
© 2017 Copyright - Haijai.com
ไบโอติน
ไบโอตินจัดเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ พบในอาหารในปริมาณน้อยมาก แม้แต่ในอาหารที่พบไบโอตินได้มาก ก็ยังมีไบโอตินในปริมาณต่ำ ไบโอตินในอาหารอยู่ในรูปแบบอิสระหรือจับกับโปรตีน โดยไบโอตินในเนื้อสัตว์และธัญพืชจะจับกับโปรตีน อาหารที่มีไบโอตินในปริมาณมาก ได้แก่ ไข่แดง ไต ตับ นมวัว ผัก ร่างกายอาจได้รับไบโอตินจากการสังเคราะห์จากแบคทีเรียในทางเดินอาหาร การดูดซึมไบโอตินจากอาหารชนิดต่างๆ จะแตกต่างกัน โดยอาหารบางชนิด เช่น ข้าวโพด มีไบโอตินในรูปแบบที่ดูดซึมได้ทั้งหมด ในขณะที่ไบโอตินจากธัญพืชดูดซึมได้เพียงร้อยละ 5 จากปริมาณทั้งหมด อาหารบางชนิด เช่น ไข่ขาวดิบ มีโปรตีนอะวิดิน (avidin) ซึ่งสามารถจับกับไบโอตินได้แน่น ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมไบโอตินได้ แม้ว่าอาหารจะมีปริมาณไบโอตินที่ต่ำ แต่ตับและไตสามารถดูดซึมไบโอตินกลับเข้าสู่ร่างกายได้ ทำให้ร่างกายไม่ขาดไบโอติน
ขนาดของไบโอตินที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจะแตกต่างกันไป ตามอายุและสถานภาพของร่างกาย (เช่น ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร) โดยในผู้ใหญ่โดยเฉลี่ย จะมีค่าอยู่ที่ 30-35 มิลลิกรัมต่อวัน ไบโอตินเป็นวิตามินที่ไม่เป็นอันตราย แม้จะได้รับในขนาดมากกว่า 60 มิลลิกรัมต่อวันต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน
ผลของไบโอตินต่อสุขภาพ
ไบโอตินเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการทำงานของเอนไซม์ ที่มีหน้าที่ย้ายหมู่คาร์บอกซิล ซึ่งเป็นปฏิกิริยาสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์กลูโคสใหม่ จากสารอาหารอื่น การสังเคราะห์กรดไขมัน และการสลายกรดอะมิโน นอกจากนี้ไบโอตินยังมีส่วนสำคัญในกระบวนการแบ่งเซลล์ และการซ่อมแซมดีเอ็นเอ เนื่องจากไบโอตินมีส่วนร่วมในปฏิกิริยาที่สำคัญมากในร่างกาย การขาดไบโอตินอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ การขาดไบโอตินในขณะตั้งครรภ์ยังทำให้เกิดภาวะทารกรูปร่างผิดปกติอีกด้วย อย่างไรก็ตามภาวะขาดไบโอตินเป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก และไม่พบในผู้ที่สุขภาพปกติ ผู้ที่เสี่ยงต่อการขาดไบโอติน ได้แก่ ผู้ป่วยโรคทางพันธุกรรม ซึ่งมีความผิดปกติในกระบวนการเปลี่ยนแปลงหรือขนส่งไบโอติน (เช่น ภาวะ biotinidase deficiency) ผู้ที่ได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดโดยไม่ได้เสริมไบโอติน ผู้ที่รับประทานไข่ขาวดิบในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร หรือ โรคในทางเดินอาหาร เด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการขาดโปรตีนและพลังงานอย่างรุนแรง โดยอาการแสดงจากการขาดไบโอติน เนื่องจากการรับสารอาหารทางหลอดเลือด ซึ่งไม่ได้เสริมไบโอติน ได้แก่ ผิวหนังอักเสบชนิด periorifacial dermatitis (มีลักษณะเป็นผื่นผิวหนัง โดยเป็นผื่นแดงหรือเป็นเกล็ดขึ้นกระจายบริเวณรอบ ตา ปาก และจมูก) ติดเชื้อที่ผิวหนัง ตาแดง ผมร่วง ภาวะกล้ามเนื้อเสียสหการกล้ามเนื้อตึงตัวน้อย เลือดและปัสสาวะเป็นกรด ชัก ในเด็กหรือทารกจะมีภาวะพัฒนาการล่าช้าร่วมด้วย อาการแสดงในผู้ที่รับประทานไข่ขาวดิบอย่างต่อเนื่อง จะมีอาการข้างต้นร่วมกับภาวะซึมเศร้า ง่วงงุน ประสาทหลอน และความรู้สึกสัมผัสเพี้ยนที่แขนและขา
ผู้ที่เสี่ยงต่อการขาดไบโอติน ได้แก่ ผู้ป่วยโรคทางพันธุกรรม ซึ่งมีความผิดปกติในกระบวนการเปลี่ยนแปลงหรือขนส่งไบโอติน ผู้ที่รับประทานไข่ขาวดิบในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร หรือโรคในทางเดินอาหาร เป็นต้น
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ยากันชัก primidone, phenobarbital, phenytoin และ carbamazepine สามารถยับยั้งการดูดซึมไบโอติน หรือเพิ่มการขับไบโอตินออกทางปัสสาวะ ทำให้ระดับไบโอตินในเลือดลดลง อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาแนะนำการรับประทานไบโอตินเสริมขณะใช้ยากันชัก
การรับประทานอาหารหลักครบ 5 หมู่ ทำให้ร่างกายได้รับไบโอตินอย่างเพียงพอ และแม้ว่าไบโอตินจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่นิยมใช้สำหรับบำรุงเส้นผมและเล็บ อย่างไรก็ตามไม่มีการศึกษาถึงผลของไบโอตินต่อเส้นผมหรือเล็บ ในกรณีที่ต้องการรับประทานไบโอตินสำหรับเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ภก.ณัฐวุฒิ ลีลากนก
(Some images used under license from Shutterstock.com.)