Haijai.com


ผ่าตัดลดน่อง แก้ปัญหาสร้างเรียวขาใหม่


 
เปิดอ่าน 8859

ผ่าตัดลดน่อง

 

 

แฟชั่นสมัยนี้คงหนีไม่พ้นการอวดเรียวขา โชว์ความยาวเผยความเนียนแบบที่มีให้เลือกมองกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ใครหลายคนคงต้องเคยเจอประสบการณ์สาวน้อยสาวใหญ่ ที่ตั้งใจอวดเรียวขาด้วยความมั่นใจ โดยไม่แคร์สายตาคนอื่นเลย ซึ่งความมั่นใจเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าเรามีความมั่นใจในเสื้อผ้า ทรงผมหรือสิ่งต่างๆ ภายใต้สิ่งของอุปกรณ์ที่เราสวมใส่ เราก็จะดูสวยได้ในแบบของเรา และเป็นความสวยแบบไม่ซ้ำใคร... แต่จะดีกว่าไหม ถ้าผู้หญิงทุกคนจะโชว์เรียวขา ด้วยความมั่นใจแบบลืมคำสบประมาทว่า “ขาโต๊ะสนุ้ก” หรือ “ผู้หญิงฐานมั่นคง” ไปได้เลย

 

 

“น่อง” เป็นอวัยวะที่ประกอบด้วยไขมันและกล้ามเนื้อ ซึ่งแบ่งกล้ามเนื้ออกได้เป็น 2 มัด คือ Gastrocnemius (กล้ามเนื้อส่วนบน) และ Soleus (กล้ามเนื้อส่วนล่าง) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ปูดออกมาเป็นก้อน เมื่อเราเขย่งขาหรือใส่รองเท้าส้นสูง กล้ามเนื้อส่วนล่างนี้ก็จะนูนออกมา ทำให้น่องขาดูเป็นกล้ามแข็งไม่สวยงาม โดยเจ้ากล้ามเนื้อส่วนล่างนี้จะมีผลต่อการเดิน 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกล้ามเนื้อส่วนบนนั้น จะมีผลต่อการเดิน 85 เปอร์เซ็นต์ กล้ามเนื้อทั้งสองมัดนี้ มีส่วนสำคัญต่อการเดิน กระโดด และวิ่ง

 

 

ไขปัญหาน่องขาใหญ่

 

โดยปกติแล้วผู้หญิงเราไม่ได้มีเรียวขาที่งดงามน่ามองไปซะทุกคน โดยเรามักจะสังเกตเห็นว่ายังมีผู้หญิงอีกหลายคน ที่มีปัญหากับขนาดของเรียวขาที่ใหญ่ หรือที่เรียกว่าน่องโตนั่นเอง ซึ่งปัญหาเหล่านี้มาจากสาเหตุ 2 ข้อหลัก คือ

 

 ไขมัน เกิดจากการสะสมของไขมันที่มีจำนวนมากเกินไป สามารถสังเกตตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เพราะหากทำการเกร็งเนื้อบริเวณเรียวขา แล้วจับเนื้อผิวบริเวณน่องแล้ว มีลักษณะเป็นเนื้อหนาๆ แผ่นใหญ่อย่างชัดเจน และตรงบริเวณด้านล่างเหนือข้อเท้าจะดูอวบ แม้จะเขย่งเท้าเท่าไร ก็จะยังคงมีขนาดเท่าเดิม ซึ่งในกรณีที่น่องโตเพราะไขมัน จะเหมาะสมกับการแก้ไขโดยวิธีผ่าตัดดูดไขมันออก

 

 

 กล้ามเนื้อ  เกิดจากการเคลื่อนไหว หรือการใช้งานที่หนักมากเกินไป เช่น การเดิน การออกกำลังกายที่หนักมากจนเกินไป รวมถึงการออกกำลังกายแบบผิดวิธี ที่นอกจากจะไม่ช่วยทำให้น่องเล็กลงแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้น่องโตมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะสาวๆ ที่ทำงานออฟฟิศที่มักจะต้องสวมใส่ส้นสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณน่องใหญ่ขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งคนที่มีปัญหาน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อ จะจับเนื้อบริเวณน่องแล้วรู้สึกได้ถึงความแข็ง และกล้ามเป็นมัดอย่างชัดเจน

 

 

 กรรมพันธุ์ ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ และสาเหตุส่วนใหญ่ก็มักมาจากกรรมพันธุ์อีกด้วย โดยจะสังเกตได้ว่าบางคนออกกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ก็ไม่มีทีท่าว่าปัญหาน่องใหญ่น่องโตจะตามมา แต่กลับกัน กับคนที่ออกกำลังกายเพียงนิดเดียว และเป็นการออกกำลังกายเพื่อลดขนาดต้นขา และเรียวขากลับได้ขนาดของขาที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม นั่นก็เพราะ มีกรรมพันธุ์เป็นสิ่งกำหนดและควบคุมอยู่ รวมถึงโครงสร้างร่างกายของแต่ละคน ที่เป็นสิ่งกำหนดรูปร่าง ขนาดของอวัยวะในส่วนต่างๆ อีกด้วย

 

 

แก้ปัญหาสร้างเรียวขาใหม่

 

วิธีลดขนาดน่องขา หรือเรียวขา เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายในปัจจุบัน ซ้ำยังมีหลากหลายทางเลือกให้ทำอย่างมากมาย ซึ่งวิธีแก้ไขมีอยู่ด้วยกัน ดังนี้

 

 การผ่าตัดลดกล้ามเนื้อ ถือเป็นวิธีแก้ไขปัญหาน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อโดยตรง เป็นการผ่าตัดลดขนาดของน่องให้เล็กลง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 วิธีย่อยคือ การผ่าตัดกล้ามเนื้ออก กับการผ่าตัดเหลากล้ามเนื้อทั้งหมด จัดแต่งให้เป็นไปตามลักษณะที่ต้องการ เรียกว่า เปรียบเสมือนเป็นการออกแบบกล้ามเนื้อใหม่เลยก็ว่าได้ ข้อดีของการผ่าตัด คือ เป็นวิธีที่ได้ผลเร็วเห็นผลจริงและคงทนถาวร แต่ข้อเสียคือ มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อต่างๆ ตามมาค่อนข้างมาก อาจเกิดปัญหาขนาดของน่องที่ลดลงไม่เท่ากัน และเกิดรอยแผลเป็น แผลนูนหลังผ่าตัดได้อีกด้วย นอกจากนี้คนไข้อาจต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผลที่ชัดเจนประมาณ 1-2 เดือน รวมถึงต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นที่ค่อนข้างนาน

 

 

 การทำ Vaser Liposuction เป็นการสลายไขมันด้วยคลื่นความถี่สูงจาก Ultrasonic ซึ่งแตกต่างจากวิธีดูดไขมัน (Liposuction) โดยแพทย์จะทำการเจาะรูขนาดเล็ก เพื่อสอดอุปกรณ์ในการสลายไขมันเฉพาะจุดเข้าไป และปล่อยคลื่นจนทำให้เซลล์ไขมันแตกพร้อมดูดไขมันบางส่วนออกมา ข้อดีคือ ไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง เป็นวิธีที่ง่ายและเจ็บตัวน้อยกว่าการดูดไขมัน ที่สำคัญคือหลังทำแล้วคนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องนอนพักฟื้น และเป็นวิธีที่อันตรายน้อยกว่าการดูดไขมันธรรมดา แต่ข้อเสียคือ คนไข้อาจมีความรู้สึกเจ็บหรือปวด ตรงบริเวณแผลที่ทำการรักษา และมีอาการช้ำ บวมแดงเล็กน้อยร่วมด้วย สามารถเห็นผลหลังการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ไปแล้ว และมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

 

 

 การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นวิธีที่เหมาะกับปัญหาน่องโตที่เกิดจากไขมัน เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาแบบตรงจุด และจำกัดตำแหน่งของไขมันได้เป็นอย่างดี ข้อดีของวิธีนี้คือ จะสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนในปัญหาของคนที่น่องโตเพราะไขมัน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นการดูดไขมัน นั่นหมายถึง ขนาดของเรียวขาจะเล็กลงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่คนไข้จะเสียเลือดน้อย ไม่เกิดการบาดเจ็บต่อบริเวณเนื้อเยื่อโดยรอบ ข้อเสียคือ จะสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังจากทำมาแล้ว 2 เดือน นอกจากนี้ในบางกรณีอาจทำมาแล้วแต่มีขนาดน่องไม่เท่ากัน หรืออาการน่องเบี้ยวก็เป็นได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการดูดไขมันเป็นสำคัญ

 

 

 การฉีด Lipo Dissolve เป็นเทคนิคการฉีดสารเพื่อละลายไขมันส่วนเกินในอวัยวะส่วนนั้นออก แล้วรอให้ร่างกายเกิดการดูดซึมกลับเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ต้องหมั่นทำอยู่เรื่อยๆ ข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่ใช่วิธีการผ่าตัด ซึ่งหมายถึงคนไข้ไม่ต้องเจ็บตัวเยอะ สามารถทำการรักษาและกลับบ้านได้เลย ข้อเสียคือ ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานาน เพราะการฉีดในแต่ละครั้งจะสามารถละลายไขมันออกได้แค่บางส่วน โดยคนไข้จะต้องกลับมาฉีดซ้ำอยู่ประมาณ 2 เดือน ต่อ 1 ครั้ง จนกว่าไขมันจะเกิดการยุบตัวอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ได้ดี และเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาน่องใหญ่ เพราะไขมันในส่วนกรณีของคนไข้

 

 

ที่อยากทำการรักษาด้วยวิธีนี้ แต่พบว่ามีสาเหตุน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อ อาจจะเป็นวิธีที่ไม่เห็นผลในการรักษาเท่าที่ควร และแม้จะทำการฉีดไปนานแค่ไหน น่องของคนไข้ก็จะยังคงใหญ่เท่าเดิม หรือีผลไม่ต่างจากเดิมเลย

 

 

 การฉีดสาร Botulinum Toxin หรือที่เราคุ้นกันในชื่อโบท็อกซ์ (Botox) นั่นเอง จะเป็นการฉีดสารเข้าไปที่กล้ามเนื้อน่องสองมัดใหญ่ ที่เป็นจุดสำคัญในการควบคุมของน่องทั้งหมด วิธีนี้จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัว หยุดทำงานไปชั่วขณะหนึ่งและฝ่อตัวลง จนเรียวขาเล็กลงได้ในที่สุด จึงเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อ ข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่เจ็บตัวมาก เพราะไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่และไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นใดๆ ในภายหลัง ส่วนข้อเสีย คือ ไม่คงทนถาวร และอาจต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผลสัก 1-2 เดือนหลังทำการรักษา อีกทั้งคนไข้ต้องกลับมาฉีดซ้ำในทุกๆ 4-6 เดือน อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งหมายถึงเป็นการสะสมค่าใช้จ่ายที่สุดท้ายแล้ว จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง

 

 

 การฉีดคาร์บอกซี่ (Carboxytherapy) โดยแพทย์จะใช้เข็มเล็กๆ สอดเข้าไปที่ชั้นใต้ผิวหนัง แล้วค่อยๆ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บริสุทธิ์ ลงไปในชั้นไขมันบริเวณผิว เพื่อให้ก๊าซเข้าไปขยายเส้นเลือด ทำให้เกิดการหมุนเวียนเลือดที่ดีขึ้น และเป็นการเร่งการเผาผลาญไขมัน จึงเป็นวิธีที่เหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาน่องใหญ่จากไขมัน ระยะเวลาในการทำการรักษาอยู่ที่ประมาณ 30 นาทีต่อครั้ง ทำติดต่อกัน 5-6 ครั้งจึงจะเห็นผลดี และคนไข้ต้องมาฉีดซ้ำทุกวัน 3 วัน ข้อดีของวิธีนี้คือ หลังจากทำการรักษาแล้วคนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี้ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะจะสามารถละลายน้ำได้ดีและสลายตัวได้รวดเร็ว แต่ข้อเสียคือ เจ็บมาก เนื่องจากเป็นวิธีที่ใช้เทคนิคการปล่อยก๊าซเข้าไป จึงอาจมีอาการปวดและรู้สึกตึงบริเวณผิวเป็นอย่างมาก

 

 

 การปล่อยคลื่นสลายไขมัน เป็นเทคนิคการนวดด้วยนวัตกรรม เพื่อช่วยสลายไขมันบริเวณผิว วิธีนี้จะเปรียบเสมือนวิธีออกกำลังกาย โดยการปล่อยคลื่นUltrasonic ความถี่สูงเข้าไปกระตุ้นให้ไขมันเกิดการสลายตัว ข้อดีของวิธีนี้คือ เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์อย่างดีสำหรับคนที่มีปัญหาน่องโตเพราะไขมัน ส่วนข้อเสียคือ เป็นเทคนิคที่ใช้คลื่นเข้าช่วยในการสลายไขมัน จึงต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาอย่างต่อเนื่อง และหลายครั้งจึงจะเห็นผลดี ทั้งนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาต่อครั้งที่ค่อนข้างสูงอีกวิธีหนึ่ง แต่ค่อนข้างเห็นผลได้อย่างชัดเจน

 

 

การใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency Energy) ถือเป็นวิธีที่กำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศ เพราะเป็นการใช้คลื่นวิทยุเข้าไปจี้ทำลายเส้นประสาทกล้ามเนื้อบริเวณน่อง และเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อ ข้อดีของวิธีนี้คือ สามารถเห็นผลได้ชัดเจน ถือเป็นการผ่าตัดเล็กแบบไม่ทิ้งรอยแผลเป็น หรือรอยใดๆ หลังจากการรักษาไปแล้ว แต่ข้อเสียคือ คนไข้ต้องเลือกที่จะใช้บริการกับทีมแพทย์ที่มีความชำนาญในเครื่อง และในขั้นตอนของการผ่าตัดเป็นอย่างดี เพราะวิธีนี้จะทำโดยการผ่าตัดเปิดแผลขนาดเล็ก และจี้เส้นประสาทด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งหากเกิดข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว อาจส่งผลอันตรายต่อตัวคนไข้ได้ทันที

 

 

 การตัดเส้นประสาท เป็นวิธีแก้ไขปัญหาน่องที่มีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ โดยการเข้าไปตัดเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อให้ฝ่อและเหี่ยวลง ทำให้น่องมีขนาดเล็กลงนั่นเอง ข้อดีของวิธีนี้คือ สามารถเห็นผลได้ทันที ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่เห็นผลได้รวดเร็วกว่าวิธีอื่นๆ แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้เกิดรอยแผลที่ค่อนข้างเห็นได้อย่างชัดเจน เนื่องจากถือเป็นวิธีแบบการผ่าตัด โดยแพทย์อาจต้องทำการเปิดแผลขนาดประมาณ 6-7 เซนติเมตร ตรงบริเวณข้อพับเล็กๆ จึงทำการตัดเส้นประสาท ซึ่งความยาวระดับนั้นเอง ที่อาจกลายเป็นแผลเป็น แผลนูนหรือคีลอยด์หลังผ่าตัด อีกทั้งยังเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างซับซ้อนและลำบาก วิธีนี้จึงยังเป็นวิธีที่ไม่ค่อยมีคนนิยมมากนัก

 

 

น่องไม่ใหญ่ใช่ว่าจะกระชับ

 

ในกรณีที่คุณผู้หญิงไม่ได้มีปัญหาของน่องขาที่ใหญ่โตจนน่าเกลียด แต่ยังรู้สึกว่าน่องขายังย้วย ไม่เฟิร์มหรือกระชับเท่าที่ควรจะเป็น ก็ยังมีวิธีต่างๆ ที่เบากว่ากรณีที่เข้ารับการรักษา แก้ไขปัญหาน่องอย่างจริงจัง ดังนี้

 

 การใช้ครีมและนวด เป็นวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และทำได้อย่างสม่ำเสมอ หรือแม้แต่การเข้านวดสปาก็เป็นการช่วยเพิ่มความกระชับให้เรียวขาได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับกรณีที่คนไข้มีขนาดของน่องขาที่ใหญ่ทั้งจากกล้ามเนื้อ หรือจากไขมันก็ตาม วิธีนี้เรียกได้ว่าจะไม่มีผลใดๆ เลย แต่คนไข้อาจมีความรู้สึกที่ดีขึ้นหลังการนวด หรือการทำสปา เพราะถือเป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของระบบเลือดในส่วนที่ได้รับการนวดนั่นเอง

 

 

 การออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน วิ่งจ๊อกกิ้ง โยคะ พิลาทิส (Pilates) การวิ่งด้วยปลายเท้า หรือเขย่งแล้ว วิ่งอย่าให้ส้นเท้าสัมผัสพื้นประมาณ 5-10 นาที รวมถึงการเขย่งปลายเท้าเดินขึ้นลงบันไดติดต่อกัน 50 ครั้ง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเผาผลาญไขมันในส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นสุขภาพในระบบหมุนเวียนต่างๆ ในร่างกายให้กลับมามีชีวิตชีวาและกระชับมากขึ้นอีกด้วย แต่หากต้องการที่จะออกกำลังกายเพื่อหวังที่จะกระชับต้นขา หรือกล้ามขาแล้วต้องทำโดยมีท่าบริหารที่ถูกต้อง เป็นไปตามลักษณะในการยกกระชับและเผาผลาญไขมันในส่วนนั้นได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังรวมถึงการออกกำลังกายด้วยการกระโดดเชือกติดต่อกัน 15 นาที แต่ต้องเป็นการกระโดดต่ำๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้วเท่านั้น และให้ใช้กล้ามเนื้อส่วนน่อง รวมทั้งงอเข่าเล็กน้อย เพื่อดูดซับแรงกระแทกในแต่ละครั้ง หากกระโดดแรงหรือผิดวิธี อาจทำให้เป็นเสี่ยงต่อการเป็นเข่าเสื่อมได้ในอนาคต

 

 

ข้อดีของวิธีนี้คือไม่เสียค่าใช้จ่ายมาก สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะเป็นวิธีที่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและความสนใจของแต่ละคนเป็นสำคัญ อาจจะไม่ค่อยเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากต้องอาศัยระยะเวลาในการออกกำลังกาย แต่สิ่งที่สามารถสัมผัสและรู้สึกได้อย่างชัดเจนคือ อวัยวะส่วนขาจะมีความกระชับและไดสัดส่วนมากขึ้น ดูแข็งแรงมากขึ้น

 

 

อย่างไรก็ตามการที่ผู้หญิงเราจะมีน่องขา รวมถึงต้นขาที่ใหญ่หรือดูไม่ค่อยจะสวยงามมากนัก ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยเทคนิคของการแต่งตัว รู้จักเลือกใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับหุ่น และรูปร่างของแต่ละคน ยังมีคุณหมอบางท่านเคยได้ให้ความเห็นว่า ลักษณะของขาที่สั้น หรือต้นขาใหญ่ ไม่ได้ทำให้เกิดโรคร้ายอะไร เป็นไปได้แพทย์ก็จะไม่แนะนำให้คนไข้ปรับหรือเปลี่ยน แต่หากเป็นความประสงค์ของคนไข้ที่ต้องการสร้างภาพลักษณะใหม่ให้ดีขึ้น แพทย์ก็จะทำความเข้าใจถึงจุดประสงค์ร่วมกับคนไข้พร้อมพูดคุยถึงความเป็นไปได้ และความปลอดภัยของคนไข้เองด้วย

 

 

ใช้ชีวิตอย่างไรไม่ให้น่องโต

 

นอกจากกรรมพันธุ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว การรู้จักหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจส่งผลต่อขนาดของน่อง ก็ยังเป็นสิ่งที่เราสามารถกำหนดได้ ไม่ว่าเป็นการเดิน ยืน หรือนั่ง ต้องหมั่นย้ำตัวเองอยู่เสมอว่า ควรยืดอก หลังตรง ตัวตรง อย่านั่งเขย่งหรือยืนเขย่งปลายเท้า รวมถึงการนั่งแบบยองๆ เพราะพฤติกรรมเหล่านั้น จะเป็นการทำให้น่องต้องรับน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งหมายถึงขนาดของน่องที่จะโตมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลมากๆ เช่น พิซซ่า มันฝรั่งทอด หรือคุกกี้ ไปจนถึงอาหารที่มีรสจัด รสเปรี้ยว และรสเค็มเกินไปด้วยเช่นกัน เพราะความเค็มที่มาจากโซเดียมที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำไว้ในเนื้อเยื่อ จึงเป็นสาเหตุของการสะสมไขมันนั่นเอง โดยควรหันไปบริโภคอาหารประเภทไขมันต่ำ และแคลอรี่ต่ำแทน ซึ่งสามารถหาได้จากผัก ผลไม้ ถั่ว รวมถึงการปรุงอาหารด้วยน้ำมันมะกอก หรือลดการใส่ผงชูรส ก็จะเป็นการลดปริมาณการบริโภคที่เสี่ยงต่อการกระตุ้นน่องใหญ่ได้เช่นกัน แถมยังเป็นการสร้างสุขภาพจากภายในได้อีกด้วย

 

 

จากเรื่องราวทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น เราจะเห็นว่าวิธีลดน่องขานั้น มีอยู่มากมายให้เลือกลองซะเหลือเกิน แต่ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ก็ไม่เคยมีการสร้างข้อจำกัดว่า ผู้หญิงจะต้องดูสวยภายใต้กางเกงขาสั้น หรือนุ่งกระโปรงสั้นเท่านั้น ผู้หญิงหลายคนที่ดูดี น่ามองในชุดที่มิดชิดก็มีให้เห็นกันอยู่มากมาย แม้หลายคนจะมองว่าคงเพราะเขาเป็นคนสวย หรือน่ารักจึงอยู่ในชุดแบบไหนก็ดูดี แต่แท้จริงแล้วเรื่องแบบนี้ นอกจากเป็นความเหมาะสมของการแต่งตัวแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับการวางตัวของแต่ละคนด้วย ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่เชื่อเถอะว่า ผู้หญิงหลายคนสามารถสวยและสดใส ในสายตาของใครต่อใครได้แบบไม่รู้ตัวกันอยู่ทุกวัน และไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ผู้หญิงก็ไม่เคยคิดจะหยุดสวยกันสักวัน... ใช่ไหมล่ะ

(Some images used under license from Shutterstock.com.)