ทุกวันทำงานเราชาวออฟฟิศ ทุกคนจะทุ่มเทให้กับงานเต็มที่ ใจจดใจจ่อกับสิ่งที่ทำมาก ซะจนไม่ค่อยมีเวลาขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย กว่าจะได้ขยับตัวอีกที ก็เลิกงานพอดี หนุ่ม-สาว ออฟฟิศ มักจะเป็นแบบนี้กันอยู่เสมอ คือ นั่งอยู่ในท่าเดิมๆ เป็นเวลานาน โดยไม่ได้ขยับร่างกายหรือเดิน ไปไหนมาไหนเท่าไหร่
การที่เราไม่ได้ขยับร่างกายนี่แหละ เป็นที่มาของอาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดคอ บ่า ไหล่ และมีความเครียดสะสมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม และยังส่งผลต่อสมรรถภาพในการทำงานด้วย
อีลิเมีย ฟ็อกส์ นักกายภาพบำบัดจากสหราชอาณาจักร แนะนำท่านั่ง และการวางสรีระในการทำงานที่เหมาะสม ที่จะช่วยปรับเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน และชีวิตของเราให้ดีขึ้น
ท่านั่งที่ผิดส่งผลเสียอย่างไรบ้าง
ท่าทาง (Posture) ที่ผิดคือ ท่าที่เราเผลอนั่งหลังค่อมอยู่บ่อยๆ ซึ่งท่านั่งที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ จะทำให้อวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย ทิ้งน้ำหนักไปที่กล้ามเนื้อจุดใดจุดหนึ่งมากเกินไป จนทำให้เกิดอาการตึงของกล้ามเนื้อและเอ็น ซึ่งเป็นที่มาของอาการต่างๆ เช่น
ท่านั่งและท่ายืนที่ไม่สง่าทำให้เสียบุคลิกภาพ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อาการเสียวแปลบที่สันหลังที่เกิดจากแรงกดช่วงข้อต่อกระดูก หมอนรองกระดูก และเส้นประสาท เหนื่อยล้าได้ง่าย เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไปสู่กล้ามเนื้อน้อยลง ได้รับบาดเจ็บจากการนั่งหรือยืนผิดท่า
ในกรณีที่เส้นประสาทเกิดการอักเสบ เราจะมีอาการเสียวแปลบไปจนถึงอาการชา แต่บางทีอาการเหล่านั้น ก็ไม่ได้เกิดตรงเส้นประสาทที่อักเสบ เช่น เส้นประสาทอักเสบที่คอแต่อาจไปก่อให้เกิดอาการชาและเสียวแปลบที่แขน หรือมือแทน
ท่านั่งที่ดีเป็นอย่างไร
สำหรับผู้ที่กังวลกับอาการปวดตามร่างกายจากท่านั่งที่ผิด นักกายภาพบำบัดก็ได้แนะนำวิธีลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเหล่านั้น โดยเริ่มจาก
นั่งในท่าที่เป็นธรรมชาติ
หลายๆ คนปรับระดับเก้าอี้สูงเกินไป ทำให้ต้องโน้มตัวเข้าหาโต๊ะ จนบางทีเผลอ ยกเท้าลอยเหนือพื้น โดยเฉพาะเวลาที่มัวเพ่งอยู่กับงาน เพราะฉะนั้นคุณควรมีสติกลับมา สนใจท่านั่งของตัวเองบ้าง เริ่มจากปรับท่านั่งให้เป็นท่าที่ถูกต้อง ซึ่งสามารถทำง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
1.นั่งเอนหลังพนักเก้าอี้
2.ปรับที่นั่งเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อปรับกระดูกเชิงกรานและกระดูกสันหลังให้ตรงกัน
3.ปรับความสูงของเก้าอี้ให้สะโพกอยู่สูงกว่าเข่าเล็กน้อย
4.นั่งให้เท้าราบกับพื้นและวางเท้าให้กว้างประมาณช่วงไหล่
5.นั่งหลังตรงโดยให้ศีรษะตั้งตรงเหนือไหล่
6.ขยับเก้าอี้ให้เข้าใกล้โต๊ะ โดยให้แน่ใจว่าเราจะไม่ต้องโน้มตัวขณะทำงาน
7.ปรับเก้าอี้ให้อยู่ในความสูงที่เท้าวางพื้นได้พอดี
8.ปรับเบาะจนกว่าคุณจะรู้สึกว่า ไม่มีส่วนไหนของร่างกายตึง หรือจนรู้สึกสบายตัว
วางคีย์บอร์ดให้ถูกที่
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องขยับตัวซ้ายขวา ตามการเลื่อนไปเลื่อนมาของคีย์บอร์ด คุณควรเปลี่ยนพฤติกรรมเดี่ยวนี้ เพราะคีย์บอร์ดควรขยับตามคุณต่างหาก เริ่มจากการวางคีย์บอร์ดให้อยู่ในระดับเดียวกับท่านั่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าเจ้าคีย์บอร์ดยังขยับอยู่ ให้ลองซื้อที่รองคีย์บอร์ดมาช่วยกันลื่นอีกแรง
ถ้าคุณใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในการทำงาน บอกเลยว่ามันอาจจะทำให้คุณปวดหลัง ปวดตัวได้ง่ายกว่า เพราะว่าคุณจะต้องโน้มตัวไปหามันเวลามองจอและเวลาพิมพ์ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ เราแนะนำให้คุณซื้ออุปกรณ์เสริมอย่างเม้าส์ และคีย์บอร์ดมาช่วยลดการเอี้ยวตัวระหว่างทำงาน
ปรับทัศนวิสัย
สายตาของคุณควรอยู่ระดับกึ่งกลางจอคอมพิวเตอร์ ถ้าคุณต้องเงยหน้าหรือก้มลง เพื่อมองจอแล้วละก็ เราแนะนำให้คุณปรับระดับจอ หรือขยับจอให้อยู่ในระดับเสมอสายตา วิธีนี้ควรนำมาใช้เวลาอ่านเอกสารด้วย เพราะคุณเองก็ไม่ควรก้มอ่านเอกสารเป็นเวลานานๆ เหมือนกัน
พักบ้างนะ
คุณควรลุกออกจากที่นั่งมายืดเส้นยืดสายประมาณ 5 นาทีต่อชั่วโมง อาจเป็นแค่เดินไปดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ หรือเดินไปตามงานจากเพื่อนร่วมงานอีกแผนกแทนการโทรศัพท์ก็ได้ หรือถ้าวันไหนยุ่งๆ คุณก็ควรพยายามหาเวลาซัก 10 วินาที ในการขยับแข้งขยับขา และหลับตาลงหรือมองไปที่อื่นเพื่อเป็นการพักสายตา
แต่ถ้าคุณอยู่ในห้องออฟฟิศเล็กๆ ที่ไม่สะดวกกับการเดินไปมา ก็สามารถขยับร่างกายในห้องทำงานของคุณได้
อาการปวดและอาการชาตามร่างกาย เป็นสัญญาณที่ร่างกายบอกว่า ต้องการความช่วยเหลือ การนวดหรือฝังเข็ม อาจช่วยบรรเทาอาการได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ทางที่ดี คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและท่าทางการนั่งทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบโต๊ะทำงาน การปรับตำแหน่งเก้าอี้ให้เหมาะสม รวมไปถึงการออกกำลังกายในออฟฟิศ สิ่งเหล่านี้เป็นขั้นตอนการดูแลตัวเองที่ทำได้ง่ายๆ ทุกวัน เพราะท้ายที่สุดแล้ว หมอที่จะรักษาคุณได้ดีที่สุดก็คือตัวคุณเอง
นพวรรณ มีชูคุณ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)