© 2017 Copyright - Haijai.com
3 ต้อกระจก ต้อลม ต้อเนื้อ โรคร้ายจากแสงยูวี
ข้อมูลจากบทความเรื่อง “โทษของแสงยูวีต่อดวงตา” ของ ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสภาวรัตน์ คุณาวิศรุต ในหนังสือ ตาดีได้ ตาร้ายไม่เสีย สรุปว่า หากคุณเข้าข่ายเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ดวงตาของคุณก็มีความเสี่ยง จะได้รับอันตรายจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (Ultraviolet) มากกว่าคนทั่วไปแล้ว
โดยกล่าวถึงผลร้ายที่ดวงตาต้องเผชิญจากการรับรังสียูวีว่า เนื่องจากรังสียูวี ซึ่งเป็นรังสีคลื่นสั้นที่มีความเข้มข้นสูง เมื่อเนื้อเยื่อในร่างกายดูดซึมรังสียูวีเข้าไป จะทำให้โมเลกุลในเซลล์ถูกทำลาย และเกิดเสื่อมสภาพเร็วขึ้น รวมถึงอาจนำไปสู่การเกิดโรคต้อชนิดต่างๆ ในดวงตาอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้การประกอบอาชีพที่ต้องอยู่กลางแจ้งหรือทำงานในที่สูง เช่น นักบินหรือนักไต่เขา รวมถึงทำงานใกล้อุปกรณ์ที่ก่อรังสียูวี ทำให้ดวงตามีโอกาสรับรังสียูวีมากกว่าปกติ นอกจากนี้กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวที่ผิวหนัง ไวต่อรังสียูวีจากแสงแดด หรือผู้เป็นโรคจอตาเสื่อมซึ่งเซลล์การมองเห็นในดวงตาจะเสื่อมเร็วขึ้น เมื่อได้รับรังสียูวี อีกทั้งผู้ที่ใช้ยาในกลุ่มโฟโตเซนซิไทเซอร์ (Photosensitizer) ยากลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid) หรือยาเตตราไซคลีน (Tetracycline) ซึ่งตัวยามักเข้าไปจับอยู่ที่เลนส์ตาและดูดแสงยูวีเพิ่มขึ้น ล้วนเป็นผู้มีความเสี่ยงทั้งสิ้น
โดยโรคดวงตาที่มีผลมาจากรังสียูวีมีดังนี้
1.ต้อกระจก
คุณหมอสภาวรัตน์อธิบายว่า “ต้อกระจก” เกิดจากการรับแสงยูวีสะสมต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาการคือ มีฝ้าขาวอมเหลืองที่เกิดจากโปรตีนชั้นกลางของเลนส์ตาเปลี่ยนสภาพไป และลุกลามเข้าสู่กึ่งกลางเลนส์ตา ทำให้ตามัวลง
2.ต้อเนื้อและต้อลม
คุณหมอสภาวรัตน์อธิบายว่า เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดที่มีรังสียูวีเป็นประจำ อาจทำให้เกิดความเสื่อมที่เยื่อบุตา เกิดเป็นตุ่มสีเหลืองบริเวณใกล้ตาดำ เรียกว่า “ต้อลม” ซึ่งต่อมาเมื่อเยื่อบุตาถูกสิ่งระคายเคือง เช่น ลม ฝุ่นละออง รวมถึงแสงแดดจ้าที่มีรังสียูวีซ้ำ ตุ่มสีเหลืองดังกล่าว จะลุกลามกลายเป็นเนื้อยื่นเข้าไปในตาดำ เรียกว่า “ต้อเนื้อ” นั่นเอง
Checklist!
• คุณอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้ง หรือมีอาชีพเป็นนักบินหรือนักไต่เขา และไม่สวมแว่นตาที่ป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดเป็นประจำ
• คุณทำงานใกล้เครื่องมือที่ก่อรังสียูวี เช่น เครื่องฆ่าเชื้อโรคในโรงพยาบาล ตะเกียงปรอท หลอดไส้ หรือเครื่องเลเซอร์ต่างๆ
• คุณมีโรคประจำตัวที่ผิวหนังไวต่อรังสียูวีในแสงแดด หรือเป็นโรคจอตาเสื่อม (Retinitis Pigmentosa)
• คุณใช้ยาในกลุ่มโฟโตเซนซิไทเซอร์ (Photosensitizer) ยากลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid) หรือ ยาเตตราไซคลีน (Tetracycline) เป็นประจำ
Did you know?
นอกจากการรับรังสียูวีอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้เกิดโรคต้อชนิดต่างๆ แล้ว การรับรังสียูวีในคราวเดียวก็ส่งผลร้ายต่อดวงตาด้วย โดยหากรับรังสียูวีต่อเนื่อง 6-10 ชั่วโมง จะทำให้เกิดแผลเล็กๆ ที่กระจกตา ทำให้ตามัวและมีอาการปวดตามาก รวมถึงน้ำตาไหล ซึ่งอาการดังกล่าวมักพบในกลุ่มผู้เล่นสกีหรือทำงาน เชื่อมโลหะโดยไม่สวมแว่นตาสำหรับป้องกันแสงยูวีโดยเฉพาะ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)