
© 2017 Copyright - Haijai.com
ไขข้อข้องใจ ฝังเข็มรักษาฝ้า
การเรียนฝังเข็มนั้นมีความท้าทาย เนื่องจากต้องรู้หลักพื้นฐานทางกายวิภาคศาสตร์เป็นอย่างดี อีกทั้งถ้าจะฝังเข็มให้ได้ผล จำเป็นจะต้องเข้าใจสาเหตุของการเกิดโรคทั้งในมุมมองของแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบัน เพื่อเลือกจุดที่จะฝังให้เห็นผลการรักษาอย่างรวดเร็ว
โดยหลักการแล้ว การฝังเข็มสามารถออกฤทธิ์ได้ทั้งเฉพาะจุดและส่งผลโดยรวม การออกฤทธิ์เฉพาะจุดก็คือการยืดกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ โดยเฉพาะตำแหน่งที่มีปัญหา เช่น ปวด หรือเป็นพังผืด ซึ่งพบว่า กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหดเกร็ง จนทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทบริเวณนั้นได้สะดวก ส่งผลให้เกิดการคั่งค้างของของเสีย เช่น กรดแล็กติก (Lactic Acid) ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดเมื่อย
ขณะนี้มีงานวิจัยยืนยันออกมาแล้วว่าการฝังเข็มและรมยา ช่วยลดปริมาณกรดแล็กติกในกล้ามเนื้อ เนื่องจากการกระตุ้นด้วยเข็มทำให้กล้ามเนื้อยืดและคลายตัวอย่างช้าๆ ฉะนั้นเลือดจึงหมุนเวียนได้สะดวกและสามารถนำกรดแล็กติกออกจากกล้ามเนื้อได้มากขึ้น อาการปวดจึงลดลง
นอกจากนี้การนวดทุยหนา ซึ่งเน้นให้เลือดไหลเวียนบริเวณที่ปวดดีขึ้น ทำให้มีการกำจัดกรดแล็กติกออกจากกล้ามเนื้อได้มากขึ้น ฉะนั้นอาการปวดจึงลดลง
การฝังเข็มยังมีผลทำให้หลอดเลือดโดยเฉพาะตำแหน่งที่ฝังเข็มนั้นขยายตัว เช่น ฝังบริเวณศีรษะ ทำให้หลอดเลือดสมองขยายตัว เลือดจึงไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
การฝังเข็มรักษาโรคอัพฤกษ์อัมพาตจากหลอดเลือดสมองตีบก็อธิบายได้ว่า เป็นการเพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนที่มีเนื้อตาย โดยเฉพาะช่วงแรกที่เซลล์สมองยังสามารถกลับมาทำงานได้ จึงเป็นการช่วยเยียวยาอาการร่วมกับการใช้ยา
อวัยวะหรือตำแหน่งที่การหมุนเวียนเลือดไม่ดี ทำให้เกิดอาการชา ก็อาศัยหลักการนี้เช่นกัน โดยเฉพาะการปักเข็มให้ผู้ป่วยเต๋อชี่ (มีอาการเสียวแปลบ) จะเป็นการเพิ่มเลือดมาเลี้ยงบริเวณกล้ามเนื้อและผิวหนังมากขึ้น แต่ถ้าปักแล้วไม่รู้สึกอะไร เลือดก็ไม่มีการหมุนเวียน ทำให้ผลการรักษาไม่ดี
นอกจากนี้การฝังเข็มยังช่วยปรับระดับฮอร์โมนและภูมิคุ้มกัน จึงนำมาใช้รักษาโรคและอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น สิว ฝ้า อ้วน ภูมิแพ้ เป็นต้น
ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างการรักษาฝ้าด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน ซึ่งฝ้านั้นเกิดจากระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุล มีระดับฮอร์โมนเอสโทรเจนสูง พบได้ในสตรีขณะตั้งครรภ์หรือผู้ที่กินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานๆ นอกจากนี้ยังเกิดจากการโดนแดดเป็นเวลานาน ความเครียด การอดนอน
แพทย์แผนจีนอธิบายว่า ฝ้าเกิดจากอารมณ์ที่อัดอั้น ไม่ผ่อนคลาย ทำให้เกิดการอุดกั้นของเส้นลมปราณตับ ส่งผลให้เลือดหมุนเวียนไม่ดี เมื่อเลือดหมุนเวียนไปเลี้ยงบริเวณใบหน้าไม่ดี จึงเกิดฝ้าและความหมองคล้ำ
อารมณ์และความเครียดเป็นสาเหตุหลักของฝ้า รวมถึงการนอนไม่หลับก็ส่งผลต่อการเกิดฝ้าด้วย พบผลสำรวจว่าประมาณ 2 ใน 3 ของผู้เป็นฝ้า มักมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย การรักษาทางการแพทย์แผนจีนจะใช้วิธีฝังเข็มปรับระดับฮอร์โมน ร่วมกับการใช้ยากลุ่มที่ทำให้เลือดเดิน
นอกจากนี้การกระตุ้นจุดบนใบหู ก็สามารถปรับระดับฮอร์โมนได้ ที่สำคัญ แนะนำให้ผู้ป่วยงดกินของเผ็ด ของร้อน เช่น ขิง และให้กินผักผลไม้มากๆ เช่น มะเขือเทศ ผลไม้ตระกูลส้ม แตงกวา เป็นต้น
การฝังเข็มปรับระดับฮอร์โมนสามารถช่วยคนเป็นฝ้าที่มีสาเหตุจากฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น ขณะตั้งครรภ์ กินยาคุมกำเนิด เป็นโรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ เช่น ไทรอยด์ ฮอร์โมน จากต่อมหมวกไตผิดปกติ การแก้ที่สาเหตุจะทำให้ฝ้าดีขึ้น
แต่บางคนหาสาเหตุไม่ได้ ก็สามารถเลือกรักษาด้วยการแพทย์แผนจีน โดยสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในการรักษาฝ้า คือ การปรับอารมณ์ อาจต้องใช้ยาตำรับที่ช่วยปรับอารมณ์ให้รื่นรมย์มากขึ้น ลดอาการหงุดหงิด เนื่องจากยิ่งอารมณ์เสียจะยิ่งทำให้ชี่ติดขัด เลือดก็จะหมุนเวียนได้ไม่ดีตามมา
ในบางรายอาจต้องให้ยาตำรับบำรุงหยินหรือตำรับบำรุงม้าม ซึ่งเน้นการบำรุงเลือด และการหมุนเวียนเลือด สิ่งสำคัญคือ ต้องตรวจวินิจฉัยให้ได้ก่อนว่า ผู้ป่วยเป็นฝ้าจากสาเหตุใด แล้วจ่ายยาให้ตรงกับโรคและอาการ นอกจากนี้ยังสามารถมาสก์หน้าด้วยยาสมุนไพรจีน ที่มีสูตรและคุณสมบัติทำให้หน้าขาว มาสก์ไว้ก่อนนอน ตื่นมาล้างออกก็จะทำให้ฝ้าจางลง
เห็นไหมคะว่า การรักษาอาการผิดปกติต่างๆ ตามแพทย์แผนจีนนั้นต้องทำแบบผสมผสาน และต้องปรับพฤติกรรมร่วมด้วยจึงจะเห็นผล
พญ.สุลัคณา น้อยประเสริฐ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)