Haijai.com


คลอดธรรมชาติเจ็บน้อยกว่าคลอดแบบผ่าตัด


 
เปิดอ่าน 2294

“คลอดธรรมชาติ” เจ็บน้อยกว่าคลอดแบบผ่าตัดจริงหรือ?

 

 

เชื่อว่าคุณแม่ทุกคน พอใกล้ถึงวันใกล้คลอดทีไรเป็นต้องกังวลนั่นกังวลนี่กันทั้งนั้น โดยเฉพาะการคลอดธรรมชาติ  มักมีคนพูดให้ได้ยินแตกต่างกันเสมอว่า คลอดธรรมชาติไม่เจ็บ กับคลอดธรรมชาติเจ็บ ทำให้เกิดความสงสัย และส่งผลให้คุณแม่ที่ใกล้คลอดเริ่มกังวลกันแทบทั้งนั้น

 

 

การคลอดธรรมชาติ ที่ผ่านช่องคลอด

 

นี่เป็นการคลอดที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ และทารกต้องอยู่ในท่าเอาศีรษะลงเข้าสู่เชิงกราน  โดยการคลอดแบบธรรมชาตินี้ จะส่งผลดีกับคุณแม่และทารกมากกว่าการผ่าตัดคลอด และแน่นอนว่าขณะที่กำลังรอคลอด คุณแม่ทุกคนคงจะมีความรู้สึกกังวลและกลัวการเจ็บครรภ์เป็นที่สุด ซึ่งทางการแพทย์อาจจะมีวิธีบรรเทาความเจ็บปวดด้วยการใช้ยาแก้ปวด และอีกวิธีก็คือการบล็อกหลัง ซึ่งการบล็อกหลังต้องดูความเหมาะสมและความสมัครใจของคุณแม่เป็นรายๆ ไป และจะมีการปรับระดับยาที่จะลดความเจ็บปวดให้เหมาะสมกับคุณแม่ จนกระทั่งปากมดลูกเปิดหมอ 10 เซนติเมตร คุณแม่ก็ยังสามารถมีแรงเบ่งคลอดบุตรได้ ถ้าเป็นการคลอดครั้งแรก แล้วทารกมีขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ แต่คุณแม่ค่อนข้างมีรูปร่างที่ตัวเล็ก ก็อาจทำให้คุรแม่เจ็บครรภ์คลอดที่ค่อนข้างมาก อีกทั้งการที่ไม่ตัดแผลฝีเย็บเพื่อขยายช่องทางคลอด ก็อาจจะทำให้เกิดแผลฉีกขาด และเป็นอันตรายต่ออวัยวะใกล้เคียงได้เช่นกัน

 

 

การคลอดจะอยู่ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมน 3 ชนิด ซึ่งจะหลั่งมาจากต่อมใต้สมอง ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมนแห่งความรัก ที่จะช่วยสร้างความอบอุ่น ความรัก ความผูกพัน ระหว่างแม่กับลูก ฮอร์โมนที่ช่วยให้กล้ามเนื้อเต้านมบีบตัวเพื่อหลั่งน้ำนม และฮอร์โมนที่ทำให้มีความสุข ซึ่งจะหลั่งขณะปวดคลอด และด้วยสัญชาตญาณของทารก เขาสามารถรับรู้ถึงสายสัมพันธ์แม่ ลูก ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับอาการเจ็บเบ่งของแม่ ความรู้สึกรี้คุณแม่อาจหยั่งรู้ไม่ถึง แต่ลูกของคุณแม่รับรู้ได้ตามเส้นทางที่ธรรมชาติได้กำหนดไว้

 

 

เจ็บจริง หรือเจ็บหลอก

 

 การเจ็บครรภ์ในคุณแม่ใกล้คลอดนั้น จะมีอาการปวดร่วมกันพร้อมกับมีการหดรัดตัวของมดลูก ที่เป็นการปวดเหมือนกับการปวดประจำเดือน แต่การปวดท้องคลอดจะเป็นการเจ็บปวดที่บริเวณมดลูกทั้งหมด ความปวดจะมีระดับความรุนแรง(severity) ที่เพิ่มขึ้นๆ และช่วงเวลาของการปวดแต่ละครั้ง(Interval) จะสั้นลงๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าเจ็บทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ก็เปลี่ยนเป็นเจ็บทุกๆ 30 นาที

 

 

 ความเจ็บปวดจากการที่มดลูกหดรัดตัว จะมีระยะเวลาในการปวดแต่ละครั้งที่นานขึ้นเรื่อยๆ จาก 10 วินาที เป็น 20 วินาที เป็น 40 วินาที และเมื่อคุณแม่เจ็บครรภ์คลอดจริงขึ้นมา การคลอดก็จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งทารกคลอดเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อทารกได้คลอดออกมา และส่งเสียงร้องขึ้นนั่นเอง

 

 

 อาการเจ็บปวดครรภ์ไม่สม่ำเสมอ เจ็บที่มีการทิ้งระยะห่างออกไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งมดลูกมีการหดรัดตัวเบาๆ ไม่รุนแรง จนกระทั่งการเจ็บปวดหยุดลง อาการนี้มักเรียกกันว่าการเจ็บครรภ์หลอก (False Labor)

 

 

Steps การเจ็บครรภ์คลอดในแบบวิถีธรรมชาติ

 

ระยะที่ 1 ของการคลอด First Stage of Labor  เป็นการเริ่มเจ็บครรภ์จริงจนถึงปากมดลูกเปิดหมด โดยแบ่งย่อยออกเป็น 3 ระยะ

 

 Early Labor เริ่มตั้งแต่ปากมดลูกยังปิดอยู่ จนกระทั่งปากมดลูกเปิดได้ 4 เซนติเมตร ก็จะมีการหดรัดตัวของมดลูก ทุกๆ 5-30 นาที เป็นระยะเวลาประมาณ 15-40 วินาที คุณแม่ที่เจ็บคลอดจะมีอาการปวดแบบปวดตะคริว มีอาการปวดหลังร่วมด้วย

 

 

 Accelerated Labor มีการหดรัดตัวของมดลูกทุกๆ 2-3 นาที เป็นระยะเวลาประมาณ 45-60 วินาที โดยการหดรัดตัวจะแรงขึ้นในระยะนี้ สารเอนเดอร์ฟินจะเริ่มหลั่งออกมาเพื่อช่วยให้ผู้คลอดสามารถดำเนินการคลอดต่อไปได้ พฤติกรรมของผู้คลอดจะเริ่มเปลี่ยนไปโดยจะเงียบลง ไม่สนใจต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะนั่งหรือนอนอยู่กับที่ หลับตาลง อาการแสดงเหล่านี้ได้บอกว่าระดับสารเอนดอร์ฟินในร่างกายของคุณแม่นั้นมีเพียงพอสำหรับความต้องการ และการคลอดก็จะดำเนินต่อไปได้อย่างปกติ

 

 

 Transition ในระยะนี้จะมีการหดรัดตัวของมดลูกทุกๆ 1-3 นาที เป็นระยะเวลา 45-90 วินาที โดยจะหดรัดรุนแรงที่สุด และจะทำให้คุณแม่เจ็บปวดมาก ร่วมทั้งร่างกายจะมีการสร้างสารเอนเดอร์ฟินจะสูงที่สุดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้สามารถทนต่อความเจ็บปวดและทำให้ผู้คลอดมุ่งสนใจแต่ภายในตัวของผู้คลอด(Focus Inwardly) คุณแม่จะมีปฏิกิริยาในการหายใจที่ถี่และเร็วขึ้นจากการปวด ในคุณแม่บางรายอาจร้องครวญครางออกมาได้ หรือร้องขอยาแก้ปวด หรือขอให้ผ่าตัด ซึ่งหากผู้ดูแลรู้หลักการดังกล่าวแล้วก็จะช่วยประคับประคองให้การคลอดดำเนินไปสู่ระยะที่ 2 ของการคลอดโดยปราศจากการแทรกแซงที่ไม่จำเป็น เนื่องจากอาการทั้งหมดนี้เป็นผลของสารเอนเดอร์ฟิน ซึ่งช่วยให้คุณแม่สามารถลืมอาการเจ็บปวดหลังคลอดแล้ว และยังช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก(Bonding) หลังคลอด ในระยะนี้มดลูกกำลังเปลี่ยนสถานะของการกระทำจากการขยายปากมดลูก เป็นการผลักดันทารกผ่านช่องทางคลอด ซึ่งสามารถจะทราบได้โดยผู้คลอดเริ่มมีความต้องการอยากที่จะเบ่ง

 

 

ระยะที่ 2 ของการคลอด Second Stage of Labor

 

 โดยทั่วไปหลังจากสิ้นสุดระยะที่ 1 ของการคลอดจนถึงความรู้สึกอยากเบ่งคลอดอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก มีระยะเวลาประมาณ 10-30 นาที ซึ่งเป็นระยะพักหลังจากที่ได้ผ่านการเจ็บครรภ์คลอดในระยะที่ 1 หลังจากนั้นจึงมีความรู้สึกอยากเบ่ง ดังนั้นจึงไม่ควรให้ผู้คลอดเบ่งในระยะที่อยู่ในระยะพักดังกล่าว มดลูกในระยะนี้มรการหดรัดตัวทุก 3-5 นาที เป็นระยะเวลาประมาณ 45-70 วินาที ระยะที่ 2 ของการคลอดจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อทารกคลอดออกมาแล้วส่งเสียงร้องแรกนั่นเอง

 

 

ฝึกการหายใจเพื่อการคลอด

 

การหายใจขณะที่กำลังจะคลอดก็มีส่วนทำให้การคลอดผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเช่นกัน ดังนั้นการหายใจหรือการกำหนดลมหายใจเข้าออก จึงมีหลักในการให้คุณแม่ที่ใกล้คลอดได้ไปลองฝึกปฏิบัติกันดูคะ ซึ่งการหายใจจะมีอยู่ 3 ระดับ ดังนี้

 

 

 การหายใจ แบบล้างปอด

 

คือการสูดหายใจเข้าลึกๆ โดยใช้มือข้างหนึ่งวางไว้ที่ท้อง ถ้าหายใจถูกต้อง ท้องจะต้องป่อง จากนั้นก็ให้ผ่อนลมหายใจออกทางปากช้าๆ

 

 

 การหายใจ ระดับอก

 

คือการสูดหายใจ ถึงแค่ระดับอก โดยใช้มืออข้างหนึ่งวางไว้ที่อก ถ้าหายใจถูกต้อง อกจะต้องพองขึ้น จากนั้นก็ให้ผ่อนลมหายใจออกทางปากช้าๆ

 

 

 การหายใจ ระดับคอ

 

คือการสูดหายใจตื้นๆ เร็วๆ โดยหายใจ ถึงแค่ระดับคอ แล้วหายใจออกทางปากถี่ๆ ซึ่งการหายใจแต่ละระดับจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายลง และบรรเทาความเจ็บปวดในระยะต่างๆ ของการคลอดได้

 

 

วิธีปฏิบัติขณะคลอด

 

เมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัว ซึ่งจะมีอาการปวดท้อง ให้หายใจล้างปอด 1 ครั้ง จากนั้นให้หายใจระดับอก นับ 1 2 3 แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปาก นับ 1 2 3 ทำเช่นนี้ 6-9 ครั้งต่อนาที เมื่อมดลูกคลายตัวเต็มที่ ให้หายใจล้างปอดอีก 1 ครั้ง สำหรับการหายใจแบตื่นๆ ถี่ๆ จะใช้ในช่วงที่อยากเบ่ง แต่ปากมดลูกยังไม่เปิดเต็มที่ คุณพยาบาลแนะนำว่า อย่าเพิ่งเบ่ง(เพราะเบ่งยังไง ลูกก็ยังไม่คลอด ควรที่จะเก็บแรงไว้ก่อน) แต่ให้ผ่อนคลายด้วยการหายใจ ตื้นๆ ถี่ๆ โดยหายใจเข้านับ 1 หายใจออกทางปากนับ 2 ทำไปเรื่อยๆ  จนกว่าจะถึงการเบ่งคลอดขั้นสุดท้าย

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





ลดไขมันในร่างกาย วิธีลดไขมัน ลดไขมันต้นขา สลายไขมันหน้า ไตรกลีเซอไรด์ เซลลูไลท์ วิธีแก้นอนกรน ลดไขมัน Coolsculpting ทำกี่ครั้ง Sculpsure Sculpsure กับ Coolsculpting นอนกรนเกิดจาก Morpheus8 สลายไขมันหน้าท้อง วิธีลดพุงผู้หญิงเร่งด่วน 3 วัน Body Slim ลดไขมันทั้งตัว วิธีลดพุงผู้ชาย Morpheus8 กับ Ulthera ลดพุงเร่งด่วน วิธีลดไขมันต้นขา ลดพุง ดูดไขมัน วิธีลดหน้าท้อง สลายไขมันด้วยความเย็น คอเลสเตอรอล วิธีลดไขมันหน้าท้อง ไขมัน วิธีลดพุงผู้หญิง Coolsculpting Elite CoolSculpting vs Emsculpt วิธีลดพุง สลายไขมันต้นขา ลดไขมันหน้าท้อง นวดสลายไขมัน ผลไม้ลดความอ้วน ลดน้ำหนักเร่งด่วน อาหารคลีน กินคลีนลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน กินคีโต วิธีลดความอ้วนเร็วที่สุด อาหารลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วิธีลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดความอ้วนเร่งด่วน ผลไม้ลดน้ำหนัก อาหารเสริมลดความอ้วน วิธีลดความอ้วน เมนูลดความอ้วน วิธีการสลายไขมัน ลดความอ้วน สลายไขมัน ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก Exilis Elite Thermage Body ออฟฟิศซินโดรม Inbody Vaginal Lift Morpheus Pro Oligio Body IV Drip Emsella เลเซอร์นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก Emsculpt CoolSculpting บทความดูแลรูปร่างและสุขภาพ บทความกระชับสัดส่วนรูปร่าง บทความน่ารู้ romrawin รมย์รวินท์ IPL เลเซอร์ขนแขน YAG Laser Diode Laser ไฮยาลูรอน ฟิลเลอร์น้องชายอันตรายไหม ฉีดสิว Emtone 1 week 1 Kilo ลดน้ำหนัก กลืนบอลลูน Exo Hair Reborn หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ดูดไขมัน ดึงหน้า ตาสองชั้น ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ยกคิ้ว เสริมหน้าอก บทความศัลยกรรม วีเนียร์ บทความทันตกรรม สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Fit Firm Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Elite บทความลดน้ำหนัก ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP ดริปวิตามิน บทความดูแลสุขภาพ Vaginal Lift P-SHOT O-Shot บทความสุขภาพเพศ Meso Hair LLLT ปลูกผมด้วยแสงเลเซอร์ ปลูกผมผู้ชาย ปลูกผมสำหรับผู้หญิง ปลูกผมถาวร ปลูกผม FUE ปลูกผม รักษาผมร่วง บทความรักษาผมร่วง ผมบาง บทความดูแลเส้นผม เลเซอร์รักแร้ขาว เลเซอร์ขน เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์เครา เลเซอร์รักแร้ กำจัดขนถาวร เลเซอร์ขน บทความเลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์รอยสิว Pico Laser Pico Majesty Pico Majesty Laser Reepot Laser Reepot บทความโปรแกรมหน้าใส NCTF 135 HA Rejuran Belotero Glassy Skin Juvederm Volite Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Skinvive Sculptra vs ฟิลเลอร์ Sculptra บทความ Sculptra Radiesse บทความ Radiesse บทความฉีดหน้าใส UltraClear AviClear Laser AviClear Accure Laser Accure บทความโปรแกรมรักษาสิว ฟิลเลอร์คอ ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์มือ ฟิลเลอร์หน้าใส ฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา ฟิลเลอร์ยกหน้า ฟิลเลอร์หลุมสิว หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม หลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฟิลเลอร์ปาก 1 CC ฟิลเลอร์จมูกราคา ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฟิลเลอร์น้องสาวกี่ CC ฟิลเลอร์ราคา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ บทความฟิลเลอร์ ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย บทความโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime อัลเทอร่า Ulthera Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Oligio บทความยกกระชับใบหน้า ร้อยไหมหน้าเรียว ไหมหน้าเรียว ร้อยไหมเหนียง ไหมเหนียง ร้อยไหมยกหางตา ไหมยกหางตา Foxy Eyes ร้อยไหมปีกจมูก ไหมปีกจมูก ร้อยไหมกรอบหน้า ไหมกรอบหน้า ร้อยไหมร่องแก้ม ไหมร่องแก้ม ร้อยไหมก้างปลา ไหมก้างปลา ร้อยไหมคอลลาเจน ไหมคอลลาเจน ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม บทความร้อยไหม Apex