© 2017 Copyright - Haijai.com
มะเร็งท่อน้ำดี
มะเร็งท่อน้ำดีจัดอยู่ในกลุ่มมะเร็งตับ มีอุบัติการณ์สูงสุดในกลุ่มมะเร็งที่พบในประเทศไทย เพียงแต่ว่าถ้าเป็นภาคกลางจะพบมะเร็งตับชนิดที่เกิดจากเซลล์ตับ หรือเรียกว่า hepatocellular carcinoma แต่มะเร็งท่อน้ำดีหรือที่เรียกว่า cholangiocarcinoma นั้น พบมากในภาคอีสานและภาคเหนือ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะมะเร็งท่อน้ำดีนั้น มีปัจจัยส่งเสริมคือการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับที่มีชื่อเรียกว่า Opitorchis Viverini พยาธิชนิดนี้มีวงจรชีวิตเป็นตัวอ่อนอยู่ในหอย จากหอยจะออกไปสู่ปลาน้ำจืดเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อ ดังนั้น พยาธิชนิดนี้จะเข้ามาอยู่ในร่างกายคนเราได้ โดยการรับประทานปลาน้ำจืดที่ปรุงไม่สุก ที่สำคัญคืออาหารหลักที่คนภาคอีสานชอบรับประทาน ได้แก่ ก้อยปลา ปลาร้าที่ไม่ผ่านการต้ม เมื่อรับประทานอาหารชนิดนี้เข้าไป พยาธิจะเข้าไปเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยในถุงน้ำดี ไชเข้าไปในท่อน้ำดี และสร้างไข่ขับออกมาทางอุจจาระ และเมื่อปะปนเข้าไปในแหล่งน้ำก็จะไชเข้าไปในหอย และเติบโตตามวงจรชีวิตดังที่ได้กล่าวไป
ท่อน้ำดีนั้นมีส่วนที่อยู่นอกตับ เป็นที่ลำเลียงน้ำดีออกจากตับไปสู่ลำไส้ และท่อน้ำดีส่วนที่อยู่ในตับ การที่มีพยาธิไปอาศัยในท่อน้ำดีจะทำให้เกิดปฏิกิริยากระตุ้นให้เซลล์บุท่อน้ำดีเจริญเติบโตแบบผิดปกติ กลายเป็นเซลล์มะเร็ง เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้นจะกลายเป็นก้อนมะเร็งขึ้นมา
เนื่องจากท่อน้ำดีทำหน้าที่สำคัญในการลำเลียงน้ำดีมาสู่ลำไส้ ดังนั้นอาการสำคัญของมะเร็งท่อน้ำดีคือ อาการดีซ่านหรือตัวเหลืองตาเหลือง เนื่องจากท่อน้ำดีอุดตันจากก้อนมะเร็ง นอกจากนั้นอาจพบอาการเจ็บชายโครงขวาเนื่องจากตับโตได้ อาการอื่นๆ ได้แก่ คันตามร่างกาย น้ำหนักลด รับประทานอาหารไม่ได้
อย่างไรก็ตามมะเร็งท่อน้ำดีมีหลายแบบ บางชนิดเกิดจากท่อน้ำดีเล็กๆ ที่อยู่ในเนื้อตับ ดังนั้น มะเร็งท่อน้ำดีชนิดนี้จะแสดงตัวเป็นก้อนในตับที่คล้ายๆ กับมะเร็งตับชนิด hepatocellular carcinoma ได้ และผู้ป่วยกลุ่มนี้จะไม่มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง
ตรวจหามะเร็งท่อน้ำดี
วิธีวินิจฉัยมะเร็งท่อน้ำดีทำได้โดย การทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ดูตับและท่อน้ำดี ในบางรายอาจจำเป็นต้องทำการส่องกล้องเข้าไปดูในท่อน้ำดีโดยตรง หรือบางรายที่เป็นก้อนในตับอาจต้องเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจ ส่วนการรักษาขึ้นกับระยะของโรค ถ้าเป็นระยะเริ่มต้น ยังไม่มีการแพร่กระจายไปที่ใด และยังสามารถผ่าตัดออกได้ทั้งหมด วิธีการรักษาที่ดีที่สุดและเป็นวิธีเดียวที่หวังหายขาดได้คือ การผ่าตัดนำก้อนมะเร็งออก ซึ่งอยากจะเน้นว่า ผู้ป่วยไม่ควรจะกลัวการผ่าตัด ความเชื่อที่ว่าถ้าผ่าแล้วจะกระตุ้นให้โรคลุกลามมากขึ้นนั้น ไม่เป็นความจริง ทางวิทยาศาสตร์จริงๆ แล้ว ถ้าอยู่ในระยะผ่าตัดได้แล้วไม่ผ่าตัด ต่อไปโรคจะลุกลามมากขึ้น และถ้ากลายเป็นระยะลุกลามหรือแพร่กระจาย โรคจะไม่มีวันรักษาแบบหายขาดได้อีกเลย
หลังผ่าตัดแพทย์อาจให้คำแนะนำว่า อาจต้องได้รับยาเคมีบำบัดหรือการฉายรังสีรักษาในผู้ป่วยบางรายที่ผลชิ้นเนื้อบ่งชี้ว่ามีโอกาสสูงในการกลับเป็นซ้ำ เช่น รอยโรคที่ผ่าตัดออกได้ไม่หมด ยังมีเซลล์มะเร็งเหลือที่ขอบ ผู้ป่วยที่มะเร็งมีการลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วตับ เป็นต้น
ส่วนผู้ป่วยที่โรคอยู่ในระยะลุกลาม คือ ลามไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วตับ หรือข้างเส้นเลือดใหญ่ที่ไม่สามารถผ่าตัดเอาออกได้ หรือผู้ป่วยระยะแพร่กระจาย อวัยวะที่มะเร็งสามารถกระจายไปได้คือ ปอด กระดูก หรืออาจแพร่กระจายไปในช่องท้องทำให้มีน้ำในช่องท้องได้ เป็นต้น
ผู้ป่วยกลุ่มนี้ เป็นที่น่าเสียใจว่า จะไม่สามารถหายขาดจากโรคได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเรามียาเคมีบำบัดที่สามารถช่วยเหลือทำให้ก้อนยุบลงได้ชั่วคราว และทำให้มีชีวิตยืนยาวขึ้นกว่าการที่ไม่ได้รับการรักษาได้ เนื่องจากมะเร็งท่อน้ำดีเป็นมะเร็งที่พบบ่อยมากในคนไทย ดังนั้น สูตรยาเคมีบำบัดที่รักษามะเร็งท่อน้ำดี จึงได้รับการบรรจุเข้าไปในบัญชียาหลักแห่งชาติด้วย ดังนั้น ถ้าท่านเป็นคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของแผ่นดินไทย ท่านมีโอกาสเข้าถึงการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดได้เท่าเทียมกัน
ข้อควรรู้
มีข้อที่ต้องทำความเข้าใจกันสองสามข้อ สำหรับโรคมะเร็งท่อน้ำดีระยะลุกลาม และแพร่กระจาย ก่อนจะให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ถ้าผู้ป่วยมีภาวะดีซ่านเนื่องจากมีการอุดตันท่อทางเดินน้ำดี แพทย์จะพิจารณาการรักษาเพื่อทุเลาอาการเหลืองก่อน ซึ่งอาจทำได้โดยการใส่ท่อเข้าไปผ่านจุดที่อุดตันหรือที่เรียกว่าใส่ stent หรือถ้าการอุดตันอยู่ที่ขั้วตับไม่สามารถใส่ stent ได้ แพทย์ก็อาจใช้วิธีเจาะและใส่สายเข้าไปในท่อน้ำดีที่ขยายตัวในตับโดยตรงผ่านทางหน้าท้อง หรือที่เรียกว่า PTBD (percutaneous drainage) เพื่อให้มีทางที่น้ำดีจะสามารถออกมาจากร่างกายได้ ทำให้อาการเหลืองลดลง และให้ยาเคมีบำบัดได้
ข้อที่สองคือ เนื่องจากตับเป็นสถานที่ที่ทำหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกาย และเมื่อเป็นมะเร็งตับหรือท่อน้ำดี การทำหน้าที่ของตับจึงลดลง ดังนั้น การที่ผู้ป่วยไปเสาะแสวงหายาสมุนไพรต่างๆ มารับประทานเอง เป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
เนื่องจากยาสมุนไพรหลายชนิด โดยเฉพาะชนิดที่ไม่ได้ผ่านขบวนการแปรรูป คือ ยาสมุนไพรที่ผู้ป่วยนิยมมาต้มหรือรับประทานสด สมุนไพรกลุ่มนี้อาจส่งผลทำให้ตับอักเสบ การทำหน้าที่ของตับยิ่งลดลง และสุดท้ายทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเร็วขึ้น เนื่องจากตับวายไตวาย ดังนั้น ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรระวังการรับประทานยาที่ไม่ทราบสรรพคุณแน่ชัด เนื่องจากอาจทำให้อาการเลวลงได้
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเป็นโรคมะเร็ง และมะเร็งท่อน้ำดีนั้นสัมพันธ์ชัดเจนกับการรับประทานปลาดิบและการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ดังนั้น การป้องกันที่สำคัญคือ การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ โดยการไม่รับประทนปลาน้ำจืดดิบ ถ้าจะรับประทนปลาร้า หรือส้มตำที่ใส่ปลาร้า ควรต้องต้มให้สุกก่อน และสำหรับผู้ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับแล้ว สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาฆ่าพยาธิชื่อว่า praziquantel และหลังจากนั้นต้องไม่รับประทานปลาดิบอีก เพื่อไม่ให้ติดเชื้อซ้ำเข้าไป
นอกจากนั้นในภาคอีสาน ซึ่งเป็นแหล่งที่พบมะเร็งท่อน้ำดีชุกชุม มีกลุ่มแพทย์พยาบาลจากสถานพยาบาลใหญ่ๆ เช่น โรงพยาบาลศรีนครินทร์ โรงพยาบาลมะเร็งอุบทราชธานี ทำการออกหน่วยตรวจสุขภาพประชาชน ทำการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง หรือที่เรียกว่าอัลตราซาวนด์ของตับ เพื่อการวินิจฉัยโรคระยะเริ่มต้น และตรวจอุจจาระเพื่อดูสภาวะการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ เพื่อการรักษาป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งถือว่าเป็นการรณรงค์ที่สำคัญ เพื่อกำจัดมะเร็งท่อน้ำดีให้หมดไปจากประเทศไทย
ผศ.พญ.เอื้อมแข สุขประเสริฐ
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางเคมีบำบัด
โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งทรวงอก - สุขภาพ - Haijai.com
โรคมะเร็ง คืออะไร - สุขภาพ - Haijai.com
ตกขาวทำให้เกิดมะเร็ง - สุขภาพ - Haijai.com
นิ่ว โรคนิ่วถุงน้ำดี ต้องผ่าตัดจริงหรือ - สุขภาพ - Haijai.com
ความหวังใหม่ในการรักษามะเร็งเต้านม - สุขภาพ - Haijai.com
โรคเบาหวาน คืออะไร - สุขภาพ - Haijai.com
หายขาดมะเร็งเต้านมด้วยวิวัฒนาการที่ทันสมัย - สุขภาพ - Haijai.com
มะเร็ง ในระบบสืบพันธุ์เพศชาย - สุขภาพ - Haijai.com
การตรวจคัดกรองมะเร็งในช่องปาก - สุขภาพ - Haijai.com
เมื่อเป็นมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์ - แม่ตั้งครรภ์ - Haijai.com
(Some images used under license from Shutterstock.com.)