
© 2017 Copyright - Haijai.com
ยาปลอม ภัยคุกคามสุขภาพ เช็คยังไงให้ชัวร์ก่อนใช้
เราทราบกันดีว่าอายุขัยโดยเฉลี่ยของมนุษย์นับวันยิ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อย เนื่องด้วยนวัตกรรมยืดอายุต่อชะตาทั้งทางการแพทย์ และการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ก็พร้อมที่จะก็อปเลียนแบบออกมาให้ได้ทายเล่นกันอยู่เสมอ ถ้าเป็นข้าวของเครื่องใช้จริงแท้แค่ไหน คงไม่มากปัญหา แต่หากเป็น “ยา” จากที่ต้องการใช้เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่เป็น หรือเพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้ดีขึ้น ก็อาจเปลี่ยนเป็นวิกฤติสุขภาพแทน เมื่อเจอฤทธิ์ของ “ยาปลอม”
การแฝงตัวของยาปลอม
การตรวจสอบยาปลอมในประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นระบบเหมือนต่างประเทศ ดังนั้น เราจะยังไม่มีข้อมูลที่สามารถชี้ชัดได้ว่ายาชนิดไหน ถูกนำมาใช้ทำเป็นยาปลอมมากที่สุด แต่จะเป็นการประเมินจากประสบการณ์ของแพทย์ รวมถึงกรณีที่ถูกนำมาร้องเรียน ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มยาประเภท บำรุงสุขภาพ อาทิ วิตามินและตัวยาที่ได้รับความนิยม เพื่อใช้ดูแลสุขภาพ ความงาม ไปจนถึงตัวยาที่ใช้ส่งเสริมสุขภาพในเพศชาย จะเป็นกลุ่มที่พบบ่อยมากที่สุด
แม้ไม่สามารถระบุออกมาเป็นตัวเลขที่แน่ชัดได้ว่า กลุ่มยาประเภทไหนมีเปอร์เซ็นต์มากกว่ากัน ทำให้ปัจจุบันบริษัทยาต่างๆ รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เริ่มวางแผนหาแนวทางป้องกัน เพื่อให้ผู้บริโภคตรวจสอบยาที่มีอยู่ในมือได้ง่ายขึ้นว่า เป็นยาจริงหรือปลอม ทั้งจากวิธีการสังเกตฉลาก หรือจากหมายเลขประจำกล่องของยา ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาการตรวจสอบ การใช้ยา รหัสตัวยา ตามความเหมาะสมและสามารถนำไปใช้ได้จริงต่อไป
ยาปลอมกับผลข้างเคียง
สิ่งแรกที่คนไข้ได้รับคือความล้มเหลวฤทธิ์ของยา เนื่องจากยาปลอมเหล่านั้น อาจไม่มีสรรพคุณในการช่วยรักษาโรค ที่คนไข้กำลังเป็นอยู่ได้ ผลข้างเคียงต่อมาคือโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนหลังใช้ยา หรือภาวะที่ไม่พึงประสงค์หลังการใช้ยา แน่นอนว่ายาปลอมดังกล่าวจะยังไม่เคยผ่านกระบวนการรับรองคุณภาพมาก่อน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ทำอาจทำให้คนไข้เกิดโรคต่างๆ ตามมาและกลายเป็นภาวะดื้อยาได้ในที่สุด ในกรณีที่คนไข้ที่ผ่านการใช้ยาปลอมยาก่อน เมื่อได้กลับมาใช้ยาจริงอย่างถูกต้อง อาจส่งผลให้ร่างกายเกิดการดื้อยาได้ ซึ่งผลข้างเคียงของยาปลอมนั้น จะมีอยู่อย่างหลากหลาย และอาจร้ายแรงสุด คือ ถึงแก่ชีวิต
สังเกตยาปลอมพอสังเขป
“ยาปลอม คือ ยาที่ไม่ผ่านกระบวนการรับรองทุกรูปแบบ” ไม่ว่าจะเป็นด้านประสิทธิผลและความปลอดภัย ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำลายความเชื่อมั่นของระบบสุขภาพในประเทศไทย และยังส่งผลให้การรักษาด้อยประสิทธิภาพ เกิดการดื้อยาจนกลายเป็นโรคที่รักษาได้ยากลำบากมากขึ้น หรือในบางกรณีที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
สารเคมีที่ใช้ในการทำยาปลอมจะขึ้นอยู่กับประเภทยาแต่ละชนิด โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะมีข้อกำหนดอยู่ว่า สารประกอบในตัวยาควรมีปริมาณอยู่ที่ระดับไหน ซึ่งยาปลอมจะไม่มีการควบคุมปริมาณส่วนประกอบตรงนี้ วิธีสังเกตยาปลอมที่ชัดเจนที่สุดคือ การนำมาเทียบกับยาจริง เช่น สีของกล่องยา ลักษณะตัวอักษรและฉลากข้างกล่องยา แต่ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่จะรู้ตัวอีกที ก็หลังจากใช้ยาปลอมไปสักระยะหนึ่งแล้ว
เนื่องจากใช้ไปแล้วไม่เห็นผลหรือไม่หายจากอาการป่วย จึงจะเริ่มมีการตรวจสอบยา ทั้งนี้แพทย์ผู้จ่ายยาจะต้องให้คำแนะนำกับคนไข้ถึงผลลัพธ์ของตัวยาด้วย เช่น ระยะเวลาที่อาการของคนไข้จะดีขึ้นหลังทานยาไปแล้ว ซึ่งหากเลยกำหนดตามที่แพทย์แนะนำ คนไข้ควรกลับไปปรึกษาแพทย์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามการซื้อยาด้วยตัวเองนั้น คนไข้ควรเลือกสถานบริการที่มีความน่าเชื่อถือ อาทิ เช่น โรงพยาบาล ร้านขายยาที่มีคุณภาพ การรับรองการจ่ายยาด้วยเภสัชกร เป็นต้น
ในขณะที่ช่องทางอื่นที่อาจยากต่อการรับรองคุณภาพของตัวยาได้ เช่น การสั่งซื้อยาผ่านอินเตอร์เน็ต การซื้อยาจากต่างประเทศ หรือฝากคนอื่นซื้อ เหล่านี้จะเป็นช่องทางที่ไม่มีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ ทำให้คนไข้มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับยาปลอม
นพ.นิรุตติ์ ประดับญาติ
ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์
บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
(Some images used under license from Shutterstock.com.)