
© 2017 Copyright - Haijai.com
กินป้องกัน มะเร็งต่อมลูกหมาก
มะเร็งต่อมลูกหมากพบได้บ่อยในผู้ชายทั่วโลก มะเร็งชนิดนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรค 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ปัจจัยที่ป้องกันไม่ได้ เช่น เพศชาย อายุมาก ประวัติเป็นโรคในครอบครัว และเชื้อชาติ ส่วนปัจจัยที่ป้องกันได้ มีหลายอย่าง แต่ที่สำคัญคือการมีวิถีชีวิตที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี การออกกำลัง การมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ดี การกินอาหารพอประมาณ การไม่สูบบุหรี่ การควบคุมระดับคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับดี ระดับอินซูลินหรือฮอร์โมนเพิ่มการเจริญเติบโตที่คล้ายอินซูลิน ถ้ามีระดับสูงจะเสี่ยงมากขึ้น อาหารที่ดีต่อการป้องกันโรคนี้คือพวกถั่วต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถั่วแบน (beans) ถั่วกลม (nuts) หรือถั่วฝัก (legumes) อาหารพวกผักก็สำคัญ ผักชนิดที่ฝรั่งเรียกว่า cruciferous vegetables เช่น คะน้า คะน้าฝรั่ง บรอคโคลี บรัสเซล สเปราท์ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ล้วนมีความสัมพันธ์ต่อการลดความเสี่ยง เมล็ดแฟลกซ์ ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง กาแฟ ชาเขียว และมะเขือเทศ ต่างก็มีผลดีต่อการลดความเสี่ยง และอย่าลืมว่าภาวะจิตใจก็สำคัญ ความเครียด ความวิตกกังวล ความโกรธเคือง คิดในทางลบก็มีผลเสียต่อโรคนี้เช่นกัน
สำหรับผู้ชาย มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคที่พบได้บ่อยเป็นอันดับต้นๆ ความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากประกอบด้วยหลายปัจจัย ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เป็นผู้ชาย อายุมากขึ้น มีประวัติเป็นโรคในครอบครัว และเชื้อชาติ แต่ปัจจัยที่ควบคุมได้ก็มีอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องของลักษณะนิสัย ความเป็นอยู่ที่ดีต่อสุขภาพมีความสำคัญอันดับต้นๆ รายงานการศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ในแง่เหตุและผลของนิสัยความเป็นอยู่กับมะเร็งต่อมลูกหมาก ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ส่วนมากเห็นว่านิสัยความเป็นอยู่ที่ดีต่อสุขภาพมีผลดีในการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ทั้งยังมีความสำคัญในการช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเนื้อร้าย และทนต่อการรักษาได้ดี
ความสัมพันธ์ระหว่างนิสัยความเป็นอยู่ที่ดีกับการลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นสิ่งที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้แน่แล้วว่า สาเหตุการตายของคนไข้มะเร็งต่อมลูกหมากส่วนมาก ไม่ได้มาจากมะเร็ง (ซึ่งงอกช้าๆ) แต่มาจากโรคร่วมอย่างอื่น เช่น โรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคหัวใจและหลอดเลือดแบบอื่น (เช่น สมองขาดเลือด) ซึ่งการมีนิสัยความเป็นอยู่ที่ดี ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อโรคร่วมอื่นๆ อีกด้วย เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด
ปัจจัยป้องกัน
หลักในการป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ได้แก่ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิน หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การกินอาหารถูกสุขลักษณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมจำนวนแคลอรี ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก มีการศึกษาหนึ่งพบว่า ผู้ชายที่กินผักน้อยกว่า 14 หน่วยบริโภคต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงมากกว่าชายที่กินผักสัปดาห์ละ 28 หน่วยบริโภค ถึง 50%
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่จัดดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนผิวดำ การสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร้งต่อมลูกหมากถึง 2 เท่า นอกจากนี้คนสูบบุหรี่จัด มักมีปัญหาแทรกซ้อนจากการรักษาและมีความเสี่ยงการตายจากมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่สูบ
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายมีความสัมพันธ์ปานกลางกับการลดความเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก จากการศึกษาที่เมโยคลินิกในชายอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่ออกกำลังกายระดับหนัก 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ พบว่าลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากแบบร้ายแรงได้ถึง 1 ใน 3 และลดการตายจากมะเร็งต่อมลูกหมากลง 1 ใน 4
โภชนาการลดความเสี่ยง
การมีร่างกายที่ฟิตและโภชนาการที่ดี จะช่วยต่อต้านความเสี่ยงอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ได้แก่
• ความอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน มีหลักฐานแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความอ้วน และภาวะน้ำหนักเกินกับความเสี่ยงการเกิดมะเร้งต่อมลูกหมาก และความรุนแรงของโรค รายงานหนึ่งพบว่าความเสี่ยงการตายจาก มะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้น 25% ในคนที่มีค่าดัชนีมวลกาย 25-29 และเพิ่มขึ้นเป็น 46% ในคนที่มีค่าดัชนีมวลกาย 30-34 และความเสี่ยงจะเพิ่มมากกว่า 50% ในคนที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 35
• ระดับอินซูลิน นักวิจัยเชื่อว่า การมีระดับอินซูลินในเลือดสูง จะมีผลในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก ความอ้วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งอ้วนลงพุง จะส่งผลให้ระดับอินซูลินเพิ่มสูงขึ้น การไม่ออกกำลังกาย เอาแต่นั่งๆ นอนๆ รวมทั้งการกินอาหารพวกแป้งและน้ำตาลที่ปรุงแต่ง ขัดสีมาก เช่น การดื่มน้ำหวาน ข้าวขาว ขนมระหว่างมื้อ และอาหารประเภทผิงอบกรอบ เหล่นี้ล้วนทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุงได้ทั้งนั้น จึงต้องใส่ใจ
• ระดับคอเลสเตอรอลในเลือด รายงานหลายฉบับบ่งชี้ว่า การกินไขมันอิ่มตัว การมีระดับแอลดีแอลคอเลสเตอรอล หรือไขมันตัวร้ายในระดับสูง และมีเอชดีแอลคอเลสเตอรอล หรือไขมันดีในระดับที่ต่ำ สัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก
อาหารการกินที่ดีต่อต่อมลูกหมากที่เน้นมากคือ ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง หรือข้าวไม่ขัดสี ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วฝัก ไขมันที่ดี เช่น ไขมันปลา อะโวคาโด น้ำมันมะกอก และกินเนื้อสัตว์และน้ำนมแต่พอประมาณ นอกจากนี้ยังมีอาหารจำเพาะบางอย่าง มีผลดีในแง่ของการลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ได้แก่
• ผักชนิด cruciferous vegetables เช่น บรอคโคลี บรัสเซล สเปราท์ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้าฝรั่ง (rutabagas) เทอร์นิปส์ จากวารสารงานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าการกินผักเหล่นี้ในระดับสูงมีผลในการลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก 10%
• เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) มีสารลิกแนนส์และกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีบทบาทในการลดการแพร่กระจายของมะเร็งต่อมลูกหมาก ในรายงานหนึ่งกล่าวว่ากลุ่มชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ที่ได้กินเมล็ดแฟลกซ์ป่น 30 กรัมต่อวัน มีการเพิ่มตัวของมะเร็งต่อมลูกหมากแค่ครึ่งหนึ่ง ของกลุ่มชายที่ไม่ได้กินเมล็ดแฟลกซ์
• อาหารพวกถั่วเหลือง งานวิจัยบ่งชี้ว่าอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้ น้ำนมถั่วเหลือง มีผลในการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากพอประมาณ แต่งานวิจัยไม่ได้แสดงว่าอาหารพวกนี้ลดอัตราการโตขึ้นของมะเร็งหรือเปล่า
• กาแฟและชาเขียว จากรายงานขนาดเล็กหลายรายงาน แสดงให้เห็นว่าชาเขียวหรือสารสกัดชาเขียว อาจลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก และลดการเพิ่มขนาดของมะเร็งต่อมลูกหมากได้ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การดื่มกาแฟหรือกาแฟไร้คาเฟอีน เป็นประจำลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากในอัตรา 50% ถ้าดื่มถึงวันละ 6 แก้ว
• มะเขือเทศ รายงานหลายชิ้นพบว่าสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในมะเขือเทศ โดยเฉพาะมะเขือเทศที่ปรุงสุกแล้ว มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก
นอกจากอาหารที่มีผลดีต่อต่อมลูกหมากแล้ว ยังมี อาหารที่ควรพิจารณาลดละ อีกด้วย เช่น
• อาหารจำพวกเนื้อ มีการศึกษาพบว่าการกินเนื้อ หรือผลิตผลจากเนื้อสัตว์มากๆ สัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อปรุงแต่ง หรือเนื้อที่ปิ้งย่างโดยไฟแรงจากถ่านไม้
• แคลเซียมจากนม มีงานวิจัยพบว่าการกินนมมากเกินไป สัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตามผลงานวิจัยเรื่องนี้ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน แต่อาจจะเป็นไปได้ว่ามีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับน้ำนมที่เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร้งต่อมลูกหมาก มากกว่าการได้รับแคลเซียมจากแหล่งที่ไม่ใช่น้ำนม
จึงมีคำแนะนำให้ดื่มนมหรือผลิตภัณฑ์จากนมให้น้อย หรือแค่พอประมาณ สำหรับแคลเซียมจากแหล่งที่ไม่ใช้น้ำนม ก็ไม่ควรกินเกินที่ปริมาณที่ได้มีการแนะนำไว้ คือ 1,000 มิลลิกรัม ในชายอายุ 51-70 ปี และ 1,200 มิลลิกรัมสำหรับชายอายุตั้งแต่ 71 ปีขึ้นไป
• สารเสริมอาหาร โดยทั่วไปแนะนำให้ได้รับสารอาหารจากอาหารที่กินเข้าไป ไม่ใช่จากสารเสริมอาหาร (เว้นแต่หมอแนะนำเป็นอย่างอื่น) ถ้าจะมียกเว้นก็มีแคลเซียมและวิตามินดี เคยมีการศึกษาวิตามินและเกลือแร่หลายอย่างในแง่ของผลต่อความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งรวมถึงวิตามินรวม ธาตุสังกะสี ซีลีเนียม วิตามินอี และกรดโฟลิก เมื่อกินสารพวกนี้ในรูปแบบสารเสริมอาหาร ไม่พบว่าสามารถป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ และบางตัวกลับเพิ่มเสี่ยง เช่น วิตามินอี และซีลีเนียม
โดยทั่วไปเชื่อกันว่ามาตรการข้างต้น สามารถลดการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นของมะเร็งต่อมลูกหมาก และลดการกลับเป็นขึ้นมาใหม่ได้ นอกจากนี้สภาพจิตใจก็มีผลต่อคนไข้มะเร็งต่อมลูกหมากเช่นกัน คนไข้เหล่านี้อาจจะมีความวิตกกังวลว่า จะเป็นมากขึ้นหรือกลัวการกลับเป็นซ้ำ อ่อนเพลียละเหี่ยใจ รวมทั้งอาจมีความรู้สึกซึมเศร้า ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของการรักษา เช่น การเปลี่ยนแปลงของเพศสัมพันธ์ อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคู่ครองคนไข้ได้เช่นกัน
คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ เกี่ยวกับความกังวลต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากโรคนี้ พร้อมกับช่วยเหลือตัวเองในบางอย่าง เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง พิจารณาลดความรู้สึก โกรธเคืองหรือการมองโลกแง่ร้าย พยายามหัวเราะ ฝึกสมาธิ เป็นต้น
การลดความเครียดและความวิตกกังวลไม่เพียงมีผลดีต่อคุณภาพชีวิตเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความมุ่งมั่นตั้งใจในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อลดการเติบโตของมะเร็งหรือการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งต่อมลูกหมากที่ได้รับการรักษาไปแล้ว ทั้งยังเป็นแรงผลักดันในการที่จะไปพบแพทย์ เพื่อตรวจติดตามผลการรักษา ซึ่งถ้าหากตรวจพบว่ามีการกลับเป็นซ้ำในระยะแรกๆ อาจจะยังรักษาเพิ่มเติมได้
นพ.นริศ เจนวิริยะ
ศัลยแพทย์
(Some images used under license from Shutterstock.com.)