© 2017 Copyright - Haijai.com
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ มีประโยชน์มากกว่าที่เคยรู้
ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวถึงผลการทดลองแบบสุ่มเปรียบเทียบ (randomized controlled) การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในเด็ก ซึ่งรายงานในวารสารการแพทย์ The New England Journal of Medicine ว่า ผลการทดลองนี้ น่าจะทำให้ผู้ที่สงสัยในข้อดีของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ได้คิดทบทวนใหม่อีกครั้ง จากเดิมที่คิดว่าการฉีดวัคซีนตัวนี้ได้ผลน้อย และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในเด็กหรือคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ
จากรายงานในวารสานชื่อดังข้างต้น การทดลองนี้ มีเด็กอายุตั้งแต่ 3-8 ขวบ เข้าร่วมการทดลอง 5,200 คน เด็กๆ กลุ่มนี้ จะได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดเชื้อหวัด 4 ชนิด หรือวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิด A อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการศึกษาที่ทำในประเทศต่างๆ หลายประเทศ ได้แก่ บังคลาเทศ สาธารณรัฐโดมินิกันฮอนดูรัส เลบานอน ปานามา ฟิลิปปินส์ ไทย และตุรกี ผลการทดลองพบว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่มีผลป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด A และ B ได้ร้อยละ 59.3 ทั้งนี้ โดยใช้อาการและการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ และเมื่อนักวิจัยมองลึกลงไปในการป้องกันโรคที่ร้ายแรงกว่าหวัด เช่น ปอดบวม สมองบวม และการชัก พบว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ สามารถป้องกันโรคเหล่านี้ได้ถึงร้อยละ 74.2
นาย เคนเน็ธ บรูมเบิร์ก ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยวัคซีน และหัวหน้าแผนกกุมารเวชแห่งโรงพยาบาลบรุคลินฮอสปิตัลเซ็นเตอร์ (ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทดลองนี้) กล่าวว่า วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่มีศักยภาพที่ดีในการป้องกันการเสียชีวิต แม้ว่าผลในการป้องกันโรคหวัด ซึ่งร้ายแรงน้อยกว่า จะไม่ค่อยดีนัก เราจึงควรมองวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้ครบทุกแง่มุม เพราะว่าวัคซีนที่ป้องกันการเสียชีวิตย่อมมีค่าควรแก่การใช้
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบอีกว่า วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เมื่อเปรียบกับตัวยาเปรียบเทียบแล้ว (ในที่นี้คือวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ A) คนไข้มีอัตราการไปหาหมอลดลงร้อยละ 69 การรับตัวอยู่ โรงพยาบาลลดลงร้อยละ 75 อัตราเด็กขาดเรียนลดลงร้อยละ 77 และพ่อแม่ขาดงานเพื่อดูแลบุตรลดลงร้อยละ 61 ด้วยเหตุนี้ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ จึงเป็นสิ่งที่มีค่าควรแก่การฉีด
(Some images used under license from Shutterstock.com.)