Haijai.com


น้ำตาเทียม จำเป็นจริง


 
เปิดอ่าน 5261

น้ำตาเทียม จำเป็นจริง

 

 

ตามปกติคนเรามีน้ำตาที่คอยหล่อเลี้ยงดวงตา ให้ความชุ่มชื้นแก่กระจกตาและเยื่อบุตา ป้องกันการติดเชื้อทั้งยังทำหน้าที่ชำระล้างสิ่งแปลกปลอมออกจากดวงตา โดยที่น้ำตาจะถูกสร้างออกมาจากต่อมน้ำตา แต่เมื่อน้ำตาถูกสร้างน้อยลงหรือระเหยไปเร็วจะทำให้เกิดอาการตาแห้ง วิธีแก้ไขทางหนึ่งคือ การใช้น้ำตาเทียม

 

 

น้ำตาเทียมได้ถูกคิดค้นและนำมาใช้ประโยชน์ในการให้ความชุ่มชื้นและเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา เนื่องจากคุณสมบัติที่มีความใกล้เคียงกับน้ำตาที่ผลิตโดยธรรมชาติ ทำให้น้ำตาเทียมสามารถช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง แสบตา และระคายเคืองตาได้

 

 

ตาแห้งเกิดจากสาเหตุอะไร

 

มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

 

1.อาการตาแห้งที่มีสาเหตุมาจากการผลิตน้ำตาลดลง เช่น ต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาลดลง ท่อน้ำตาอุดตันหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่อาจไปมีผล ทำให้มีการผลิตน้ำตาลดลง เป็นต้น

 

 

2.อาการตาแห้งที่มีสาเหตุจากการระเหยของน้ำตาที่ผิดปกติ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การใส่คอนแทคเลนส์ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ภาวะพร่องวิตามินเอ สูงอายุ การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน การดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือเล่นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนติดต่อกันเป็นเวลานาน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้น้ำตาระเหยได้เร็วขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นการอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้งมาก  ลมพัดแรง มีหมอกควัน หรือทำงานท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัด ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดอาการตาแห้งได้ทั้งสิ้น

 

 

ผู้ป่วยที่มีอาการตาแห้งเป็นผู้ป่วยในกลุ่มที่สองเป็นส่วนใหญ่ ในปัจจุบันจะยิ่งมีคนเป็นกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ที่ต้องจ้องมองจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมทั้งการเล่นเกมและแชทไลน์กันในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน

 

 

อาการตาแห้งที่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง ได้แก่ อาการระคายเคืองตาคล้ายกับมีเศษผงเข้าตา รู้สึกแห้งฝืด แสบตา ตามัวมองไม่ชัด ตาแดง ไม่สบายตา

 

 

น้ำตาเทียมผลิตมาจากอะไร และแบ่งได้เป็นกี่ประเภท

 

น้ำตาเทียม เป็นยาชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยสารสังเคราะห์หลายชนิดผสมกัน เพื่อให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติมากที่สุด โดยส่วนประกอบที่เป็นหลักคือ สารให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา สารนี้จะเพิ่มความหนืดให้น้ำตาเทียม เพื่อให้น้ำตาเทียมเคลือบ ฉาบ หรือเกาะอยู่บนกระจกตาได้เป็นเวลานานขึ้น ตัวอย่างชื่อของสารพวกนี้ ได้แก่ เมททิวเซลลูโลส (methylcellulose) และ โซเดียมไฮยาลูโรเนท (sodium hyaluronate)

 

 

นอกจากนั้นแล้ว ภายในน้ำตาเทียมยังประกอบไปด้วยสารอื่นๆ เช่น สารบัฟเฟอร์ (buffer) สารกันเสีย (preservative) เป็นต้น โดยสารบัฟเฟอร์ทำหน้าที่ปรับสมดุลความเป็นกรด-ด่างของน้ำตาเทียม ให้ใกล้เคียงกับน้ำตาที่ผลิตตามธรรมชาติ เพื่อที่จะทำให้ไม่แสบตาเมื่อหยอดน้ำตาเทียม ตัวอย่างชื่อสารบัฟเฟอร์ เช่น สารบัฟเฟอร์ของกรดโบริค (boric acid) และโซเดียมโบเรท (sodium borate) ส่วนสารกันเสียทำหน้าที่ป้องกันการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ที่อาจปนเปื้อนลงไปในน้ำตาเทียม ตัวอย่างชื่อสารกันเสีย เช่น เบนซัลโคเนียมคลอไรด์

 

 

แต่น้ำตาเทียมบางผลิตภัณฑ์ก็ไม่มีสารกันเสีย โดยจากความแตกต่างของการใส่สารกันเสียนี้เอง ทำให้สามารถแบ่งชนิดของน้ำตาเทียมตามอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

 

1.น้ำตาเทียมที่เปิดแล้วแล้วมีอายุการใช้งาน 1 เดือน น้ำตาเทียมประเภทนี้มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ รูปแบบยามีทั้งที่เป็นสารละลายและเจล

 

 

2.น้ำตาเทียมที่เปิดแล้วมีอายุการใช้งาน 24 ชั่วโมง น้ำตาเทียมประเภทนี้ไม่ใส่สารกันเสีย อายุการใช้งานหลังเปิดใช้จึงสั้น ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย จึงอยู่ในหลอดพลาสติกเล็กๆ ที่บรรจุน้ำตาเทียมในปริมาณที่ใช้ได้หมดภายใน 24 ชั่วโมง และเริ่มนับอายุการใช้งานทันทีหลังจากบิดเปิดหลอดน้ำตาเทียม

 

 

ขั้นตอนการหยอดน้ำตาเทียม

 

 ล้างมือให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง

 

 

 นั่งเอนศีรษะไปด้านหลัง ใช้มืดดึงหนังตาด้านล่างลงมาให้เป็นกระพุ้ง เหลือบตาขึ้นด้านบน

 

 

 ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับหลอดน้ำตาเทียม หยดลงบริเวณกระพุ้งหนังตาด้านล่าง 1-2 หยด อย่าให้ปลายหลอดสัมผัสโดนตาหรือขนตา

 

 

 หลับตาสักครู่ ใช้กระดาษทิชชูสะอาดซับน้ำตาเทียมส่วนเกินออก

 

 

 ปิดฝาจุกน้ำตาเทียมให้สนิท

 

 

คำแนะนำและข้อควรระวังการใช้น้ำตาเทียม

 

ในกรณีที่ต้องหยอดน้ำตาเทียมร่วมกับยาหยอดตาอื่นๆ แนะนำให้หยอดน้ำตาเทียมเป็นชนิดสุดท้าย โดยควรเว้นระยะเวลาหยอด ห่างจากยาหลอดตาชนิดอื่นเป็นเวลาอย่างน้อย 5 นาที และไม่ควรใช้น้ำตาเทียมร่วมกับผู้อื่น นอกจากนี้ในกรณีที่ใช้น้ำตาเทียมที่เป็นแบบเจลหรือขี้ผึ้ง ซึ่งมีความหนืดมาก อาจทำให้เกิดอาการตามัวได้ แต่มักเป็นเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามควรหลับตาสักพักหลังการหยอดหรือป้ายน้ำตาเทียมนั้น

 

 

น้ำตาเทียมที่ยังไม่เปิดใช้หรือที่เปิดใช้แล้วสามารถเก็บได้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น แต่หลังจากเปิดใช้แล้ว หากผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียมนั้นไม่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ ควรใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง นับจากเวลาที่เปิดใช้ ทั้งนี้หากเกิน 24 ชั่วโมงไปแล้วยังมีน้ำตาเทียมเหลืออยู่ ก็ควรทิ้งน้ำตาเทียมหลอดนั้นไปเลย กรณีที่ไม่แน่ใจว่าได้เปิดใช้เมื่อใด ไม่ควรเก็บน้ำตาเทียมหลอดนั้นมาใช้

 

 

สำหรับน้ำตาเทียมชนิดที่มีการใส่สารกันเสีย หลังจากเปิดใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว สามารถเก็บได้นานถึง 1 เดือน นับจากวันที่เปิดใช้

 

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนใช้ควรสังเกตว่าน้ำตาเทียม มีลักษณะที่เปลี่ยนไปหรือไม่ เช่น มีสีเกิดขึ้น หรือเปลี่ยนจากน้ำใสไปเป็นน้ำขุ่นหรือเปล่า หากพบเหตุการณ์เช่นนี้ ให้ทิ้งน้ำตาเทียมหลอดนั้นไป

 

 

ภก.ทศพล เลิศวัฒนชัย

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





ดูดไขมัน วิธีลดหน้าท้อง สลายไขมันด้วยความเย็น คอเลสเตอรอล วิธีลดไขมันหน้าท้อง ไขมัน วิธีลดพุงผู้หญิง Coolsculpting Elite CoolSculpting vs Emsculpt วิธีลดพุง สลายไขมันต้นขา ลดไขมันหน้าท้อง นวดสลายไขมัน ผลไม้ลดความอ้วน ลดน้ำหนักเร่งด่วน อาหารคลีน กินคลีนลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน กินคีโต วิธีลดความอ้วนเร็วที่สุด อาหารลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วิธีลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดความอ้วนเร่งด่วน ผลไม้ลดน้ำหนัก อาหารเสริมลดความอ้วน วิธีลดความอ้วน เมนูลดความอ้วน วิธีการสลายไขมัน ลดความอ้วน สลายไขมัน ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก Exilis Elite Thermage Body ออฟฟิศซินโดรม Inbody Vaginal Lift Morpheus Pro Oligio Body IV Drip Emsella เลเซอร์นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก Emsculpt CoolSculpting บทความดูแลรูปร่างและสุขภาพ บทความกระชับสัดส่วนรูปร่าง บทความน่ารู้ romrawin รมย์รวินท์ ดูดไขมัน ดึงหน้า ตาสองชั้น ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ยกคิ้ว เสริมหน้าอก บทความศัลยกรรม วีเนียร์ บทความทันตกรรม สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Fit Firm Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Elite บทความลดน้ำหนัก ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP ดริปวิตามิน บทความดูแลสุขภาพ Vaginal Lift P-SHOT O-Shot บทความสุขภาพเพศ Meso Hair LLLT ปลูกผมด้วยแสงเลเซอร์ ปลูกผมผู้ชาย ปลูกผมสำหรับผู้หญิง ปลูกผมถาวร ปลูกผม FUE ปลูกผม รักษาผมร่วง บทความรักษาผมร่วง ผมบาง บทความดูแลเส้นผม เลเซอร์รักแร้ขาว เลเซอร์ขน เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์เครา เลเซอร์รักแร้ กำจัดขนถาวร เลเซอร์ขน บทความเลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์รอยสิว Pico Laser Pico Majesty Pico Majesty Laser Reepot Laser Reepot บทความโปรแกรมหน้าใส NCTF 135 HA Rejuran Belotero Glassy Skin Juvederm Volite Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Skinvive Sculptra vs ฟิลเลอร์ Sculptra บทความ Sculptra Radiesse บทความ Radiesse บทความฉีดหน้าใส UltraClear AviClear Laser AviClear Accure Laser Accure บทความโปรแกรมรักษาสิว ฟิลเลอร์คอ ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์มือ ฟิลเลอร์หน้าใส ฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา ฟิลเลอร์ยกหน้า ฟิลเลอร์หลุมสิว หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม หลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฟิลเลอร์ปาก 1 CC ฟิลเลอร์จมูกราคา ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฟิลเลอร์น้องสาวกี่ CC ฟิลเลอร์ราคา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ บทความฟิลเลอร์ ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย บทความโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime อัลเทอร่า Ulthera Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Oligio บทความยกกระชับใบหน้า ร้อยไหมหน้าเรียว ไหมหน้าเรียว ร้อยไหมเหนียง ไหมเหนียง ร้อยไหมยกหางตา ไหมยกหางตา Foxy Eyes ร้อยไหมปีกจมูก ไหมปีกจมูก ร้อยไหมกรอบหน้า ไหมกรอบหน้า ร้อยไหมร่องแก้ม ไหมร่องแก้ม ร้อยไหมก้างปลา ไหมก้างปลา ร้อยไหมคอลลาเจน ไหมคอลลาเจน ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม บทความร้อยไหม Apex