
© 2017 Copyright - Haijai.com
ไทรอยด์ในคุณแม่ตั้งครรภ์
ความสำคัญของต่อมไทรอยด์ ต่อมไทรอยด์เป็นอวัยวะรูปผีเสื้ออยู่ตรงกลาง ด้านหน้าของลำคอ ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน (Thyroid hormone) ทำหน้าที่ควบคุมการเผาผลาญพลังงานในร่างกายให้ความอบอุ่น และช่วยให้การทำงานของสมอง กล้ามเนื้อ และหัวใจทำงานได้อย่างปกติ
การเปลี่ยนแปลงของ ต่อมไทรอยด์ และไทรอยด์ฮอร์โมน ในหญิงตั้งครรภ์
ต่อมไทรอยด์ในหญิงตั้งครรภ์ มีการเพิ่มขนาดของต่อมใหญ่ขึ้นแต่ไม่เกินร้อยละ 10 - 15 ของขนาดเดิม จึงไม่ค่อยพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากการตรวจร่างกาย ในส่วนการทำงานมีการเปลี่ยนฮอร์โมน Thyroxine binding globulin (TBG) จากผลของฮอร์โมนเอสโตรเจน และ Thyroid stimulating hormone (TSH) จากผลของฮอร์โมนการตั้งครรภ์ Beta-hCG ทำให้ระดับค่า TSH ปกติในแต่ละไตรมาสไม่เท่ากัน ทำให้การวินิจฉัยโรคไทรอยด์ขณะตั้งครรภ์ต้องทำด้วยความระมัดระวังมากขึ้น แต่ระดับไทรอยด์ฮอร์โมนตัวอิสระในกระแสเลือด (Free T3, Free T4) ในหญิงตั้งครรภ์ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดการตั้งครรภ์ จึงมักใช้เป็นตัวที่ตรวจวินิจฉัย และติดตามการรักษา
การทำงานของ ต่อมไทรอยด์ ของทารกในครรภ์
หลังจากไตรมาสแรก (10 - 12 สัปดาห์) เป็นต้นไป ทารกสามารถสรางฮอร์โมนไทรอยด์ของตนเองได้ แต่ยังมีบางส่วนของฮอร์โมนที่ได้รับมาจากแม่ จึงมีความจำเป็นที่แม่ควรได้รับไอโอดีนที่เพียงพอ ในการใช้สร้างไทรอยด์ฮอร์โมนสำหรับทารกในครรภ์ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับไอโอดีนอย่างน้อยวันละ 200 ไมโครกรัมต่อวัน ขณะที่คนปกติต้องการ 150 ไมโครกรัมต่อวัน
ภาวะต่อมไทรอยด์ ทำงานมากเกินไปหรือ เป็นพิษ (Hyperthyroidism) ในหญิงตั้งครรภ์
• สาเหตุสำคัญของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป หรือไทรอยด์เป็นพิษ สาเหตุส่วนใหญ่ร้อยละ 80 - 85 เกิดจาก โรคเกรฟ (Graves’ diease) พบประมาณ 1 ต่อ 1,500 คนของหญิงตั้งครรภ์ เป็นโรคที่เกี่ยวกับภูมิต้านทานต่อตนเอง (Autoimmune) ของต่อมไทรอยด์ โดยมีการสร้าง Thyroid stimulating immunoglobulin (TSI) กระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ และพบว่าบางส่วนของแอนตี้บอดี้ชนิดนี้ ของแม่ที่มีระดับสูงๆ สามารถผ่านรกไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ของทารกในครรภ์ ทำให้เกิดภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ (Fetal Hypothyroidism) หรือหลังคลอดได้ (Neonatal Hypothyroidism) พบได้ประมาณร้อยละ 2 - 5 ส่วนสาเหตุอื่นๆ เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบ เนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ ครรภ์ไข่ปลาอุก หรือจากภาวะแพ้ืท้องอย่างรุนแรง
• ผลของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปต่อแม่ และการตั้งครรภ์ ทำให้เกิดอาการขี้ร้อน เหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย กังวล กระสับกระส่าย หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ อาเจียน นอกจากนี้ในรายที่คุมโรคได้ไม่ดี อาจะเกิดการคลอดก่อนกำหนด หรือภาวะครรภ์เป็นพิษได้
• ผลของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปต่อทารกในครรภ์ ถ้าควบคุมโรคไม่ดี ทารกอาจพบว่ามีความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ (Fetal tachycardia : Fast heart rate) ภาวะตายคลอด (Stillbirths) ภาวะทารกน้ำหนักตัวน้อยกว่ากำหนด (Small for gestational age) และความพิการแต่กำเนิดได้
• การรักษาภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปขณะตั้งครรภ์ ควรได้รับการติดตามระดับไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นระยะ และรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ (โดยปกติควรได้รับการดูแลร่วมกันจากแพทย์ทั้งสองแผนก คือ แพทย์อายุกรรมต่อมไร้ท่อ และสูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์) ส่วนใหญ่นิยมใช้ยาในการรักษา โดยการใช้ยาตัวแรกที่แนะนำให้ใช้ คือ Propylthiouracil (PTU) ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยต่อทารกในครรภ์ การผ่านรกของยาไปสู่ทารกน้อย อย่างไรก็ตาม หลักการรักษาพยายามใช้ระดับยาน้อยที่สุดที่ควบคุมโรคได้ เพื่อให้ส่งผลต่อทารกน้อยที่สุด โดยพยายามให้ระดับฮอร์โมนในแม่สูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย (High normal range) เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ (Hpothyroidism) ในลูก และควรเจาะเลือดติดตามระดับไทรอยด์ฮอร์โมนทุกๆ เดือน การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ขณะตั้งครรภ์ ไม่แนะนำเนื่องจากอาจมีผลต่อมารดาและทารก ยกเว้นกรณีที่จำเป็น เช่น การใช้ยาไม่ได้ผล หรือแพ้ยา ส่วนการกลืนแร่รังสี (Radioiodine) เป็นข้อห้ามในระหว่างการตั้งครรภ์ เพราะแร่รังสีจะทำลายต่อมไทรอยด์ของลูกอย่างถาวร ส่วนกรณีที่แม่บางคนมีอาการใจสั่น หรือมือสั่นมากๆ แพทย์อาจต้องให้ยากลุ่ม Beta-blocker เพื่อลดอาการดังกล่าวลง แต่ต้องระวังการใช้ยานี้ในระยะยาม อาจส่งผลต่อการเติบโตของทารกในครรภ์ได้ (Impaired fetal growth)
• ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมาเกินไปหลังคลอด ในกลุ่ม โรคเกรฟ (Graves’ disease) ส่วนใหญ่อาการจะแย่ลงในช่วงหลังคลอด โดยเฉพาะ 3 เดือนแรกหลังคลอด จำเป็นต้องมีการปรับยาเพิ่มขึ้นในรายที่มีอาการมากขึ้น และตรวจติดตามระดับไทรอยด์ฮอร์โมนในเลือดอย่างใกล้ชิด ในส่วนของคนไข้ที่่รักษาด้วยยา PTU สามารถให้นมบุตรได้ เนื่องจากยาผ่านเข้าไปน้ำนมแม่ได้น้อยมาก จึงปลอดภัยต่อทารกหลังคลอด
ภาวะการทำงาน ต่อมไทรอยด์บกพร่อง หรือ น้อยเกินไป (Hypothyroidism) ในหญิงตั้งครรภ์
• สาเหตุสำคัญของภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์น้อยเกินไป ที่พบบ่อยที่สุด ไทรอยด์อักเสบจากภูมิต้านทานต่อตนเองของต่อมไทรอยด์ (Autoimmune) ที่เรียกว่า โรคฮาชิโมโต (Hashimoto’s thyroiditis) สาเหตุอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการรักษาไทรอยด์เป็นพิษ เช่น การใช้ยามากเกินไป การกลืนแร่รังสี หรือการผ่าตัดต่อมไทรอยด์
• ผลของภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์น้อยเกินไปต่อแม่และการตั้งครรภ์ เช่น การเกิดภาวะซีด กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจล้มเหลว การแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนด รกลอกตัวก่อนกำหนด ครรภ์เป็นพิษ ภาวะเลือดหลังคลอด
• ผลของภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์น้อยเกินไปต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากไทรอยด์ฮอร์โมนมีส่วนสำคัญในการพัฒนาของสมองของทารกในครรภ์ การขาดฮอร์โมนตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ส่งผลต่อระบบประสาทสมอง ความจำ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดภาวะทารกแรกคลอดน้ำหนักตัวน้อย และภาวะตายคลอดได้
• การรักษาภาวะการทงานของต่อมไทรอยด์น้อยเกินไป โดยทั่วไปให้การรักษาโดยการให้ยาไทรอยด์ฮอร์โมน ลีโวไทร็อกซิน (Levothyroxine) หรือเอลทร็อกซิน (Eltroxin) ซึ่งเป็นยาที่ปลอดภัยต่อทารกในครรภ์ ควรมีการปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับอาการผู้ป่วยในแต่ละราย โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์อาจต้องมีการปรับระดับยาให้สูงขึ้น โดยมีการติดตามฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดอย่างสม่ำเสมอ และยากลุ่มไทรอยด์ฮอร์โมนนี้ ไม่ควรทานร่วมมื้อเดียวกันกับยาบำรุงธาตุเหล็ก และแคลเซียม เพราะจะทำให้ร่างกายการดูดซึมยาฮอร์โมนไทรอยด์ได้น้อยลง ควรทานคนละมื้อ หรือห่างกันอย่างน้อย 2 - 3 ชั่วโมง
ไทรอยด์ เป็นโรคระบบต่อมไร้ท่อที่ต้องระวัง และให้ความสำคัญเป็นพิเศษโรคหนึ่ง โดยเฉพาะหญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์และทราบว่าเป็นโรคนี้อยู่ก่อน ควรควบคุมโรคให้อยู่ในระยะสงบก่อน ซึ่งจะทำให้ในขณะตั้งครรภ์สามารถควบคุมอาการของโรคได้ไม่ยาก และเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ และตัวหญิงตั้งครรภ์เอง ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดของโรคนี้ คือ Thyroid storm พบน้อย แต่ถ้าเป็นผู้่วยอาจเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 25 มักเกิดจากไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) ที่ถูกละเลยไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาไม่เพียงพอ มักเกิดในรายที่มีปัจจัยมากระตุ้น เช่น การคลอด การติดเชื้อ ครรภ์เป็นพิษ อาการคือ มีไข้สูง ชีพจรเต้นเร็ว อ่อนเพลียมาก มีภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง เป็นภาวะที่ต้องรีบให้การรักษาอย่างเร่งด่วน
Tips
โรคเอ๋อ คือโรคที่เกิดจากภาวะบกพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนของทารก (Hypothyroidism) จากการขาดสารไอโอดีนของแม่ขณะตั้งครรภ์ (lodine deficiency) พบประมาณ 1 รายต่อทารกแรกคลอด 4,000 ราย พบมากในภาคเหนือและตะัวันออกเฉียงเหนือ มักมีอาการแสดงให้เห็นช่วงอายุหลังจาก 1 เดือน ปัจจุบันมีวิธีการตรวจคัดกรองระดับไทรอยด์ฮอร์โมนในทารกแรกเกิดในเกือบทุกๆ โรงพยาบาล (Neonatal Screening) เพื่อค้นหาเด็กที่มีภาวะขาดฮอร์โมน และรีบให้การรักษา ถ้าได้รับการรักษาก่อนอายุ 3 เดือน เด็กจะมีระดับสติปัญญากลับมาปกติได้ แต่ถ้าได้รับการรักษาไม่ทัน เด็กจะมีอาการปัญญาอ่อน และความพิการทางระบบประสาท วิธีป้องกันโดยให้มารดารับประทานอาหารสดจากทะเล หรือเกลือไอโอดีนที่กระทรวงสาธณสุขผลิตขึ้น ปัจจุบันเริ่มมีการใส่ไอโอดีนเสริม ในยาวิตามินสำหรับคนท้องกันมากขึ้น เพื่อป้องกันโรคดังกล่าว
(Some images used under license from Shutterstock.com.)