Haijai.com


ปลูกผม ด้วยวิธีย้ายรากเซลล์ (FUE)


 
เปิดอ่าน 3844

ปลูกผม ด้วยวิธีย้ายรากเซลล์ (FUE Technique)

 

 

ปัญหา “ผมร่วงหัวล้าน” นับว่าเป็นสิ่งที่พรากความมั่นใจจากคนทุกเพศทุกวัยไปได้ไม่น้อย และแม้จะดูเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่เราคุ้นตากันดี แต่เชื่อเถอะว่าสำหรับคนที่ต้องประสบปัญหาเหล่านี้โดยตรง คงไม่คิดว่ามันคือความสุขแน่นอน แต่ก็ยังมีหลากวิธีที่พร้อมช่วยแก้ไข โดยเรามักจะคุ้นกับการผ่าตัด หรือใช้น้ำยาปลูกผม ปลูกหนวด บ้างก็เห็นผลจริง บ้างก็อ้างว่าต้องใช้เวลาสักหน่อย ซึ่งแน่นอนว่าทุกอย่างหากขึ้นชื่อว่าเป็นการแก้ไข ย่อมต้องใช้เวลาควบคู่ไปด้วยเสมอ

 

 

การแก้ไขปัญหาผมร่วงหัวล้านในปัจจุบัน ก็ได้ถูกพัฒนาการมาจนถึงวิธีที่เรียกว่า FUE เป็นวิธีปลูกผมแบบใหม่ไร้การผ่าตัด โดยการย้ายเซลล์รากผมมาวางตรงบริเวณที่ไม่มีผมนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกว่า เป็นเทคนิคที่ให้ผลลัพธ์สวยงามแบบธรรมชาติอีกด้วย

 

 

การเจริญเติบโตและโครงสร้างของ “ผม”

 

แรกเริ่มเส้นผมของเรามากจากเดอร์มัลแปปิลลา (Dermal Papilla) มีหน้าที่ในการช่วยหล่อเลี้ยงเซลล์ผมบริเวณราก เพื่อสร้างเส้นผมใหม่หรือช่วยให้เส้นผมเก่ายาวขึ้นด้วย จากนั้นเดอร์มัลแปปิลลาจะเจริญไปเป็นเซลล์แมทริกซ์ (Matrix) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่มีหน้าที่ในการผลิตเซลล์ผม เมื่อเซลล์ผมถูกผลิตมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมการผลิตสารเคราติน (Keratin) ซึ่งมีหน้าที่ในการผลิตโปรตีนควบคู่กันไป จนเกิดการดันเซลล์ผมเก่าขึ้นไปข้างบน จนเหนือผิวหนังเซลล์ผม เรียกว่า “เส้นผม” นั่นเอง การเจริญเติบโตของเส้นผมแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

 

 ระยะอานาเจน (Anagen Phase) เป็นระยะเริ่มต้นของการสร้างเซลล์ผม และเป็นระยะงอกงามของขน มีระยะเวลายาวนาน 2-7 ปี โดยเส้นผมในระยะนี้จะยาวขึ้นปีละ 10 เซนติเมตร เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1 เซนติเมตรต่อเดือน ระยะอานาเจนจะสั้นลงเมื่อเรามีอายุมากขึ้น

 

 

 ระยะคาตาเจน (Catagen Phase) หรือระยะหยุดงอก ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นระยะที่รูขุมขนเริ่มหดตัวเล็กลงและตื้นขึ้นมาก ทำให้ส่วนล่างที่เชื่อมต่อกับเดอร์มัลแปปิลลาถูกตัดออกจากกัน เส้นผมในระยะนี้จึงจะบางลงและมีสีซีดลง เนือ่งจากสูญเสียเซลล์เม็ดสีไปด้วยนั่นเอง

 

 

 ระยะเทโลเจน (Telogen Phase) เป็นระยะพักตัวเพื่อกลับไปสู่ระยะเริ่มต้นใหม่ โดยจะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน ระยะนี้เส้นผมจะมีลักษณะลีบแบน และเริ่มหลุดร่วงออกมาประมาณร้อยละ 10 ของต่อมผมทั้งหมด (ทั้งหมดประมาณ 100,000 ต่อม) เฉลี่ยแล้วประมาณ 100 เส้นต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติไม่ผิดธรรมชาติอะไร รูขุมขน หรือต่อมผมที่อยู่ในระยะนี้ อาจกลับไปสู่ระยะเริ่มต้น (Anagen Phase) เพื่อสร้างเซลล์ผม หรือเส้นผมใหม่ได้ เพราะเซลล์ผมที่มีการเจริญอยู่จะดันเส้นผมเก่าออก และสร้างเส้นผมใหม่ต่อไปเรื่อยๆ แต่ต่อมผมเหล่านี้ จะมีการเสื่อมลงตามอายุอีกเช่นกัน ดังนั้น ต่อมผมที่เกิดการเสื่อมก็อาจจะไม่สามารถกลับไปสู่ระยะเริ่มต้นได้อีก

 

 

ปัญหาขนผม

 

 ปัญหาผมร่วง ผมบาง เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง หากแต่เกิดความรุนแรงที่ต่างกันนั่นเอง และอย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นว่า เส้นผมคนเรานั้น จะหลุดร่วงเป็นปกติประมาณ 100 เส้น ต่อวันอยู่แล้ว ซึ่งข้อสังเกตของความผิดปกติ หรือสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคผมร่วงผมบางก็คือ เส้นผมจะหลุดร่วงมากกว่าปกติ โดยจะสังเกตเห็นได้ชัดเวลาสระผม หากพบว่าเส้นผมที่ร่วงออกมาในขณะที่สระผมมีปริมาณที่มากกว่าปกติ ก็ถือว่าเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้แล้ว

 

 

กรณีต่อมาคือ ตำแหน่งของผมที่ร่วงไปนั้น งอกขึ้นใหม่จริง แต่พบว่ามีลักษณะของเส้นผมที่บางลง หรือเล็กลงกว่าเดิม รวมถึงตำแหน่งที่ผมร่วง ยังเป็นตำแหน่งแบบซ้ำเดิม เช่น บริเวณกลางศีรษะ หน้าผาก เป็นต้น ในส่วนของลักษณะนี้เอง ที่เป็นความแตกต่างระหว่างโรคผมร่วง ผมบางของผู้ชายและผู้หญิง เพราะผู้ชายมักจะมีลักษณะหัวเถิก หรือผมบางกลางกระหม่อมเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้หญิงจะไม่มีอาการรุนแรงขนาดนั้น แต่จะเป็นลักษณะของผมบางกลางศีรษะ มากกว่าลักษณะหัวเถิกแบบผู้ชาย สาเหตุของปัญหาผมร่วง ผมบาง รวมถึงหัวล้านนั้น มาจากหลายปัจจัย ดังนี้

 

 

1.กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุดถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นศีรษะล้านแบบถาวร อาการที่พบได้บ่อย คือ ผมบางหรือศีรษะล้านตรงบริเวณกลางศีรษะ และแนวผมด้านหน้า หรือด้านหลั่งถอยร่นมายังบริเวณกลางศีรษะ

 

 

2.สาเหตุอื่น ส่วนมากจะเป็นอาการที่พบจากโรค เช่น โรคของต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย โรคโลหิตจาง ภาวะหลังคลอดบุตร หรือผ่าตัดใหญ่ รวมถึงการอดอาหารที่มากเกินไป ความเครียด ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเพื่อการรักษา โรคผิวหนังบางชนิด และโรคที่ชอบถอนผมตัวเอง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกร่วมด้วยอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้สารเคมีจากสีย้อมผม หรือการใช้เครื่องสำอางเกี่ยวกับผมที่มากเกินไป หรือแม้แต่แชมพูสระผมที่ไม่เหมาะกับลักษณะผิวหนัง หรือการสระผมโดยใช้น้ำอุ่นก็ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบางได้เช่นกัน

 

 

Follicular Unit Extraction Technique คืออะไร

 

 Follicular Unit Extraction หรือ FUE เป็นเทคนิคการปลูกผมแบบถาวร โดยไม่ต้องผ่าตัด และยังให้ผลลัพธ์เป็นอย่างดีในเรื่องของความสวยงามและความเป็นธรรมชาติ ทั้งยังมีการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค FUE นี้ว่า เส้นผมที่ขึ้นใหม่ จะมีความแข็งแรง ไม่ถอยร่นกลับไปเป็นปัญหาซ้ำเดิมอีกด้วย

 

 

 “FUE” เป็นเทคนิคการย้ายรากผม โดยการเจาะเอารากผมมาปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา โดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะออกมาเป็นชิ้นยาว ไม่มีแผลเย็บเหมือนวิธีอื่นๆ ก่อนเข้ารับการรักษา คนไข้จะต้องหยุดใช้ยากระตุ้นผม รวมถึงยารักษาอาการผมร่วง อย่างน้อย 4-6 เดือน เพื่อให้แพทย์สามารถมองเห็นตำแหน่งที่มีปัญหาจริงๆ หลังจากนั้น แพทย์จะทำการออกแบบโครงร่างเส้นผมแนวไรผม พร้อมประเมินจำนวนผมที่จะทำการปลูก

 

 

ในส่วนของขั้นตอนการรักษา แพทย์จะเริ่มฉีดยาชา หรือให้ยานอนหลับชนิดอ่อนแก่คนไข้ และเริ่มทำการรักษาด้วยเทคนิค FUE โดยแพทย์จะใช้หัวเจาะ ขนาดเล็ก 0.8-1.2 มิลลิเมตร เจาะบริเวณรอบกอผมลึกลงไปยังรากผม โดยเลือกเซลล์ผมจากบริเวณด้านหลัง ซึ่งต้องเป็นเซลล์ผมที่มีความแข็งแรง และดึงกอผมเหล่านั้นออกมา พร้อมกันนั้น แพทย์จะเปิดช่องบริเวณศีรษะที่ไม่มีผมให้อ้าออก แล้วใส่กราฟ (เซลล์รากผม) เข้าไป เปรียบเสมือนการย้ายเซลล์ผมออกมานั่นเอง

 

 

จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความละเอียดและความประณีตอย่างมาก เพราะหากเจาะไปด้วยความไม่ชำนาญ อาจทำให้รากผมขาดได้ นอกจากจะส่งผลต่อเซลล์รากผมแล้ว ความชำนาญของแพทย์ยังส่งผลต่อความเป็นธรรมชาติ และระยะเวลาในการรักษาอีกด้วย

 

 

เพราะวิธีนี้เป็นการใช้เครื่องในการช่วยเก็บกราฟออกมาก็จริง แต่เป็นกลไกการทำงานผ่านมือแพทย์ทั้งสิ้น ซึ่งหมายถึงแพทย์ผู้ทำการรักษา เป็นหัวใจสำคัญของวิธีนี้เลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตามเทคนิค FUE ก็ยังถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทสำหรับด้านการใช้งาน คือ การรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการรักษาจากหุ่นยนตร์ ซึ่งแน่นอนว่าความแตกต่างก็อยู่ที่ผู้ควบคุมการรักษา เพราะเทคนิคนี้ต้องใช้ความแม่นยำ และระยะเวลาในการรักษาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น การใช้หุ่นยนตร์ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการเพิ่มความแม่นยำ แต่ส่วนมากจะเป็นการรักษาจากตัวแพทย์เองซะมากกว่า

 

 

หลังจากการผ่าตัดคนไข้ไม่ควรซับแผล สัมผัสแผล สระผม รวมถึงห้ามให้แผลโดนน้ำตรงบริเวณที่ทำการปลูกผมเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง หากพ้นหนึ่งวันไปแล้ว คนไข้สามารถสระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อน และควรทิ้งแชมพูไว้บนศีรษะประมาณ 15 นาที เพื่อให้สะเก็ดแผลนิ่มขึ้น ควรสระทุกวัน วันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) ที่สำคัญ คือ ควรสระด้วยวิธีการนวดเบาๆ ไม่ควรลงมือเกาศีรษะอย่างรุนแรง ควรใช้ผ้ารัดศีรษะเป็นเวลา 4-5 วัน ตรงบริเวณผมที่ทำการรักษา ควรนอนยกศีรษะขึ้นสูงในช่วง 2-3 วันแรก งดสูบบุหรี่ ในกรณีที่แผลมีอาการบวม คนไข้สามารถใช้น้ำแข็งประคบบริเวณรอบๆ แผลได้ แต่ห้ามประคบบริเวณแผลที่ทำการปลูกผมมาโดยตรงเด็ดขาด รวมถึงสะเก็ดเลือดที่เกิดจากแผล ก็ไม่ควรแกะหรือเกา เพราะสะเก็ดเหล่านั้น จะหลุดหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์

 

 

ผลที่ได้จากการรักษา

 

หลังการรักษาคนไข้จะไม่มีอาการตึงบริเวณหนังศีรษะ แน่นอนว่าทุกการรักษาจะคงมีรอยแผลเล็กๆ แสดงให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งในกรณีของการรักษาผมร่วง ศีรษะล้านด้วยเทคนิค FUE นี้ จึงทำให้คนไข้มีรอยแผลขนาดเล็ก หรือเป็นแผลจุดเล็กๆ ที่บริเวณศีรษะด้านหลังเล็กน้อย เพราะเกิดจากการย้ายเซลล์รากผมแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งต่างกับวิธีผ่าตัดปลูกผม (Follicular Unit Transplantation หรือ FUT) นอกจากนี้คนไข้อาจพบว่ามีอาการผมร่วงประมาณ 10-14 วันหลังทำการรักษาไปแล้ว เป็นอาการที่พบได้บ่อยแทบจะทุกรายของคนไข้ที่ผ่านการรักษาด้วยวิธีนี้ หลังจากนั้นเส้นผมจึงจะงอกใหม่ภายใน 6-8 สัปดาห์ แต่ระยะเวลาที่ถือว่าเหมาะสมและเห็นผลได้ชัดเจน จะอยู่ที่ประมาณ 6-12 เดือน ช่วงนั้นตำแหน่งของเซลล์รากผมจะค่อนข้างแน่นอน และหากพบว่าบางตำแหน่งยังไม่มีการงอกใหม่ของเส้นผม ก็สามารถปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษา เพื่ออาจเข้ารับการปลูกผมเพิ่ม

 

 

นอกจากนี้คนไข้ควรทานยาควบคู่ระหว่างการรักษาไปด้วย เพราะสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ศีรษะล้านก็ยังมาจากจำนวนของฮอร์โมนเพศชายที่มีมากเกินไป ดังนั้น การทานยาเพื่อควบคุมฮอร์โมน และการทานยากระตุ้นเส้นผมระหว่างการรักษา จึงเป็นสิ่งที่คนไข้ควรทำ ซึ่งควรอยู่ในความดูแลจากแพทย์ผู้ทำการรักษาควบคู่ไปด้วยเช่นกัน

 

 

เทคนิค Follicular Unit Extraction หรือ FUE เป็นเทคนิคที่ถือว่า ได้รับความนิยมมากกว่าการผ่าตัดปลูกผม (FUT)  เพราะเป็นวิธีที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ และทุกขั้นตอน เส้นผมทุกเส้นจะต้องผ่านมือจากแพทย์เพียงท่านเดียวเท่านั้น หากเป็นการผ่าตัดปลูกผมแบบดั้งเดิม แพทย์จะทำการเราะหนังศีรษะออกมา แล้วให้แพทย์ผู้ช่วยท่านอื่น นำไปตกแต่งกราฟก่อนนำมาปลูกใหม่ยังบริเวณศีรษะที่ไม่มีผม ซึ่งความเนียนและผลลัพธ์ที่ได้ ก็จะขึ้นอยู่กบความชำนาญของแพทย์อีกเช่นกัน

 

 

ข้อดีของเทคนิค FUE คือ เหมาะสำหรับคนไข้ที่กลัวการผ่าตัด คนไข้สามารถใช้เส้นขนจากบริเวณอื่นของร่างกายได้ เช่น หนวดเครา ขนหน้าอก หรือขนหน้าแข้ง เพื่อนำมาปลูกที่บริเวณศีรษะได้ โดยขึ้นอยู่กับลักษณะของเส้นแต่ละบริเวณ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ปลูกหนวดเครา รวมถึงขนตาได้อีกด้วย

 

 

ส่วนข้อเสียคือ ใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน เพราะเป็นการย้ายเซลล์รากผมออกมาทีละเส้น และนำไปใส่ในพื้นที่ใหม่ อีกทั้งขึ้นอยู่กับจำนวนพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และความชำนาญของแพทย์เป็นสำคัญ

 

 

แม้ว่าปัญหาผมร่วง ศีรษะล้านดูจะเป็นปัญหาเรื้อรังที่สร้างความรำคาญใจให้แก่ใครต่อใครอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่ง ที่สามารถยอมรับสภาพความเป็นไปของร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรเสียความสุข และความมั่นใจของคนเรา ย่อมมีไม่เท่ากัน หากทำไปแล้วไม่เดือนร้อนคนอื่น และตัวเองมากจนเกินไป ก็ลงมือสร้างความสุขกันต่อไป

(Some images used under license from Shutterstock.com.)