© 2017 Copyright - Haijai.com
ยาเลื่อนประจำเดือน
การมีประจำเดือนถือเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิงที่ต้องพบเจอทุกเดือน แต่ในบางครั้งประจำเดือนก็อาจกลายเป็นเรื่องกวนใจ เช่น เวลาไปเที่ยวทะเล เป็นต้น การเลื่อนประจำเดือนในช่วงระยะเวลาไม่กี่วัน จึงสามารถทำได้ โดยการใช้ยาเลื่อนประจำเดือนนั่นเอง โดยตัวยาสำคัญที่อยู่ในเม็ดยาเลื่อนประจำเดือน คือ นอร์อิทิสเตอโรน (norethisterone) ขนาด 5 มิลลิกรัม
กลไกการออกฤทธิ์ในการเลื่อนประจำเดือน
นอร์อิทิสเตอโรนเป็นยาที่สังเคราะห์ขึ้น มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน (progesterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่มีอยู่ในร่างกายฮอร์โมนตัวนี้ ทำหน้าที่ควบคุมการหนาตัวของเยื่อบุมดลูก โดยทำหน้าที่ร่วมกับฮอร์โมนเพศหญิงอีกตัวหนึ่ง ที่มีชื่อว่าเอสโตรเจน (estrogen) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการให้ตัวอ่อนฝังตัว โดยทั่วไปถ้าไม่ได้เกิดการผสมระหว่างไข่และอสุจิ ระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน ก็จะลดลงในวันที่ 28 ของรอบประจำเดือน มีการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการบีบตัวของมดลูก ทำให้เยื่อบุมดลูกหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน แต่ถ้ามีการฝังตัวของตัวอ่อน ระดับของฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนจะไม่ลดลง เป็นผลให้เยื่อบุมดลูกไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน ดังนั้น การคงระดับของฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนให้อยู่ในระดับสูงตลอดด้วยการรับประทานยานอร์อิทิสเตอโรน จะทำให้เยื่อบุมดลูกไม่เกิดการหลุดลอก ทำให้สามารถเลื่อนประจำเดือนออกไปได้
วิธีการรับประทานยาเลื่อนประจำเดือน
การรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนเหมาะสำหรับใช้ในผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาตรงกันในแต่ละเดือน เพื่อที่จะสามารถคาดคะเนวันที่ประจำเดือนมาได้ใกล้เคียงที่สุด โดยควรเริ่มรับประทนยาเลื่อนประจำเดือนอย่างน้อย 3 วันล่วงหน้าก่อนวันที่คาดว่าจะเป็นวันแรกของประจำเดือน รับประทนยาเลื่อนประจำเดือนครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง หลังมื้ออาหาร และรับประทานยาต่อเนื่องต่อไป จนกว่าจะต้องการให้มีประจำเดือนเมื่อใด ก็หยุดรับประทานยา เมื่อหยุดรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนแล้ว 2-3 วัน ประจำเดือนก็จะมา ไม่ควรรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนติดต่อกันนานเกินกว่า 14 วัน
ระหว่างที่รับประทานยาเลื่อนประจำเดือน หากลืมควรทำเช่นไร
หากลืมรับประทานยาเลื่อนประจำเดือน แนะนำให้รับประทนเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และรับประทานต่อในมื้อถัดไปตามปกติ หากลืมรับประทานยาติดต่อกันแม้เพียง 2 มื้อ ระดับของฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนจะลดต่ำลง เป็นผลให้เยื่อบุมดลูกหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน
อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นจากการรับประทานยาเลื่อนประจำเดือน
อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดได้จากยานอร์อิทิสเตอโรน ได้แก่ คลื่นไส้ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะไมเกรน อาจเกิดการบวมจากการคั่งของน้ำได้ในผู้ป่วยบางราย ผื่นแพ้ตามผิวหนัง โดยหากมีอาการบวมน้ำ หรือผื่นคันตามผิวหนัง ควรหยุดรับประทนยาแล้วไปพบแพทย์
การรับประทานยาเลื่อนตอนประจำเดือนมาแล้วมีผลอย่างไร
การรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนในขณะที่กำลังมีประจำเดือน ซึ่งแสดงว่าเกิดการหลุดลอกของผนังมดลูกแล้ว ก็อาจส่งผลเพียงแค่ทำให้ประจำเดือนที่มาแล้วนั้น มีปริมาณลดลงและจำนวนวันของการมีประจำเดือนสั้นลงเท่านั้น
ในระหว่างที่รับประทานยาเลื่อนประจำเดือน หากมีเพศสัมพันธ์จะตั้งครรภ์ได้หรือไม่
การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนตามที่ได้แนะนำข้างต้น ควรที่จะรับประทานอย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาเป็นวันแรก ซึ่งเป็นช่วงที่มีโอกาสการตั้งครรภ์น้อยอยู่แล้ว ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อย อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีโอกาสน้อย ก็ควรที่จะคุมกำเนิดด้วยวิธีการอื่นร่วมด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น
ข้อห้ามใช้ของยาเลื่อนประจำเดือน
ห้ามใช้ยาเลื่อนประจำเดือนในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจทำให้ทารกในครรภ์มีการพัฒนาอวัยวะเพศที่ผิดปกติได้ มารดาที่ให้นมบุตรก็ห้ามใช้ยาเลื่อนประจำเดือนเช่นกัน เนื่องจากยาสามารถปนออกมากับน้ำนมได้ ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีประวัติการเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน และผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคตับขั้นรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน
ถ้าหยุดรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนแล้ว ประจำเดือนไม่มาควรทำอย่างไร
เมื่อหยุดรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนแล้ว 2-3 วัน ประจำเดือนก็จะมา แต่ถ้าหากหยุดรับประทานยาไปนานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ประจำเดือนก็ยังไม่มา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และการรักษาที่เหมาะสม
ยาที่รับประทานแล้วอาจไปตีกันกับยาเลื่อนประจำเดือน
การใช้ยานอร์อิทิสเตอโรนร่วมกับยาบางประเภท อาจทำให้ประสิทธิภาพในการเลื่อนประจำเดือนลดลงได้ ดังนั้น หากมียาเดิมที่รับประทานเป็นประจำก่อนรับประทานยานอร์อิทิสเตอโรน หรอืหากรับประทานยานอร์อิทิสเตอโรนอยู่เดิมแล้ว ได้รับยารายการอื่นมารับประทานเพิ่ม ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งให้รับทราบว่า ท่านรับประทานยาชนิดนี้อยู่เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงไปใช้ยาตัวที่ไม่มีปัญหายาตีกัน กับยานอร์อิทิสเตอโรน
การรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนบ่อยๆ ทำให้เกิดอันตรายหรือไม่
นอกเหนือจากอาการไม่พึงประสงค์ที่ได้กล่าวไปแล้ว การรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนบ่อยๆ อาจส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย หรืออาจทำให้ประจำเดือนไม่มาเลยก็ได้ในบางราย
กรณีรับประทนยาคุมกำเนิดเป็นประจำอยู่แล้ว หากต้องการเลื่อนประจำเดือน จำเป็นจะต้องใช้ยาเลื่อนประจำเดือนหรือไม่
การที่รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นประจำอยู่แล้ว หากต้องการที่จะเลื่อนประจำเดือน ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนเพิ่มเติมเข้าไปอีก สามารถที่จะปรับการรับประทานยาคุมกำเนิดที่รับประทานประจำเพื่อเลื่อนประจำเดือนได้ โดย
• กรณีรับประทานยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด ที่มีปริมาณยาเท่ากันทุกเม็ด เมื่อรับประทานยาแผงเดิมจนหมดแล้ว ให้รับประทานยาแผงใหม่วันละ 1 เม็ดต่อไปทันที โดยไม่ต้องหยุด 7 วัน จนกระทั่งหมดแผงที่ 2 ให้หยุดยา 7 วัน ซึ่งประจำเดือนจะมาในช่วงนี้
• กรณีรับประทานยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ด มีเม็ดยา 21 เม็ด และเป็นเม็ดแป้ง 7 เม็ด
เมื่อรับประทนเม็ดที่เป็นตัวยาครบ 21 เม็ดแล้ว ให้ทิ้งเม็ดแป้ง 7 เม็ดที่เหลือไป และเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ต่อไปทันที โดยให้เริ่มรับประทานเม็ดที่เป็นตัวยาต่อ เมื่อรับประทานต่อเนื่องจนครบทั้ง 28 เม็ด ประจำเดือนจะมาในช่วง 7 เม็ดสุดท้ายที่เป็นเม็ดแป้ง
ทั้งนี้หากมีปัญหาหรือมีข้อสงสัยในการใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือน แนะนำให้นำยาคุมกำเนิดที่รับประทานประจำไปปรึกษาเภสัชกร
ภก.ทศพล เลิศวัฒนชัย
(Some images used under license from Shutterstock.com.)