© 2017 Copyright - Haijai.com
5 ประโยชน์พัฒนาศักยภาพของลูกน้อย
พัฒนาศักยภาพของลูกน้อยด้วยกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ
กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะเป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับนำมาใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพของลูกๆ เพราะเป็นกิจกรรมที่ตอบสนองต่อธรรมชาติของพวกเขาที่ชอบวิ่งกระโดด ยักย้าย ร่างกายดังนั้นการให้ลูกๆ ได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างเป็นอิสระประกอบจังหวะต่างๆ เช่น จังหวะของเสียงดนตรีจังหวะการตบมือ จังหวะการเคาะวัตถุ สามารถมีส่วนช่วยให้เกิดการพัฒนาได้ทุกส่วน ทั้งร่างกายอารมณ์ สังคม สติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถนำกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะมาใช้ได้อย่างเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของลูกน้อย ดังนี้
1.ประโยชน์ต่อร่างกาย การให้ลูกได้เดิน วิ่ง กระโดดหมุนตัว บิดเอว ยักย้ายส่ายสะโพก ชูมือ ประกอบจังหวะต่างๆ มีประโยชน์ต่อร่างกายของพวกเขาหลายอย่าง ทั้งช่วยในการฝึกการควบคุมการใช้ร่างกาย เช่น ได้ยินจังหวะ 2 ครั้ง ก็กระโดด 2 ที หรือฝึกการเรียนรู้เรื่องการทำงานที่ประสานกันของอวัยวะส่วนต่างๆ เช่น กระโดดไปพร้อมกับตบมือ บิดเอวไปพร้อมกับบิดหัว หรือฝึกการใช้กล้ามเนื้อทั้งเล็กและใหญ่ เช่น กำมือ-แบมือ หรือฝึกการรู้จักทิศทาง เช่น ก้าวไปทางซ้าย ย้ายไปทางขวา ย่ำไปข้างหน้า ถอยไปข้างหลัง นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวร่างกายยังเป็นการให้ลูกได้ออกกำลังกาย จึงทำให้ลูกมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วย
2.ประโยชน์ต่ออารมณ์ โดยธรรมชาติของเด็กจะไม่ชอบอยู่นิ่ง ดังนั้น เวลาที่เขาได้เคลื่อนไหวร่างกายเขาจะรู้สึกสนุกสนาน อารมณ์ดีผ่อนคลาย ไม่เครียด สังเกตได้ว่าทั้งในขณะและหลังจากที่ลูกได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างอิสระหรือได้เคลื่อนไหวด้วยท่าทางต่างๆ ประกอบเสียงเพลงหรือเสียงดนตรีที่มีจังหวะสนุกสนานหรือมีจังหวะอ่อนโยนแล้ว พวกเขาจะมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข สดใสร่าเริง มีรอยยิ้มและมีเสียงหัวเราะ กิจกรรมนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของลูกอย่างมากเลยทีเดียว และเมื่อลูกอารมณ์ดีมีความสุขแล้วก็จะมีส่วนช่วยกระตุ้นสมองของลูกให้พร้อม เปิดรับในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดีด้วย
3.ประโยชน์ต่อสังคม การทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะนอกจากจะสามารถทำได้ด้วยตนเองโดยลำพัง แล้วยังสามารถนำมาใช้ร่วมกันเป็นกลุ่มได้ด้วย และหากมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่มก็จะเกิดประโยชน์แก่ลูกได้มากกว่า เพราะเขาจะได้เรียนรู้ในเรื่องการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย เช่นในเรื่อง
• ความสามัคคี การทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะเป็นกลุ่ม ต้องอาศัยความพร้อมเพรียงของหมู่คณะเป็นสำคัญเพื่อที่จะเคลื่อนไหวตามจังหวะ ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ จะต้องไม่ทำช้าหรือทำเร็วกว่าคนอื่น ต้องไม่ตบมือหรือกระโดดนำไปก่อน แต่ต้องทำไปพร้อมๆ กัน ดังนั้น ลูกจะได้เรียนรู้ที่จะควบคุมตนเองไม่ให้ทำอะไรตามใจ แต่ต้องรู้จักสังเกตผู้อื่นและอยู่ในเงื่อนไขข้อตกลงร่วมกันของกลุ่ม แล้วทุกอย่างที่ทำก็จะสำเร็จราบรื่นและสวยงาม
• ความเป็นผู้นำผู้ตาม บางครั้งการทำงานเป็นกลุ่มต้องมีผู้นำและผู้ตาม เช่น เวลาออกกำลังกายโดยเต้นแอโรบิคอาจให้ใครสักคนออกมาเป็นผู้นำทำท่าทางเคลื่อนไหวร่างกายต่างๆ แล้วให้คนอื่นๆทำตาม แล้วมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปจนครบจำนวนคน ดังนั้นหากลูกเราไม่ได้เป็นผู้นำ ลูกก็จะต้องทำท่าทางตามผู้นำให้ถูกต้อง และเมื่อลูกเป็นผู้นำบ้าง ลูกก็จะได้เห็นว่าคนอื่นก็ทำท่าทางตามในฐานะผู้ตามที่ดีเช่นกัน การทำเช่นนี้นอกจากจะฝึกให้ลูกได้เรียนรู้ความภาคภูมิใจในตนเองแล้ว ยังฝึกให้เขารู้จักการเคารพผู้อื่นด้วย
4.ประโยชน์ต่อสติปัญญา กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะช่วยพัฒนาสติปัญญาและการเรียนรู้ของลูกได้มาก เป็นต้นว่าได้เรียนรู้ทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ เช่น การนับจำนวน ผ่านทางจังหวะของดนตรี ได้เรียนรู้ทักษะทางด้านภาษาทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เช่น การฟังเนื้อเพลงภาษาต่างๆ หรือคำคล้องจอง ได้เรียนรู้ทักษะทางด้านสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น ท่าทางการเต้นรำของชาติต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันออกไป ได้เรียนรู้ทักษะทางด้านมิติสัมพันธ์ คือ การรู้และจดจำทิศทาง
5.ประโยชน์ต่อความคิดสร้างสรรค์ การนำกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะมาใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพในเรื่องความคิด สร้างสรรค์นอกจากการให้ลูกได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างเป็นอิสระแล้ว ยังอาจให้ลูกได้คิดประดิษฐ์ท่าทางที่แปลกใหม่ในการเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่มีถูกผิดหรือยึดติดกับแบบแผนเดิมๆ เช่น การเคลื่อนไหวเล่นบทบาทสมมติตามเพลง โดยลูกอาจจะทำท่าทางเป็นช้างโดยไม่ได้ทำมือเป็นงวงแต่เอามือมาทำเป็นหูกางๆ แทน หรือลูกอาจทำท่าทางเป็นแมวที่ไม่ได้ร้องเหมียว เหมียว แต่ทำเป็นขู่ฟู่ ฟู่แทน หรือการให้ลูกได้คิดท่าทางการเคลื่อนไหวร่างกายพร้อมกับใช้อุปกรณ์เคาะจังหวะต่างๆ ร่วมด้วย โดยลูกอาจจะเคาะไม้หนึ่งทีหมายถึงหมุนตัวหนึ่งครั้ง เคาะไม้สองทีหมายถึงกระโดดสองครั้ง เคาะไม้สามทีหมายถึงยกมือชูขึ้นสามครั้ง ซึ่งการที่ลูกได้คิดประดิษฐ์ท่าทางการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างอิสระเช่นนี้ ช่วยในการฝึกทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์และจินตนาการให้แก่ลูกได้อย่างดีทีเดียว
นอกจากประโยชน์ทั้ง 5 ด้านที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้แล้วกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะยังช่วยให้ลูกมีความมั่นใจในตนเอง เพราะเป็นกิจกรรมที่ไม่ปิดกั้นในการที่ลูกได้แสดงออกในทางความคิด อารมณ์และได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ จึงมีส่วนในการเสริมสร้างให้ลูกเป็นคนกล้าคิด กล้าทำและกล้าแสดงออก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ก็ยังคงต้องคอยดูแลลูกๆ อย่าง ใกล้ชิดในการเคลื่อนไหวร่างกายของลูกไม่ให้โลดโผนหรือใช้ท่าทางที่จะเป็น อันตรายแก่ร่างกายของลูกหรือแก่ผู้อื่น และรวมถึงคอยดูแลไม่ให้ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อยู่รอบข้าง เช่น การไม่ใช้เสียงเพลงที่ดังเกินไป หรือในขณะเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนานก็ควรดูแลไม่ให้ลูกๆ ตะโกนเสียงดังรบกวนผู้อื่น ก็จะเป็นการดีและเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวลูกของเราเองและต่อผู้อื่นด้วย
ดร.แพง ชินพงศ์
(Some images used under license from Shutterstock.com.)