© 2017 Copyright - Haijai.com
ไขมันเกาะหัวใจ
“ไขมัน” มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีไขมันไม่ว่าจะเป็นไขมันจากพืชหรือไขมันจากสัตว์ ร่างกายจะย่อยไขมันในอาหารเหล่านี้ให้เป็น “กรดไขมัน” แล้วดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ในหลากหลายด้าน เช่น เป็นตัวช่วยละลายวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ ทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันร่างกายสูญเสียความร้อน ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นเป็นส่วนประกอบของอวัยวะบางอย่างในร่างกาย เช่น ประสาท และสมอง เป็นต้น
แม้ว่าไขมันจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การรับประทานอาหารตามใจปาก โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันมาก เป็นเรื่องที่ต้องระวังและบังคับใจตัวเองอย่างเคร่งครัด เพราะหากยับยั้งใจตัวเองไม่ได้ หลงเพลินไปกับความอร่อย น้ำหนักตัวและรอบเอวอาจจะเกินเกณฑ์มาตรฐานโดยไม่รู้ตัว ตามมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บอีกมากมาย อาทิ โรคไขมันในเลือดผิดปกติ โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น
ไขมัน พลังงานสูง
ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูง ไขมัน 1 กรัมให้พลังงานสูงถึง 9 กิโลแคลอรี ในขณะที่โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตให้พลังงานเพียง 4 กิโลแคลอรีเท่านั้น โดยใน 1 วันเราควรได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต 50-60% จากโปรตีน 15-20% และไขมันประมาณ 25-30% และจำกัดไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 10% ของไขมันทั้งหมด
รวมทั้งหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่เพียงแต่ไม่ให้ประโยชน์ใดๆ ต่อร่างกาย ไขมันประเภทนี้ยังทำให้เอชดีแอลคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลชนิดดีลดลง และทำให้แอลดีแอลคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีเพิ่มขึ้น จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ซ้ำร้ายยังมีรายงานว่าไขมันทรานซ์เพิ่มการหลั่งอินซูลิน และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานด้วย
ปัจจุบันหญิงไทยเกินครึ่งและชายไทยเกิน 1 ใน 3 มีไขมันต่ำเกินไป สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือ การที่คนไทยกินอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์นั่นเอง อาหารที่มีไขมันทรานส์ปริมาณมาก เช่น คุกกี้ ขนมปังเบเกอรี่ ขนมปังกรอบ โดนัท ปาท่องโก๋ เฟรนช์ฟราน มันทอด กล้วยแขก ขนมกรุบกรอบ โรตี อาหารที่ทอดในน้ำมันซ้ำๆ ก็จะยิ่งมีไขมันทรานส์มาก จึงควรหลีกเลี่ยงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังได้แนะนำเกี่ยวกับการบริโภคน้ำมันไว้ว่า เราไม่ควรบริโภคน้ำมันเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่ปัจจุบันจากการสำรวจล่าสุดพบว่าประชากรไทยบริโภคน้ำมันสูงถึง 12 ช้อนชาต่อวัน ดังนั้น ถ้าเราจะบริโภคน้ำมันให้อยู่ในเกณฑ์ที่แนะนำ เราจึงต้องหลีกเลี่ยงการปรุงอาหารประเภททอดหรือผัดน้ำมันเยอะๆ
นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากกะทิ ไขมันสัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งอาหารแปรรูปที่มีไขมันสูง เราจึงจะสามารถจำกัดน้ำมันให้อยู่ในโควตา 6 ช้อนชาต่อวันได้ แต่เนื่องจาก 6 ช้อนชาต่อวันอาจไม่เพียงพอในการทำอาหาร ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้ก็คือ เลือกเนื้อสัตว์ไขมันต่ำประกอบกับปรับวิธีการปรุงประกอบอาหาร โดยเปลี่ยนเป็น ต้ม ลวก ตุ๋น นึ่ง อบ ยำ หรือผัดที่ใช้น้ำมันน้อยๆ แทน
แต่ถ้าอยากกินของทอดของผัดจริงๆ สิ่งที่สามารถทำได้คือ ต้องกินคู่กับอาหารที่ไม่มีน้ำมัน และยอมให้ตนเองกินอาหารทอดได้แค่วันละครั้งเท่านั้น โดยในมื้อที่มีอาหารทอด อาหารร่วมอื่นๆ จะต้องเป็นอาหารที่ปราศจากน้ำมัน เช่น ต้ม นึ่ง ย่าง ลวก ยำ แกงป่า แกงเลียง แกงส้ม ต้มยำน้ำใส ก็จะช่วยให้เรากำจัดน้ำมันให้ใกล้เคียงกับคำแนะนำที่ 6 ช้อนชาต่อวันได้
เทคนิคปรับพฤติกรรม ลดมัน ป้องกันโรค
• ลดไขมันทรานส์ โดยหลีกเลี่ยงหรือลดเนยเทียม มาการีน เค้ก เบเกอรี่ โรตี โดนัท อาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ เช่น กล้วยทอด ขนมข้าวเม่า ปาท่องโก๋ ขนมกรุบกรอบ
• หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ไขมันสูง เช่น หนังไก่ หมูสามชั้น หมูกรอบ เบคอน ไส้กรอก กุนเชียง ปลาเชียง หมูยอ
• หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เช่น พิซซ่า ไก่ทอด หอยทอด แกงกะทิ
• หลีกเลี่ยงการกินไขมันคู่กับน้ำตาล เช่น ขนมปังทาเนยและน้ำตาล โรตีนเนยน้ำตาล กาแฟเย็น ชาเย็นใส่ครีมเทียมและน้ำตาล เพราะน้ำตาลจะทำให้ร่างกายเราหลั่งอินซูลิน ทำให้เซลล์ของเราเก็บไขมันมากขึ้น
• เลือกเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ปลา ไข่ขาว เนื้อไก่ เนื้อหมูไม่ติดมัน
• เลือกวิธีการปรุงประกอบอาหารที่ใช้น้ำมันน้อย เช่น ต้ม ตุ๋น นึ่ง ย่าง อบ ยำ แทนแกงกะทิ ผัด ทอด เพื่อจำกัดการใช้น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
• เลือกใช้นมจืดไขมันต่ำแทนครีมเทียม
• เปลี่ยนอาหารว่างจำพวกขนมหวานกะทิ เบเกอรี่ เป็นผลไม้แทน
• อ่านฉลากโภชนาการ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันต่ำกว่า เช่น น้ำสลัดไขมันต่ำ นมไขมันต่ำ โยเกิร์ตไขมันต่ำ
• ออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์
เปลี่ยนแปลงทีละน้อย
รายการอาหารเหล่านี้เป็นตัวอย่างแนะนำในการลองเปลี่ยนแปลงอาหารประจำวัน
แบบเดิม |
ไขมัน (กรัม) |
เทียบเท่าน้ำมัน (ช้อนชา) |
ลองเปลี่ยนเป็น |
ไขมัน (กรัม) |
เทียบเท่าน้ำมัน (ช้อนชา) |
อาหารเช้า |
|
||||
ปาท่องโก๋ 3 ตัว |
12 |
2 ½ |
ข้าวต้มกุ้ง 1 ถ้วย |
2 |
½ |
โกโก้ร้อน 1 ถ้วย |
15 |
3 |
น้ำผลไม้ 1 แก้ว |
0 |
0 |
ขนมเค้ก 1 ชิ้น |
6 |
1 ¼ |
ผลไม้ 1 ผล |
0 |
0 |
นมสด 1 ถ้วย |
8 |
1 ½ |
นมพร่องมันเนย 1 แก้ว |
4 |
1 |
อาหารกลางวัน |
|
||||
หมูทอด 2 ชิ้น |
21 |
4 ¼ |
อกไก่นึ่ง 1 ชิ้น |
4 |
1 |
พะแนงเนื้อ 1 ถ้วย |
15 |
3 |
แกงจืดผักกาดขาว 1 ถ้วย |
4 |
1 |
ปลาทอด 1 ตัว |
16 |
3 ¼ |
ปลานึ่งมะนาว 1 ตัว |
1 |
¼ |
ข้าวผัด 1 จาน |
13 |
2 ½ |
ข้าวเปล่า 1 จาน |
0 |
0 |
อาหารเย็น |
|
||||
ขาหมูพะโล้ 1 ถ้วย |
21 |
4 ¼ |
เนื้อหมูแดงอบ 2 ชิ้น |
8 |
1 ½ |
น่องไก่ทอด 1 ชิ้น |
11 |
2 ¼ |
น่องไก่ย่างเลาะหนัง |
2 |
½ |
คะน้าผัดหมูกรอบ 1 จาน |
13 |
2 ½ |
เมี่ยงคะน้าปลาทู 1 จาน |
|
|
แกงเทโพ 1 ถ้วย |
17 |
3 ½ |
แกงส้มผักรวม 1 ถ้วย |
0 |
0 |
ข้าวผัด 1 จาน |
13 |
2 ½ |
ข้าวเปล่า 1 จาน |
0 |
0 |
ของว่าง |
|
||||
ถั่วลิสงทอดจานเล็ก |
56 |
11 ¼ |
ข้าวโพดต้ม 1 ฝัก |
0 |
0 |
มันฝรั่งทอด 10 ชิ้น |
7 |
1 ½ |
ผลไม้สด 1 ชิ้น |
0 |
0 |
ไอศกรีม 1 ถ้วย |
14 |
3 |
น้ำกระเจี๊ยบ 1 แก้ว |
0 |
0 |
คุกกี้ 2 ชิ้น |
5 |
1 |
ผลไม้อบแห้ง 1 ชิ้น |
0 |
0 |
ฝอยทอง 2 จับ |
9 |
2 |
วุ้นแมงลัก 1 ถ้วย |
0 |
0 |
สำหรับใครที่อ้วน หากจะเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพ ลดน้ำหนัก ก็ขอให้ลดอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อนจนถึงกับต้องหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางอย่างมาช่วย เพราะไม่เพียงไม่ช่วยให้น้ำหนักลดลงถาวรแล้ว หนำซ้ำอาจกลับมาอ้วนมากขึ้น และอาจเจอฤทธิ์ของผลข้างเคียงของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นๆ ด้วย เพราะฉะนั้นเริ่มต้นปรับพฤติกรรมการกินเสียตั้งแต่วันนี้ ดีที่สุด
เอกหทัย แซ่เตีย
นักกำหนดอาหาร
(Some images used under license from Shutterstock.com.)