
© 2017 Copyright - Haijai.com
เด็กขี้อิจฉา
เมื่อเด็กแสดงความอิจฉา หมายความว่า มีบางอย่างที่เขาไม่พอใจ พ่อแม่ต้องช่วยกันค้นหาสาเหตุที่แท้จริงแทนการดุด่าว่ากล่าว ซึ่งจะทำให้เด็กก้าวร้าวมากขึ้น ถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจและไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เด็กจะกลายเป็นคนขี้อิจฉาไปตลอดชีวิต พ่อแม่จึงเป็นคนสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ลูกสามารถผ่านพ้นความรู้สึกอิจฉาริษยาไปได้ด้วยดี และเติบโตมาอย่างมีความสุข สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเพื่อลดและป้องกันไม่ให้ลูกเกิดความรู้สึกอิจฉา ได้แก่ สนใจความรู้สึกของลูก ตอบสนองต่อความรู้สึกของเด็กบ้าง หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ เพราะอาจทำให้เด็กรู้สึกด้อยกว่าคนอื่น จนเกิดเป็นความอิจฉาได้ นอกจากนี้พ่อแม่ยังควรสอนให้ลูกรู้จักการให้ ได้เรียนรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ให้เด็กเข้าใจว่าแต่ละคนต่างมีข้อดีแตกต่างกันไป ให้เด็กภูมิใจในตนเอง เด็กที่ได้รับการฝึกฝนแบบนี้จะมีวุฒิภาวะที่ดีขึ้น ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีขึ้น และเติบโตอย่างมีความสุขในตนเอง โดยไม่ต้องคอยเปรียบเทียบกับผู้อื่น
เด็กทุกคนต้องการความสนใจจากพ่อแม่ และมักจะต้องการในเวลาเดียวกัน ยิ่งเห็นอีกคนได้รับความสนใจก็จะเข้ามาใช้ความพยายามทำให้ตนเองได้รับความสนใจด้วย แม้ลูกวัยต่างกันคนที่เป็นพี่ก็ยังรู้สึกว่าเขาอยากได้ความสนใจจากพ่อแม่เท่ากับน้อง หลายท่านมีประสบการณ์เรื่องความอิจฉาของลูก และมองดูด้วยความรู้สึกไม่สบายใจว่า หากปล่อยให้พัฒนาต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ คงไม่ดีแน่ คนเป็นพ่อแม่อยากให้พี่น้องรักกัน
เด็กอาจแสดงความอิจฉาออกมาให้เห็นได้หลายรูปแบบ ที่พบบ่อยคือ ความอิจฉาในระหว่างพี่น้อง ซึ่งสร้างความหนักใจให้กับพ่อแม่มากทีเดียว นอกจากจะอิจฉากันในกลุ่มพี่น้องแล้ว บางทีจะเห็นเขาอิจฉาพ่อแม่ หลายครั้งเขาจะต่อว่าพ่อแม่ว่า เอาแต่สนใจกันเอง พูดคุยกันเอง ไม่หันมาสนใจเขา หรืออิจฉาไม่อยากให้พ่อสนใจแม่ หรือแม่สนใจพ่อมากกว่าเขา
นอกจากนี้เขาอาจอิจฉาเพื่อนหรือแสดงความรู้สึกไม่พอใจเพื่อน พ่อแม่ทุกคนไม่สบายใจ เมื่อเห็นว่าลูกเอาแต่อิจฉาคนอื่น เขาเองก็ดูไม่มีความสุข รู้สึกว่าคนอื่นดีกว่าเขา เหนือกว่าเขา ได้สิ่งต่างๆ มากกว่า คอยจับจ้องจนกลายเป็นคอยจับผิด ว่าใครได้อะไรมากกว่าอยู่ตลอดเวลา
โดยส่วนใหญ่พบว่าพ่อแม่มักแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้ามากกว่า จะวิเคราะห์ที่มาของปัญหา เช่น เห็นพี่น้องทะเลาะกัน อาจจัดการปัญหาไปเลย ลงโทษพี่หรือลงโทษน้อง หรือลงโทษทั้งคู่ที่ไม่รักกัน โดยไม่ได้วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาว่าคืออะไร หรืออาจจะดุลูกทันที ว่าเขาไม่ควรอิจฉาคนอื่น ตำหนิว่าเขาไม่ควรเกิดความรู้สึกอย่างนี้
เพราะไม่พอใจที่ลูกขี้อิจฉา รู้สึกคาดหวังว่าลูกไม่ควรมีนิสัยอย่างนี้ การดุว่าด้วยความโกรธ เด็กเองก็จะโกรธตอบเมื่อเราโกรธเขา เขาก็โกรธเรา เกิดเป็นความคับข้องใจในตัวเด็กเป็นอย่างมาก เพราะจริงๆ แล้ว เด็กต้องการความรักความเข้าใจจากพ่อแม่ เมื่อเขาถูกดุว่าด้วยความโกรธอยู่เสมอ เขาก็จะรู้สึกว่าถูกกดดันเป็นอย่างมาก และมีความอึดอัดอยู่ในใจ เด็กอาจพัฒนากลายเป็นเด็กที่มีนิสัยดื้อรันหรือแสดงความรู้สึกรุนแรงมากขึ้น จนพ่อแม่ทนไม่ไหวตำหนิเด็กมากขึ้น การแก้ปัญหาแบบนี้แทนที่จะช่วยให้ลูกเข้าใจ และลดความอิจฉาลง กลับยิ่งทำให้มีปัญหามากขึ้น
เพราะการแสดงออกของความอิจฉาเป็นปลายเหตุที่แสดงให้เห็นว่า เขาไม่พอใจกับบางอย่างที่เกิดขึ้น ต้องช่วยกันดูว่าความไม่พอใจนี้คืออะไร หากพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูเด็กไม่เข้าใจ ไม่สามารถตอบสนองอย่างเหมาะสม ตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก เด็กจะเติบโตและพัฒนากลายเป็นเด็กขี้อิจฉาไปตลอดชีวิต เมื่อเขาโตขึ้น เขาจะอิจฉาเพื่อนร่วมงานอิจฉาทุกๆ คนที่อยู่รอบตัว มีความไม่พึงพอใจกับชีวิตของตนเอง รู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าคนอื่นอยู่เสมอ ไม่อาจมีความสุขเหมือนกับคนอื่นได้ เพราะในใจมีแต่ความอิจฉาริษยาตลอดเวลา กลายเป็นคนที่มีความทุกข์กับชีวิต พ่อแม่จะสามารถลดและป้องกันความอิจฉาที่เกิดขึ้นกับลูกได้โดย...
• สนใจความรู้สึกของลูก จะเห็นว่าความอิจฉาริษยาเป็นการแสดงความไม่พอใจของเด็ก ซึ่งเกิดจากความต้องการของเขาไม่ได้รับการตอบสนอง โดยเฉพาะในเด็กเล็ก เขาจะต้องการการตอบสนองเป็นระยะๆ ถ้าทิ้งช่วงเวลาของการตอบสนองไปเป็นช่วงเวลายาวๆ เด็กจะเริ่มเข้ามาแสดงออก เพื่อให้ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะถ้ามีลูก 2 คน ที่อายุไม่ห่างกันมากนัก เช่น ถ้าพี่อายุ 3 ขวบ น้องอายุ 2 ขวบ บางทีพี่เองก็ต้องการความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ไม่น้อยไปกว่าน้องเลยทีเดียว ถ้าไม่สนใจความรู้สึกตรงนี้ เขาก็อาจแสดงความอิจฉาออกมา เพราะฉะนั้นต้องหันมาสนใจความรู้สึกของลูก หันมาใส่ใจกับความรู้สึกของเขา ตอบสนองต่อความรู้สึกที่มีของเขาบ้าง ก็จะช่วยลดความรู้สึกอิจฉาริษยาภายในใจของเขาได้
• หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือต้องหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ ความอิจฉาริษยานั้นบางทีเกิดขึ้นเพราะไม่ได้ระมัดระวัง เปรียบเทียบลูกกับคนอื่นเสมอ ซึ่งจะจะทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่าเขาด้อยกว่าคนอื่น โดยเฉพาะในพี่น้อง ทำไมน้องทำได้ เขาเป็นพี่โตกว่า ทำไมทำไม่ได้
• สอนและชี้แนะสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม เมื่อให้ความสนใจเขาแล้ว เด็กจะรู้สึกว่าพ่อแม่เข้าใจเขาในระดับหนึ่ง จากนั้นควรสอนหรือชี้แนะสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมให้กับลูก ก่อนจะสอนเขาทุกครั้ง พ่อแม่ต้องตระหนักเสมอว่า ต้องช่วยเขาในเรื่องความรู้สึกก่อน ถ้าความรู้สึกของเขายังรุนแรงมาก ไม่พอใจมาก อิจฉาอย่างมาก ถึงชี้แนะอะไรเขาก็จะยังรับไม่ได้ เพราะอารมณ์ด้านลบของเด็กที่มีอยู่มาก จะบดบังการใช้เหตุผลของเขาไปหมด
เมื่ออารมณ์ขุ่นมัวของเขาลดลงแล้ว เขาต้องเรียนรู้ทางออกใหม่ๆ สำหรับตัวเขาเองบ้าง ถ้าเขาอิจฉาน้องแล้วใช้วิธีแกล้งน้องหรือทำให้น้องร้อง เพื่อที่พ่อแม่จะต้องหันมาสนใจเขา แทนที่เราจะดุว่าด้วยความโกรธ อาจจะเบนความสนใจเขาออกไปทำอย่างอื่น เริ่มสอนให้เขารู้ว่า หากเขาใช้วิธีอย่างนี้ เขาก็สามารถได้รับความสนใจ ในระยะต่อไปถ้าเราสามารถแบ่งปันความรู้สึกกับลูกได้เหมาะสม โดยที่เขาไม่ต้องคอยเรียกร้องความสนใจจากเราอยู่เสมอ ก็จะช่วยได้มากยิ่งขึ้น
• สอนให้รู้จักการให้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรสอนลูก โดยสอนให้เขารู้จักให้คนอื่น รู้จักให้อภัยผู้อื่น เป็นเรื่องที่ยากพอสมควรสำหรับเด็กที่เขาจะต้องเริ่มแบ่งปัน อาจจะเริ่มต้นจากสิ่งของหรือเรื่องง่ายๆ ที่เขาพอจะแบ่งปันให้คนอื่นได้ พ่อแม่ควรให้คำชื่นชมหรือแสดงความชมเชยทันทีในเวลาที่เขารู้จักให้คนอื่น ตรงนี้จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการให้เป็นความรู้สึกที่ดี
• สอนให้รู้จักชมเชยผู้อื่น เมื่อเด็กรู้จักให้และรู้จักการแบ่งปัน ต่อไปจะต้องสอนให้เขารู้จักที่จะชมเชยคนอื่น รู้จักมีความพอใจหรือยินดีในเวลาที่คนอื่นทำอะไรได้ดี โดยที่ตัวของเขาเองไม่จำเป็นต้องรู้สึกด้อยในเวลาที่เห็นคนอื่นดีกว่าตนเอง รู้จักที่จะภูมิใจในตัวเอง ตนเองก็มีสิ่งดีในบางอย่างที่อาจจะไม่เหมือนน้อง ไม่เหมือนเพื่อน ต่างคนก็ต่างมีลักษณะบางประการที่เป็นข้อดีของตัวเอง ตรงนี้จะทำให้เด็กมีความภูมิใจในตัวเอง เห็นข้อดีที่เขามี ในขณะเดียวกันก็มีความสามารถที่จะยอมรับข้อดีหรือข้อเด่นของคนอื่นได้ โดยไม่เก็บเอามาเป็นความทุกข์ใจหรือเก็บเอามาเป็นความอิจฉาริษยาต่อผู้อื่น
เมื่อถึงจุดนี้ การควบคุมอารมณ์ของเด็ก ก็จะได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น เพราะเขารู้จักที่จะยอมรับผู้อื่น ให้ความสนใจคนอื่น เมื่อเราเริ่มสนใจความรู้สึกของลูก เขารู้สึกดีขึ้น รู้จักที่จะให้ เขาจะเริ่มตอบสนองด้วยการสนใจผู้อื่น เด็กที่ได้รับการฝึกฝนอย่างนี้จะมีวุฒิภาวะที่ดีขึ้น มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น ถ้ามีวุฒิภาวะอย่างนี้เขาจะมีความสุข ไม่ว่าใครจะเป็นอย่างไร เขาก็มีความสุขได้ ใครจะดีขึ้นหรืออย่างไรเขาก็มีความสุขด้วย รวมทั้งมีความสุขกับตนเองได้ด้วย เมื่อมีความสุขกับชีวิต เขาก็จะมีความพร้อมในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไม่ปิดกั้นตัวเองจากเพื่อน จากพี่น้อง หรือคนอื่นๆ สามารถมีทักษะทางสังคมหรืออยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องคอยอิจฉาริษยาคนอื่น ไม่ต้องอยู่ด้วยความทุกข์ใจ ไม่ต้องอยู่ด้วยความรู้สึกด้อยด้วยตัวของเขาเอง
ฉะนั้น ถ้าเห็นลูกอิจฉาริษยา คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องตกใจ เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในเด็ก แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรตระหนักและให้ความสำคัญ คือ คุณเป็นบุคคลสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ลูกสามารถผ่านอารมณ์รู้สึกอิจฉาริษยาไปได้ด้วยดี มีการเรียนรู้ที่จะเข้าใจได้ว่า สิ่งนี้เป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ เขาต้องจัดการความรู้สึกนี้ได้อย่างเหมาะสม ต้องมีความสามารถที่จะเข้าใจผู้อื่น สามารถที่จะให้ความรู้สึกดีๆ กับผู้อื่นได้ ช่วยให้ลูกโตขึ้นเป็นคนที่มีความสุขในตนเอง โดยไม่ต้องคอยเปรียบเทียบกับผู้อื่น
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
(Some images used under license from Shutterstock.com.)