ความไม่เชื่อเรื่องสวรรค์และนรก

ความไม่เชื่อเรื่องสวรรค์และนรก

เหตุผลสำคัญที่ต้องเขียนเรื่องสวรรค์และนรกและภพชาติมี 3 ข้อด้วยกัน คือ

1.หากเราไม่เชื่อเรื่องสวรรค์และนรก จะขัดแย้งกับเนื้อหาพระไตรปิฎกทันที เพราะพระไตรปิฎกมีเรื่องเหล่านี้มากมาย ทั้งเรื่องที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์เพื่อแสดงธรรมโปรดพระมารดา เรื่องทำอะไรได้ขึ้นสวรรค์ ทำอะไรจะตกนรก ฯลฯ

2.ผมมองดูชีวิตของตนเองตอนที่เรื่อง สวรรค์และนรก เป็นเรื่องไม่เชื่อ แต่ไม่อยากลบหลู่ เทียบกับตอนหลังที่มาตระหนักจริงๆ ผมกลัวบาปมากขึ้น ทำบาปน้อยลง ทำบุญมากขึ้น และเมื่อดูข่าวทางโทรทัศน์เห็นคนจำนวนมากมายที่ทำความชั่ว ฆ่า ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย ลักขโมย ฯลฯ ผมคิดว่าคนเหล่านี้น่าจะทำเพราะไม่กลัวบาป ไม่เชื่อเรื่องสวรรค์และนรก แล้วมักจะพูดว่าสวรรค์และนรกไม่มีจริง สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ

ฉะนั้น หากคนเราเชื่อเรื่องสวรรค์และนรกมากขึ้น คนจะทำบาปน้อยลง สังคมจะน่าอยู่มากขึ้น ลองถามตัวเราเองว่า หากเลือกได้ระหว่างสังคมหนึ่งที่มีทั้งคนเลวและคนดี แต่ไม่มีใครเชื่อเรื่องสวรรค์และนรกสักคน กับอีกสังคมหนึ่งที่มีทั้งคนดีและคนเลวเหมือนกัน แต่เชื่อเรื่องสวรรค์และนรก เราอยากอยู่ในสังคมไหน

3.เหตุผลสุดท้ายก็คือ ความเชื่อในเรื่องสวรรค์และนรกจะสอดคล้องกับความเชื่อที่ว่า ชีวิตเรามีภาคต่อ เพราะจะเป็นคำตอบว่าเราจะไปต่อที่ไหนได้บ้าง หรือว่าเคยไปที่ไหนมาบ้าง และการที่เราสามารถเชื่อมโยงอดีตว่าเราน่าจะมาจากไหนกับอนาคตว่าเราน่าจะไปไหน ก็จะทำให้เราเข้าใจชีวิตในชาติปัจจุบันได้ง่ายขึ้น แล้วเราก็จะเข้าใจมากขึ้นว่าเราจะต้องทำอะไร เพื่อให้เราเป็นคนที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ถ้าชาติหน้าเราก็มีแนวโน้มว่าจะลงนรก ก็แปลว่าชาตินี้เรามีโอกาสจะแย่ลงจนลง แต่ถ้าชาติหน้าเรามีแนวโน้มว่าจะไปสวรรค์ก็ย่อมเป็นไปได้ ที่เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ในชาตินี้ (ดังแผนภาพด้านล่าง)

สรุปง่ายๆ ว่า หากกราฟชีวิตในชาติหน้าดิ่งลง ชีวิตในชาตินี้ก็มีแนวโน้มจะดิ่งลงเหมือนกัน พอจะมองเห็นภาพใช่ไหมครับว่า ความเข้าใจเรื่องสวรรค์และนรกสำคัญแค่ไหน ทุกคนจะสามารถเชื่อมโยงความเข้าใจนี้ได้เองครับ